ฟิทช์คาดว่าการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นทางตรงของ BOCT ซึ่งเดิมคือ BOC ไปเป็น BOCHK ไม่น่าจะส่งผลกระทบมากนักต่อโอกาสหรือความสามารถของกลุ่มในการให้การสนับสนุนแก่ BOCT ทั้งนี้ BOCT มีอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ 'AAA(tha)' และอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงการที่ฟิทช์เชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ธนาคารจะได้รับการสนับสนุนเป็นพิเศษที่นอกเหนือจากการสนับสนุนในด้านการดำเนินงานปรกติ (extraordinary support) จากธนาคารแม่ในกรณีที่มีความจำเป็น หลังจากการขายหุ้นแล้วเสร็จ BOC จะยังคงเป็นบริษัทแม่ระดับสูงสุดของกลุ่ม (ultimate parent) และ BOCT จะยังคงเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อกลุ่มเช่นเดิม เนื่องจากกลุ่ม BOC มีเป้าหมายที่จะให้บริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้าธุรกิจจีนที่มีการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน
ความสามารถของ BOCHK ในการให้การสนับสนุนแก่ BOCT สะท้อนได้จากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Issuer Default Rating หรือ IDR) ของ BOCHK ที่ 'A' ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกันกับของ BOC อย่างไรก็ตามความสามารถในการให้การสนับสนุนดังกล่าวของ BOCHK มีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคาร หรือ Viability Rating (VR) ซึ่งสะท้อนถึงฐานะทางการเงินของตัวธนาคารเองที่อยู่ในระดับดี และรวมถึงโอกาสที่จะได้รับการสนับสนุนจากธนาคารแม่ซึ่งคือ BOC เนื่องจากฟิทช์มองว่า BOCHK เป็นบริษัทลูกหลัก (core subsidiary) ของ BOC
การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ของ BOCHK ไม่น่าจะส่งผลกระทบมากนักต่ออันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคาร เนื่องจากธุรกรรมดังกล่าวน่าจะส่งผลให้ฐานะทางการเงินและเครือข่ายธุรกิจของธนาคารเปลี่ยนแปลงไปเพียงเล็กน้อยในระยะสั้น ฟิทช์คาดว่าหลังจากการเข้าซื้อกิจการแล้ว BOCHK จะยังคงสามารถรักษาระดับเงินทุนที่แข็งแกร่งของธนาคารให้อยู่ในระดับที่สูงกว่าธนาคารพาณิชย์อื่นที่มีอันดับเครดิตใกล้เคียงกันต่อไปได้
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์หลักของกลุ่มเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรภายในกลุ่มให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นกลยุทธ์ในการเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจและเพิ่มการกระจายตัวของธุรกิจเชิงภูมิศาสตร์ให้กับ BOCHK (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก Fitch: 'Restructuring Plan by BOC and BOCHK Won't Have Rating Impact' ลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2558) นอกจากนี้เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2559 BOCHK ยังได้ประกาศเข้าซื้อหุ้นใน Bank of China (Malaysia) Berhad ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ทาง BOCHK ประกาศการซื้อหุ้นใน BOCT โดยธนาคารทั้งสองแห่งนี้มีมูลค่าสินทรัพย์รวมกันต่ำกว่า 1% ของสินทรัพย์รวมของ BOC ณ สิ้นปี 2558 ทั้งนี้ BOCHK ยังมีแผนที่จะเข้าซื้อสินทรัพย์อื่นในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มเติมจาก BOC ภายในปี 2559
BOCT มีสินทรัพย์รวมที่ 5.8 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2558 และเป็นหนึ่งในธนาคารที่มีขนาดสินทรัพย์ที่เล็กที่สุดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทย ฟิทช์คาดว่า BOCT จะสามารถใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ของกลุ่มเพื่อการขยายธุรกิจกับลูกค้าบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจค้าขายและการลงทุนระหว่างประเทศจีนและประเทศไทย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit