งานดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากปอร์เช่ 911 กร้าวแกร่ง ดุดัน ยิ่งขึ้น
สะกดทุกสายตา สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางการออกแบบยานยนต์แห่งอนาคตของปอร์เช่: ความสมบูรณ์แบบของ พานาเมร่า (Panamera) ความสมบูรณ์แบบของรถสปอร์ต ภาพลักษณ์ที่แสดงออกถึงความแข็งแกร่ง เส้นสายและความพริ้วไหวบนตัวถังและแนวหลังคาที่ลาดต่ำจรดด้านท้ายรถ ทั้งหมดคือเอกลักษณ์ของงานดีไซน์จากปอร์เช่อย่างแท้จริง เฉกเช่นเดียวกับรถสปอร์ตสุดคลาสสิคในตำนานอย่าง ปอร์เช่ 911
ภายในห้องโดยสารเต็มเปี่ยมไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบาย พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่ง่ายดาย
งานตกแต่งภายในห้องโดยสารที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของปอร์เช่ ได้รับการแต่งเติมด้วยนวัตกรรมแห่งอนาคต สำหรับ พานาเมร่า (Panamera) ใหม่ แผงควบคุมประกอบด้วยหน้าจอแสดงผลและระบบสั่งการด้วยอินเตอร์เฟซ (interface) ในลักษณะเดียวกับการใช้งานอุปกรณ์สมาร์ทโฟนหรือแทปเล็ต ส่งผลให้เกิดความสะดวกสบายและง่ายดายในการควบคุมการทำงานของฟังก์ชั่นต่างๆ ระหว่างการขับขี่หรือโดยสาร ลดโอกาสในการเกิดความสับสนจากจำนวนปุ่มกด รวมทั้งตำแหน่งการจัดวาง ด้วยการแทนที่ของหน้าจอควบคุมระบบสัมผัสที่สามารถแยกการสั่งงานได้อย่างอิสระ ติดตั้งบริเวณคอนโซลกลางของปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) ใหม่ มอบความสะดวกสบายสูงสุดทั้งในส่วนของผู้ขับขี่ ผู้โดยสารตอนหน้าและผู้โดยสารตอนหลัง นอกจากนี้เพื่อเพิ่มอรรถประโยชน์ยิ่งขึ้นด้วยระบบติดต่อสื่อสารและระบบช่วยเหลือที่เปี่ยมประสิทธิภาพ เข้าถึงทุกฟังก์ชั่นการทำงานได้อย่างง่ายดายและชัดเจนยิ่งขึ้น ห้องโดยสารของปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) ใหม่ คือนิยามของการเปลี่ยนแปลงจากอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในแบบเดิม เข้าสู่โลกแห่งการเดินทางด้วยระบบดิจิตอลอย่างแท้จริง โดดเด่นงามสง่าด้วยแผงหน้าปัดที่ประกอบด้วยเกจ์วัดรอบเครื่องยนต์แบบเข็มสุดคลาสสิคติดตั้งบริเวณกึ่งกลางชุดมาตรวัด บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของปอร์เช่ซึ่งมีมาตั้งแต่รุ่น 356 A ปี 1955 เป็นต้นมา
เครื่องยนต์ V6 ใหม่ และ เครื่องยนต์ V8 Bi-Turbo ให้พละกำลังที่เหนือชั้นพร้อมสุ้มเสียงอันดุดัน
ไม่เพียงแค่พละกำลังจากเครื่องยนต์ที่เปี่ยมสมรรถนะเท่านั้นที่ปอร์เช่คำนึงถึง แน่นอนว่าประสิทธิภาพในการทำงานอันยอดเยี่ยมคือสิ่งที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพื่อเป็นการยกระดับความเหนือชั้นขึ้นไปอีกขั้น เครื่องยนต์ของ ปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) ใหม่ จึงได้รับการออกแบบและพัฒนาให้มีความก้าวล้ำยิ่งขึ้น เต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง พร้อมอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีความประหยัดมากกว่าเดิมและปล่อยมลภาวะในปริมาณที่ลดลง เครื่องยนต์ไบเทอร์โบพร้อมระบบจ่ายเชื้อเพลิงตรงเข้าห้องเผาไหม้ (biturbo direct injection) ทั้ง 3 รุ่นของ พานาเมร่า (Panamera) ใหม่ คือผลของการทุ่มเทพัฒนาดังกล่าว สำหรับปอร์เช่ พานาเมร่า เทอร์โบ (Panamera Turbo), พานาเมร่า 4 เอส (Panamera 4S) และ พานาเมร่า 4 เอส ดีเซล (Panamera 4S Diesel) ล้วนได้รับการติดตั้งระบบขับเคลื่อน4 