การแข่งขันอย่างดุเดือดจบลงด้วยชัยชนะครั้งที่ 18 ของปอร์เช่ในรายการ Le Mans

12 Jul 2016
ผลการแข่งขันรายการ Le Mans 24 ชั่วโมง LMP1 การแข่งขันอย่างดุเดือดจบลงด้วยชัยชนะครั้งที่ 18 ของปอร์เช่ในรายการ Le Mans
การแข่งขันอย่างดุเดือดจบลงด้วยชัยชนะครั้งที่ 18 ของปอร์เช่ในรายการ Le Mans

สตุ๊ตการ์ท. การขับเคี่ยวอันสูสีระหว่างปอร์เช่และโตโยต้าในรายการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบระดับตำนาน Le Mans 24 ชั่วโมง จบลงด้วยผลลัพธ์ที่ไม่มีผู้ใดสามารถคาดเดาได้ ก่อนการวิ่งในรอบสุดท้าย รถแข่งจากทีมโตโยต้าคือผู้ที่เข้าใกล้คำว่าแชมป์มากที่สุด แต่รถคันดังกล่าวกลับต้องหยุดอยู่กลางสนามแข่งอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด หลังจาก 1 รอบสนามผ่านไป รถแข่งปอร์เช่ 919 ไฮบริด (919 Hybrid) หมายเลข 2 ซึ่งขับขี่โดย Romain Dumas (FR) Neel Jani (CH) และ Marc Lieb (DE) คือผู้วิ่งผ่านเส้นชัยและรับธงตราหมากรุกไปเป็นคันแรก ท่ามกลางการลุ้นระทึกของผู้ชมในสนามกว่า 263,000 คน นับเป็นการคว้าชัยชนะของนักแข่งทั้ง 3 อีกครั้ง หลังจากเคยขับรถแข่งสมรรถนะสูงระดับ 900 แรงม้า (662 กิโลวัตต์) ครองตำแหน่งแชมป์ที่ประเทศบราซิลในฤดูกาล 2014

ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทำให้ทีมแข่งปอร์เช่สร้างผลงานอันยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น ด้วยชัยชนะทั้งหมดรวม 18 ครั้ง ในรายการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบที่ถือได้ว่าทรหดและยากลำบากที่สุดในโลก ถ้วยรางวัลเกียรติยศที่สูงค่าที่สุดใบหนึ่งของวงการมอเตอร์สปอร์ต ได้กลับมาประดับอยู่ ณ สำนักงานใหญ่ของปอร์เช่เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากบริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตชั้นนำแห่งนี้ได้คว้าชัยชนะดังกล่าวมาครอบครอง และนั่นคือบันทึกสถิติใหม่พร้อมกับการป้องกันตำแหน่งแชมป์ที่ได้ในฤดูกาล 2015 ที่ผ่านมา โดย Earl Bamber (NZ) Nico Hülkenberg (DE) และ Nick Tandy (GB) รถแข่งปอร์เช่ 919 ไฮบริด (919 Hybrid) คือเจ้าของตำแหน่งชนะเลิศเมื่อปีที่แล้ว ชัยชนะในรายการ Le Mans ครั้งแรกของทีมปอร์เช่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 1970 จากการขับของ Hans Herrmann และ Richard Attwood ในรถ 917 KH Coupe

สำหรับรถแข่งปอร์เช่ 919 ไฮบริด (919 Hybrid) หมายเลข 1 ซึ่งรับหน้าที่บังคับควบคุมโดย Timo Bernhard (DE) อดีตแชมป์รายการ endurance world champions รวมทั้ง Brendon Hartley (NZ) และ Mark Webber (AU) ประสบปัญหา จนส่งผลให้ต้องนำรถเข้าแก้ไขในช่วงการแข่งขันตอนกลางคืนเป็นระยะเวลานาน หลังจากกลับลงสนามอีกครั้ง สามารถจบการแข่งขันในตำแหน่งที่ 13 เมื่อนับรวมทุกรุ่น และคว้าอันดับที่ 5 ในรุ่น LMP1 จากผลงานโดยรวมดังกล่าว ทำให้ทีมปอร์เช่ได้รับคะแนนสะสมจากการลงแข่งขันในรายการ Le Mans ครั้งนี้ทั้งสิ้นถึง 71 คะแนน ยึดตำแหน่งผู้นำบนตารางอันดับของ FIA World Endurance Championship (WEC) ประเภทโรงงานผู้ผลิต ทั้งนี้ Le Mans 24 ชั่วโมง เป็นรายการแข่งขันที่มีคะแนนสะสมสูงเป็น 2 เท่าจากการแข่งขันของสนามอื่นๆ อีก 8 สนาม ซึ่งใช้เวลาแข่งเพียง 6 ชั่วโมงเท่านั้น ทีมปอร์เช่มีคะแนนสะสมเป็นอันดับ 1 ของรายการในประเภทโรงงานผู้ผลิตที่ 127 คะแนน อันดับ 2 คือทีมออดี้ 95 คะแนนและอันดับ 3 ทีมโตโยต้า 79 คะแนน ในส่วนของคะแนนสะสมประเภทนักแข่ง อันดับ 1 เป็นของ Dumas Jani และ Lieb ด้วยผลงาน 94 คะแนน ทิ้งระยะห่างจากอันดับ 2 ถึง 39 คะแนน

สถานการณ์ของทีมปอร์เช่หลังจากช่วงเที่ยงของวันอาทิตย์:

Marc Lieb ใช้ความพยายามอย่างหนักในการหาโอกาสที่จะขึ้นนำในการแข่งขัน ภายหลังจากการรับช่วงประจำการหลังพวงมาลัยของรถแข่งปอร์เช่ 919 ไฮบริด (919 Hybrid) หมายเลข 2 ต่อจาก Neel Jani ในเวลา 11:50 น. ผ่านไปแล้ว 331 รอบสนาม โดยเข้าพิทเพื่อเติมน้ำมันเชื้อเพลิงในรอบที่ 345 359 และ 373 เมื่อการแข่งขันดำเนินมาจนถึงรอบที่ 381 รถแข่งปอร์เช่จำเป็นต้องกลับเข้าพิทอีกครั้งเพื่อแก้ปัญหายางรั่ว ช่วงสุดท้ายของการแข่งขันมาถึงด้วยผลลัพธ์ที่ดูเหมือนว่าการจบด้วยอันดับ 2 คือสิ่งที่ทีมปอร์เช่ทำได้ดีที่สุด แต่แล้วกลับเกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด โดยรถแข่งจากทีมโตโยต้าซึ่งรั้งตำแหน่งผู้นำอยู่ในขณะนั้น กลับต้องจอดนิ่งอยู่กลางสนามก่อนเข้าสู่รอบสุดท้ายทางด้านของรถแข่งปอร์เช่หมายเลข 1 สามารถขึ้นนำตั้งแต่ออกสตาร์ท แต่กลับต้องสูญเสียโอกาสในการวิ่งทำระยะทางและถูกทิ้งห่างไปถึง 39 รอบสนาม จากปัญหาปั๊มน้ำทำงานผิดปกติก่อให้เกิดความเสียหายอื่นตามมาในเวลา 23:13 น. ในขณะที่ Mark Webber กลับมารับหน้าที่กุมบังเหียนในเวลา 11:20 น. หลังจากวิ่งไปแล้ว 285 รอบสนาม โดย Webber นำรถกลับเข้าพิทเพื่อเติมน้ำมันเชื้อเพลิงในรอบที่ 298 และ 311 เมื่อเข้าสู่รอบที่ 324 Webber ส่งมอบตำแหน่งผู้ขับต่อให้แก่ Timo Bernhard ซึ่งใช้ทักษะและความทุ่มเทสูงสุดในการเร่งความเร็วเต็มที่เพื่อตีตื้นขึ้นมาเมื่อเข้าใกล้ช่วงสุดท้ายของการแข่งขัน รถแข่งหมายเลข 1 แซงกลับขึ้นมาจนอยู่ในตำแหน่งที่ 13 หลังจากผ่านไป 337 รอบสนาม และเข้าเส้นชัยไปด้วยอันดับดังกล่าว จากระยะทางทั้งหมดที่ทำได้ 346 รอบสนาม

นานาทรรศนะหลังการแข่งขัน:

Fritz Enzinger รองประธาน LMP1: "ก่อนที่จะกล่าวอย่างอื่นนั้น ผมต้องขอแสดงความนับถือจากใจสำหรับการทุ่มเทและประสิทธิภาพในการแข่งขันของทีมโตโยต้าในรายการนี้ นับได้ว่าเป็นการขับเคี่ยวที่ยอดเยี่ยมระหว่าง 2 ทีม ด้วยระยะเวลาที่เหลือเพียงเล็กน้อยก่อนการแข่งจะจบลงนั้น ทีมปอร์เช่ของเรายังคงอยู่ในอันดับที่ 2 จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ทำให้ทีมของเราสามารถคว้าตำแหน่งชนะเลิศในรายการ Le Mans เป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกัน ผมขอขอบคุณทีมงานชั้นยอดทั้งผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ใน Weissach รวมทั้งทีมงานที่ปฏิบัติงานอยู่ใน Le Mans และเจ้าหน้าที่ของปอร์เช่ทุกคน ซึ่งแน่นอนว่าต้องขอบคุณแฟนๆ ของเราที่ให้การสนับสนุนและอยู่เคียงข้างทีมแข่งเสมอมา"

Andreas Seidl หัวหน้าทีมแข่ง: "สิ่งแรกที่พวกเราทุกคนจะต้องรู้สึกเมื่อพูดถึงทีมงานและเพื่อนของเราจาก Cologne คือคำขอบคุณที่ส่งมอบการแข่งขันอันสุดยอดให้แก่พวกเรา จวบจนการวิ่งรอบสุดท้ายซึ่งมีบางสิ่งที่ไม่ได้คาดหวังเกิดขึ้นและส่งผลเสียหายต่อคู่แข่งคนสำคัญของเรา อย่างไรก็ตามนี่คือการแข่งกีฬาที่ต้องมีผู้แพ้และผู้ชนะ นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราชื่นชอบมัน ท่ามกลางการแข่งขันที่มีเดิมพันด้วยชัยชนะนั้น เราสามารถสร้างแรงกดดันให้แก่ทีมโตโยต้าและส่งผลให้เกิดความผิดพลาดขึ้น นักแข่งของเราใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการขับขี่ บรรยากาศแห่งความตื่นเต้นเร้าใจอย่างที่สุดนั้นเกิดขึ้นตลอดเวลาที่มีการเปลี่ยนตำแหน่งผู้นำ นับตั้งแต่เราเริ่มต้นการพัฒนาและเตรียมความพร้อมให้แก่รถแข่งปอร์เช่ 919 ไฮบริด (919 Hybrid) เพื่อสมรรถนะสูงสุดในการลงแข่งขัน ซึ่งเกิดขึ้นจากการร่วมแรงร่วมใจของเพื่อนร่วมงานที่บ้านของเราใน Weissach กับทีมงานสนามทุกคน เช่นเดียวกับความยินดีที่ผมมีให้กับรถแข่งหมายเลข 2 และความรู้สึกเสียดายที่มีต่อรถแข่งหมายเลข 1 นั้น ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย หากไม่นับถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้ต้องใช้เวลาในการแก้ไขอย่างมากนั้น เราจะสามารถต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งชนะเลิศได้อย่างสูสีกว่านี้อย่างแน่นอน การคว้าชัยที่ Le Mans ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการแข่งขันในแต่ละฤดูกาล และมันเป็นการยากที่จะเชื่อว่าเราสามารถเอาตำแหน่งชนะเลิศมาครอบครองได้ติดต่อกันถึง 2 ครั้ง ด้วยระยะเวลาเพียง 3 ปีหลังจากกลับมาลงแข่งขันอย่างเป็นทางการ สิ่งต่อไปที่เราจะทำนับจากนี้คือการเก็บคะแนนสะสมอย่างต่อเนื่อง และรักษาตำแหน่งแชมป์เอาไว้ให้ได้"

ทีมงานนักแข่งผู้ควบคุมรถแข่งปอร์เช่ 919 Hybrids หมายเลข 1:

Timo Bernhard (35 ปี ชาวเยอรมัน):

(ผ่านการแข่งขัน 9 ครั้ง: ผู้ชนะคะแนนรวมอันดับ 1 ฤดูกาล 2010, คะแนนรวมอันดับ 2 ฤดูกาล 2015 และผู้ชนะในรุ่น GT ฤดูกาล 2002)