ล้อ (permanent all-wheel drive system) และ ระบบเกียร์อัจฉริยะคลัทช์คู่ 8 จังหวะ PDK รุ่นล่าสุด (eight-speed Porsche dual-clutch transmission) เครื่องยนต์เบนซิน V8 ให้กำลังสูงสุดถึง 550 แรงม้า (404 กิโลวัตต์) ในรุ่น พานาเมร่า เทอร์โบ (Panamera Turbo) และ เครื่องยนต์เบนซิน V6 ให้พละกำลังสูงสูด 440 แรงม้า (324 กิโลวัตต์) ในรุ่น พานาเมร่า 4 เอส (Panamera 4S) สำหรับ พานาเมร่า 4 เอส ดีเซล (Panamera 4S Diesel) ติดตั้งเครื่องยนต์ V8 ให้กำลังสูงสุดที่ 422 แรงม้า (310 กิโลวัตต์) พร้อมแรงบิดมหาศาลสูงสุดถึงกว่า 850 นิวตันเมตร
รถซาลูนสุดหรูที่สามารถวิ่งบนสนามแข่งได้อย่างยอดเยี่ยม
ด้วยปรัชญาที่ได้รับการยึดถือในการพัฒนาปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) ใหม่ การออกแบบช่วงล่างล้วนคำนึงถึงการทำงานที่ให้ความนุ่มนวล สะดวกสบายในสไตล์ของรถซาลูนแต่ยังคงไว้ซึ่งสมรรถนะการขับขี่ของรถสปอร์ตสายพันธุ์แท้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้นได้ด้วยการออกแบบโครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มเติมนวัตกรรมเทคโนโลยีวิศวกรรมยานยนต์แห่งอนาคต อาทิเช่น ระบบช่วงล่างแบบถุงลมปรับระดับอัตโนมัติ (adaptive air suspension with new three-chamber technology) ที่มาพร้อมระบบควบคุมช่วงล่างด้วยอิเล็กทรอนิกซ์ (Porsche Active Suspension Management-PASM electronic damper control) ระบบ Porsche Dynamic Chassis Control Sport (PDCC Sport) ซึ่งประกอบด้วยPorsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus) และ active roll stabilisation รวมทั้ง ระบบพวงมาลัยอิเล็กโทรเมคานิกซ์ (electromechanic steering system) รุ่นล่าสุดอีกด้วย จากการทำงานร่วมกันของระบบดังกล่าวทั้งในแง่ของการวิเคราะห์และประมวลผลตามสภาวะที่เกิดขึ้นจริงในขณะนั้น เพื่อคำนวณหารูปแบบฟังก์ชั่นของแต่ละระบบที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการตอบสนองทุกลักษณะการขับขี่ใน พานาเมร่า (Panamera) ใหม่ นอกจากนี้ปอร์เช่ยังมอบความมั่นใจยิ่งขึ้นในการบังคับควบคุมที่เฉียบคมและแม่นยำสไตล์รถสปอร์ตระดับแกรนด์ทัวร์ริ่ง ด้วยระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง เฉกเช่นเดียวกับยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ตปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) และ ปอร์เช่ 911 เทอร์โบ (911 Turbo)
ระบบช่วยเหลือสุดล้ำยุค
ปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) ใหม่ ได้รับการติดตั้งระบบช่วยเหลือมากมายทั้งในรูปแบบของอุปกรณ์มาตรฐานและอุปกรณ์พิเศษที่สามารถเลือกสั่งเพิ่มเติมได้ ฟังก์ชั่นการทำงานของอุปกรณ์เหล่านี้ จะช่วยให้เกิดความสะดวกสบายและความปลอดภัยสูงสุดในทุกการเดินทาง อุปกรณ์ที่สำคัญประกอบด้วยระบบช่วยเหลือด้านทัศนวิสัยเวลากลางคืน (night vision assistant) จากการตรวจสอบสภาพแวดล้อมในระหว่างการขับขี่ด้วยกล้องตรวจจับความร้อนประสิทธิภาพสูง สามารถแสดงตำแหน่งของบุคคลและสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ให้ผู้ขับขี่เห็นผ่านหน้าจอแสดงผลพร้อมสัญลักษณ์และสัญญาณเตือน ในกรณีที่ตัวรถได้รับการติดตั้งอุปกรณ์พิเศษ ไฟหน้า LED matrix บุคคลที่อยู่ในระยะของลำแสงไฟหน้าจะได้รับการตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้า เพื่อให้ผู้ขับขี่รับทราบถึงความเสี่ยงจากระยะทางที่มากขึ้น เพิ่มความปลอดภัยและระยะเวลาในการหลบหลีกให้มากยิ่งขึ้น ระบบช่วยเหลือด้านทัศนวิสัยเวลากลางคืนนี้ เป็นหนึ่งในระบบช่วยเหลือที่ทำหน้าที่ในการช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์อันตรายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ล่วงหน้า นอกจากนี้ยังมีระบบพิเศษ Porsche InnoDrive ที่ช่วยในการมองเห็นเส้นทางข้างหน้าในระยะทางที่กว้างไกลยิ่งขึ้น ซี่งประกอบด้วยการทำงานของระบบปรับความเร็วอัตโนมัติ (adaptive cruise control) อาศัยข้อมูลจากระบบนำทางผ่านดาวเทียม สัญญาณผ่านอุปกรณ์เรดาห์และเซ็นเซอร์วีดีโอในการประมวลผล เพื่อคำนวณหาความเร็วในการเดินทางของรถยนต์ที่มีความเหมาะสมที่สุด ด้วยการควบคุมอัตราเร่ง การเบรก และตำแหน่งเกียร์ จากการประเมินสถานการณ์เส้นทางเป็นระยะทางถึง 3 กิโลเมตรล่วงหน้า
ขุมพลังใหม่ พละกำลังสูงขึ้น ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงยิ่งกว่า
เครื่องยนต์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ เปี่ยมด้วยพละกำลังและความประหยัดอันยอดเยี่ยม จากปรัชญาการออกแบบเครื่องยนต์ของปอร์เช่ ถ่ายทอดบุคลิกภาพอันปราดเปรื่องลงสู่ขุมพลังเทอร์โบ V6 และ V8 ของ พานาเมร่า (Panamera) จากสำนวนเฉพาะทางที่เหล่าวิศวกรนักพัฒนาเครื่องยนต์ผู้เปี่ยมไปด้วยทักษะความชำนาญมักจะทราบกันดี "with the hot sides inward" มีความหมายถึงระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์ของปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) ใหม่นั้น ได้รับการติดตั้งลงบริเวณกึ่งกลางระหว่างเสื้อสูบเครื่องยนต์ทั้ง 2 ฝั่งที่วางตำแหน่งทำมุมรูปตัว V การวางเทอร์โบชาร์จ ในลักษณะดังกล่าว ก่อให้เกิดผลดีหลายประการ นับตั้งแต่ การที่เครื่องยนต์มีขนาดกะทัดรัดขึ้น ทำให้สามารถติดตั้งแท่นเครื่องยนต์ในตำแหน่งที่ต่ำลงกว่าเดิม ส่งผลต่อเนื่องไปยังจุดศูนย์ถ่วงของตัวรถที่อยู่ต่ำลงตามไปด้วย สามารถลดระยะห่างของชุดเทอร์โบชาร์จกับห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ สิ่งที่ตามมาคืออัตราการตอบสนองของเครื่องยนต์ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ผู้ขับขี่ยังสามารถควบคุมและสั่งการรูปแบบการทำงานของเครื่องยนต์ได้ตามต้องการ โดยผ่านสวิทช์เลือกรูปแบบการขับขี่ หรือ Mode Switch พร้อม Sport Response Button ซึ่งได้รับการติดตั้งเป็นครั้งแรกในรถยนต์ปอร์เช่รุ่น 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) ด้วยชุดสวิทช์หมุนแบบโรตารี่บนพวงมาลัย ซึ่งมีรูปแบบการขับขี่ให้เลือกใช้งานได้ถึง 4 รูปแบบ (Normal, Sport, Sport Plus หรือ Individual) บริเวณกึ่งกลาง Mode Switch คือตำแหน่งของ Sport Response Button ซึ่งเพียงกดปุ่มดังกล่าว ขีดสุดแห่งสมรรถนะของปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) จะได้รับการปลดปล่อยออกมา