"ยินดีกับรถแข่งอีกคันของเราและชัยชนะของทีมปอร์เช่ มันเป็นตำแหน่งที่คู่ควรกับเรา ถึงแม้คู่แข่งของเราจะต่อสู้เพื่อแย่งชิงความเป็นผู้นำได้เป็นระยะเวลานานเกือบตลอด 24 ชั่วโมงและเกือบจะประสบความสำเร็จก็ตาม ผมรู้สึกเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับทีมงานทุกคนของโตโยต้าที่พลาดหวังจากการคว้าชัยชนะในลักษณะที่เกิดขึ้นนี้ ทีมของเราเองก็โชคไม่ดีเช่นเดียวกัน แน่นอนว่าผมรู้สึกเสียใจสำหรับ Mark, Brendon และบรรดาทีมงานของผม ซึ่งไม่เคยละทิ้งความพยายามในการทุ่มเททำงานอย่างสุดความสามารถ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับรถแข่ง 919 ไฮบริด (919 Hybrid) ของเรา จนสามารถกลับลงสนามได้อีกครั้งในที่สุด เรารู้สึกผิดหวังนิดหน่อยสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฤดูกาลนี้ แต่เราจะผ่านมันไปได้ รถแข่งของเราเป็นรถที่ทำความเร็วได้สูงเอามากๆ เราน่าจะสามารถขึ้นนำหรืออย่างน้อยน่าจะเก็บคะแนนสะสมประเภทโรงงานผู้ผลิตให้แก่ทีมได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เราจะกลับมาที่นี่อีกในฤดูกาลหน้า ผมไม่เคยยอมแพ้และต้องการจะคว้าแชมป์ที่นี่ไปพร้อมๆ กับทีมปอร์เช่ให้ได้"

Brendon Hartley (26 ปี ชาวนิวซีแลนด์):

(ผ่านการแข่งขัน 4 ครั้ง: คะแนนรวมอันดับ 2 ฤดูกาล 2015)

"สิ่งสุดท้ายที่เราสามารถทำได้เมื่ออยู่หลังพวงมาลัยของรถแข่ง นั่นคือนักแข่งทุกคนต้องพยายามขับให้เร็วที่สุด เพื่อเก็บคะแนนสะสมให้ได้บ้าง ทีมงานปอร์เช่ล้วนยินดีเป็นอย่างยิ่งกับชัยชนะที่ได้รับ เรารู้สึกผิดหวังเล็กน้อยกับปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แต่ทีมงานทุกคนต่างแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณของนักสู้ที่ไม่เคยย่อท้อและภาวนาให้รถแข่งอีกคันของเราประสบความสำเร็จ"

Mark Webber (39 ปี ชาวออสเตรเลีย):

(เข้าร่วมการแข่งขัน 4 ครั้ง: คะแนนรวมอันดับ 2 ฤดูกาล 2015, ไม่ได้ลงแข่งขันในฤดูกาล 1998 และ 1999)

"ผมมีความภาคภูมิใจมากในตัวทีมงานทุกคน รวมไปถึงทีมช่างเทคนิคผู้ซึ่งทุ่มเททำงานอย่างหนัก ถือเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้รับหน้าที่ในการขับรถแข่งปอร์เช่ร่วมลงแข่งขันในรายการ Le Mans อีกครั้งหนึ่ง ถึงแม้ว่าวันนี้จะไม่ใช่วันของเราก็ตามที เราโชคไม่ดีที่เกิดปัญหาขึ้นกับปั๊มน้ำ นั่นส่งผลกระทบรุนแรงกับเรา เราเสียเวลาไปเยอะมาก แต่ถึงกระนั้น Timo และ Brendon ยังคงขับขี่ได้อย่างสุดยอด ท้ายที่สุดเราทุกคนต่างหวังถึงความสำเร็จของรถแข่งหมายเลข 2 แน่นอนว่าผมเองรู้สึกยินดีอย่างยิ่งสำหรับเพื่อนร่วมทีมและทีมปอร์เช่ของเรา สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับทีมโตโยต้าในวันนี้ มันเป็นเรื่องที่ยากจะทำใจและอดที่จะรู้สึกเสียดายไปกับพวกเขาไม่ได้"