ในการใช้งานปกติ ปอร์เช่ พานาเมร่า เทอร์โบ (Panamera Turbo) ที่ได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน V8 ไบเทอร์โบ ขนาดความจุ 4.0 ลิตร สร้างพละกำลังสูงสุดถึงกว่า 550 แรงม้า (404 กิโลวัตต์) ที่รอบเครื่องยนต์ 5,750 รอบต่อนาที แรงบิดมหาศาลสูงสุดถึง 770 นิวตันเมตร ที่รอบเครื่องยนต์ 1,960 ถึง 4,500 รอบต่อนาที แรงม้าเพิ่มขึ้น 30 แรงม้า แรงบิดเพิมขึ้น 70 นิวตันเมตร เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นเดิม เครื่องยนต์ V8 ใน พานาเมร่า เทอร์โบ (Panamera Turbo) ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลา 3.8 วินาที และเมื่อติดตั้งชุดแต่งสปอร์ตโครโน (Sport Chrono Package) สามารถทำได้ในระยะเวลาเพียง 3.6 วินาทีเท่านั้น ความเร็วสูงสุดทำได้ที่ 306 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตัวเลขอันน่าประทับใจนี้มาจากผลอัตราส่วนระหว่างแรงม้าต่อน้ำหนักตัวรถของ พานาเมร่า (Panamera) ที่ 3.6 กิโลกรัมต่อแรงม้า นอกจากสมรรถนะการขับขี่อันเยี่ยมยอดแล้ว ยังส่งผลถึงอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่ประหยัดอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยตัวเลข 10.6 – 10.7 กิโลเมตรต่อลิตร (9.4 – 9.3 ลิตรต่อ100กิโลเมตร) หรือบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง 1.1 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นเดิม (ตามมาตรฐาน New European Driving Cycle หรือ NEDC) อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ 214 – 212 กรัมต่อกิโลเมตร
ปอร์เช่เลือกใช้ระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์แบบ complex twin-scroll ในการสร้างแรงดันอากาศป้อนให้แก่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ V8 ด้วยการทำงานของชุดเทอร์โบดังกล่าวส่งผลให้เครื่องยนต์สามารถสร้างแรงบิดสูงสุดได้ตั้งแต่การทำงานในรอบต่ำ นอกจากนี้ พานาเมร่า เทอร์โบ (Panamera Turbo) ยังเป็นรถยนต์ปอร์เช่รุ่นแรกที่ได้รับการติดตั้งระบบ adaptive cylinder control ลงในเครื่องยนต์ ในกรณีที่เครื่องยนต์ทำงานในช่วงที่ไม่ต้องการกำลังเต็มที่ ระบบดังกล่าวจะทำหน้าที่ตัดการทำงานของเครื่องยนต์จากทั้งหมด 8 สูบ ให้เหลือเพียง 4 สูบเป็นการชั่วคราว จึงช่วยลดอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่ไม่จำเป็นลงได้สูงสุดถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการพละกำลังเครื่องยนต์ในขณะที่ตัดการทำงานเหลือเพียง 4 สูบเช่นกัน
ในส่วนของเครื่องยนต์เบนซิน V6 ไบเทอร์โบ ขนาดความจุ 2.9 ลิตร ในปอร์เช่ พานาเมร่า 4 เอส (Panamera 4S) ให้กำลังสูงสุดถึง 440 แรงม้า (324 กิโลวัตต์) มากกว่ารุ่นเดิม 20 แรงม้า ที่รอบเครื่องยนต์ 5,650 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตรและ ที่รอบเครื่องยนต์ 1,750 ถึง 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดเพิ่มขึ้นถึง 30 นิวตันเมตร เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นเดิม เครื่องยนต์ V6 ใน พานาเมร่า 4 เอส (Panamera 4S) ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลา 4.4 วินาที (เมื่อติดตั้งชุดแต่งสปอร์ตโครโน สามารถทำได้ในระยะเวลาเพียง 4.2 วินาทีเท่านั้น) ความเร็วสูงสุดทำได้ที่ 289 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราการการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยตามมาตรฐาน NEDC ทำได้ที่ 12.1 – 12.3 กิโลเมตรต่อลิตร (8.2 – 8.1 ลิตรต่อ100กิโลเมตร) (อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 186 – 184 กรัมต่อกิโลเมตร) ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงน้อยลงถึง 1 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตรหรือประหยัดขึ้น 11 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับ พานาเมร่า 4 เอส (Panamera 4S) รุ่นที่ผ่านมา