ทีมงานนักแข่งผู้ควบคุมรถแข่งปอร์เช่ 919 Hybrid หมายเลข 2:

Romain Dumas (35 ปี ชาวฝรั่งเศส):

(ผ่านการแข่งขัน 15 ครั้ง: ผู้ชนะคะแนนรวมอันดับ 1 ฤดูกาล 2010, คะแนนรวมอันดับ 3 ฤดูกาล 2007, คะแนนรวมอันดับ 5 ฤดูกาล 2015 และผู้ชนะในรุ่น GTE ฤดูกาล 2013)

"แน่นอนว่าเราทุกคนรู้สึกเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับทีมโตโยต้า มันเป็นการแข่งขันที่ยอดเยี่ยมมาก แต่เมื่อโอกาสคว้าชัยชนะในการแข่งขันที่ Le Mans มาถึง คุณไม่สามารถกล่าวปฏิเสธมันได้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมัวแต่คิดว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นในขณะนั้น ในฤดูกาลนี้เราทำเวลาต่อรอบสนามได้ช้ากว่าเดิมเล็กน้อย เนื่องมาจากกฎข้อบังคับที่เปลี่ยนแปลงไป"

Neel Jani (32 ปี ชาวสวิสเซอร์แลนด์):

(ผ่านการแข่งขัน 7 ครั้ง: เจ้าของสถิติความเร็วสูงสุดในรอบจัดอันดับ และ คะแนนรวมอันดับ 5 ฤดูกาล 2015)

"ผมรู้สึกเสียใจเอามากๆ กับทีมโตโยต้า ผมเข้าใจดีว่านักแข่งทุกคนรู้สึกอย่างไรเมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในลักษณะนี้ สำหรับชัยชนะที่ได้รับในการแข่งขัน Le Mans ครั้งนี้ ตัวผมเองไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ มันเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายอย่างแท้จริง เราพยายามทำการแข่งขันให้ดีที่สุด สร้างความผิดพลาดให้น้อยที่สุด และผลักดันรถแข่งของเราให้วิ่งอย่างเต็มสมรรถนะอยู่ตลอดเวลา ชัยชนะที่ได้รับนั้นคือของจริงและมันคือสิ่งที่พิเศษสุด"

Marc Lieb (35 ปี ชาวเยอรมัน):

(ผ่านการแข่งขัน 10 ครั้ง: คะแนนรวมอันดับ 5 ฤดูกาล 2015, ผู้ชนะในรุ่น GTE ฤดูกาล 2013, GT2 ฤดูกาล 2010 และ GT ฤดูกาล 2005)

"มันเป็นการแข่งขันที่ไม่ง่ายนักเมื่อต้องคำนึงถึงการหลบหลีกคู่แข่งขันและการตกอยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้ตามหลัง แต่อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุดแล้วตัวผมเองได้ใช้ความสามารถออกมาจนถึงขีดสุดจริงๆ แม้ว่าในขณะที่ขับเคี่ยวกับคู่แข่งใน 3 อันดับแรกนั้นจะเต็มไปด้วยความยากลำบากและเสี่ยงเป็นอย่างมากสำหรับการพยายามขึ้นนำในขณะขับขี่อยู่ในกลุ่มผู้ตาม ผมต้องใช้ความพยายามในการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและระมัดระวังเป็นพิเศษในการรักษาสภาพยางคู่หน้าที่เริ่มสูญเสียประสิทธิภาพในการยึดเกาะ และตอนนี้ถึงเวลาที่ผมต้องคิดทบทวนว่ามีเหตุการณ์อะไรที่เกิดขึ้นบ้างในวันนี้"

การแข่งขันอย่างดุเดือดจบลงด้วยชัยชนะครั้งที่ 18 ของปอร์เช่ในรายการ Le Mans การแข่งขันอย่างดุเดือดจบลงด้วยชัยชนะครั้งที่ 18 ของปอร์เช่ในรายการ Le Mans การแข่งขันอย่างดุเดือดจบลงด้วยชัยชนะครั้งที่ 18 ของปอร์เช่ในรายการ Le Mans