เช่นเดียวกับเครื่องยนต์ V8 ใน พานาเมร่า เทอร์โบ (Panamera Turbo) เครื่องยนต์ V6 ที่ติดตั้งอยู่ใน พานาเมร่า 4 เอส (Panamera 4S) นั้น ทำงานด้วยระบบจ่ายเชื้อเพลิงตรงเข้าห้องเผาไหม้หรือ petrol direct-injection โดยหัวฉีดเชื้อเพลิงทั้งหมดได้รับการวางตำแหน่งลงในห้องเผาไหม้ ด้วยวิธีการดังกล่าวส่งผลให้เกิดการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ถ่ายทอดสมรรถนะและประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด นำมาซึ่งอัตราการตอบสนองของเครื่องยนต์ที่ดุดัน เต็มพลัง โดยเสียงการทำงานของเครื่องยนต์ในรุ่น 4S และ Turbo นั้น ยังคงบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของความกร้าวแกร่ง น่าเกรงขาม ซึ่งพบได้เฉพาะในรถยนต์ปอร์เช่เท่านั้น
ปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) ใหม่ เปิดตัวด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 8 สูบรุ่นล่าสุด และเป็นครั้งแรกที่ติดตั้งเครื่องยนต์ดังกล่าวพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ นับเป็นเครื่องยนต์ดีเซลที่ให้พละกำลังสูงสุดในรถยนต์ที่ออกจากสายการผลิตปกติของปอร์เช่ ที่ 422 แรงม้า (310 กิโลวัตต์)ที่รอบการทำงานของเครื่องยนต์ 3,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดมหาศาลที่ 850 นิวตันเมตร ในรอบการทำงานของเครื่องยนต์ระหว่าง 1,000 ถึง 3,250 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 285 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยิ่งไปกว่านั้น ปอร์เช่ พานาเมร่า 4 เอส ดีเซล (Panamera 4S Diesel) คือรถยนต์ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลจากสายการผลิตปกติที่มีอัตราเร่งเร็วที่สุดในโลก สามารถออกตัวจากจุดหยุดนิ่งไปยังความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในระยะเวลาเพียง 4.5 วินาที เท่านั้น (เมื่อติดตั้งชุดแต่งสปอร์ตโครโน สามารถทำได้ภายใน 4.3 วินาที) ในขณะที่มีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่สุดยอดเยี่ยมเพียง 14.7 – 14.9 กิโลเมตรต่อลิตร (6.8 – 6.7 ลิตรต่อ100กิโลเมตร) เท่านั้น (อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 178 – 176 กรัมต่อกิโลเมตร)
ในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ยังคงได้รับการติดตั้งระบบอัดอากาศไบเทอร์โบชาร์จ ในตำแหน่งกึ่งกลางระหว่างเสื้อสูบ 2 ฝั่งเช่นเดียวกัน เครื่องยนต์คอมมอนเรล (ระบบฉีดเชื้อเพลิงแรงดันสูง 2,500 บาร์) ชุดเทอร์โบจะเป็นแบบ sequential ซึ่งสามารถปรับการทำงานให้เป็นแบบเทอร์โบคู่ (biturbo) หรือ เทอร์โบเดี่ยว (monoturbo) โดยขึ้นอยู่กับสภาวะการทำงานของเครื่องยนต์ ในรอบเครื่องยนต์ต่ำจนถึงปานกลาง การไหลของแก๊สไอเสียจะถูกปรับให้เข้าสู่ชุดเทอร์โบโดยตรงเพียงตัวเดียวจากทั้งหมด 2 ตัว เพื่อการตอบสนองของเครื่องยนต์ที่รวดเร็วฉับไวยิ่งขึ้น ในส่วนของเทอร์โบชุดที่ 2 จะไม่ทำงานจนกระทั่งรอบเครื่องยนต์สูงถึง 2,700 รอบต่อนาทีขึ้นไป ทั้งนี้ชุดเทอร์โบชาร์จทั้ง 2 เป็นเทอร์โบแบบแปรผันหรือ variable turbine geometry (VTG) ใช้หลักการทำงานในลักษณะเดียวกับเทอร์โบที่ติดตั้งในปอร์เช่ 911
ความปราณีตด้วยงานออกแบบใหม่ สะท้อนบุคลิกที่แข็งแกร่ง
งานดีไซน์ตัวถังภายนอกของปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) ใหม่ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงเส้นสายที่เฉียบคมลงตัวมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการเน้นย้ำภาพลักษณ์ของความแข็งแกร่ง ดุดัน ที่ได้รับการเพิ่มเติมจากรุ่นก่อน พานาเมร่า (Panamera) ใหม่ มีความยาว 5,049 มิลลิเมตร (เพิ่มขึ้น 34 มิลลิเมตร) กว้าง 1,937 มิลลิเมตร (เพิ่มขึ้น 6 มิลลิเมตร) และสูง 1,423 มิลลิเมตร (เพิ่มขึ้น 5 มิลลิเมตร) จากตัวเลขที่มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยแต่รถสปอร์ต 4 ประตูคันนี้กลับดูสปอร์ตและกว้างกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด เหตุผลหลักเกิดจากการลดระดับความสูงของตัวถังบริเวณพื้นที่เหนือตำแหน่งผู้โดยสารตอนหลังลง 20 มิลลิเมตร ทั้งนี้ยังรักษาไว้ซึ่งพื้นที่เหนือศรีษะภายในห้องโดยสารเช่นเดิม การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลให้ภาพรวมของตัวถังเปลี่ยนไป ระยะฐานล้อที่เพิ่มขึ้น 30 มิลลิเมตร เป็น 2,950 มิลลิเมตร ทำให้สัดส่วนของรถมีความยาวเพิ่มขึ้น ตำแหน่งของล้อคู่หน้าได้รับการขยับไปด้านหน้ารถมากขึ้น เป็นการลดระยะยื่นของกันชนหน้าและส่งผลให้เกิดมุมมองที่โดดเด่นงามสง่า ระยะห่างระหว่างเสา A และ แกนล้อหน้าเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ระยะยื่นของกันชนหลังยาวกว่าเดิม เสริมภาพลักษณ์ของความเป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงให้เด่นชัด
พานาเมร่า (Panamera) ใหม่ มีความกว้างของตัวถังเพิ่มขึ้นเพียง 6 มิลลิเมตร แต่กลับให้ความรู้สึกกว้างขึ้นกว่าเดิมในระดับหลายเซนติเมตร ผลลัพธ์ดังกล่าวนั้น เกิดขึ้นได้จากงานออกแบบที่สร้างสรรค์ด้วยแนวคิดที่หลากหลาย อาทิเช่น ช่องดักอากาศใหม่รูปทรง A-shaped ซึ่งทำให้แนวกันชนหน้าด้านข้างมีมิติที่ขยายเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน รวมทั้งเปลี่ยนแปลงสไตล์การออกแบบของตัวถังด้านหน้าให้ล้ำสมัยยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน งานดีไซน์แนวคานขวางบริเวณกระจังหน้าที่คมเข้มเฉียบขาด ส่งผลให้ตัวรถโดยรวมมีความกว้างเพิ่มขึ้น ฝากระโปรงหน้าทรง arrow-shaped สร้างมุมมองและมิติตัวรถให้ดูราวกับพร้อมเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอยู่ตลอด เส้นสายตัวถังส่วนบนที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น พริ้วไหวต่อเนื่องจนจรดกันชนท้ายรถ แนวตัวถังทั้งหมดสามารถกดให้ต่ำลงสืบเนื่องจากขนาดเครื่องยนต์ที่เล็กลงตามหลักปรัชญาในการพัฒนา ผสมผสานความคมชัดของฝากระโปรงหน้ากลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับแนวซุ้มล้อทั้ง 2 ฝั่งที่แสดงให้เห็นถึงรูปทรงที่แข็งแกร่ง อันเป็นคุณลักษณะเฉพาะของยนตกรรมสปอร์ตจากปอร์เช่ สะกดทุกสายตาด้วยไฟหน้า LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED 4 ลำแสง (four-point LED daytime running lights)
เช่นเดียวกับฝากระโปรงหน้า ฝากระโปรงท้าย หลังคา และซุ้มล้อ ตัวถังด้านข้างผลิตขึ้นจากวัสดุอลูมิเนียม เพื่อมุ่งเน้นสมรรถนะของรถสปอร์ตยิ่งกว่าที่เคย ต้องขอบคุณแนวหลังคาที่มีเอกลักษณ์ชัดเจน เมื่อมองจากท้ายรถ จะพบว่าเส้นสายของหลังคาที่เห็นคือคุณสมบัติพิเศษที่พบได้ในรถยนต์สปอร์ตคูเป้จากปอร์เช่เท่านั้น เส้นสายอันเฉียบคม 2 ฝั่งของแนวหลังคาที่ลากมาจนบรรจบกับมุมตัวถัง ส่งผลให้เกิดมุมมองที่ทำให้แนวด้านข้างรถและภาพรวมของตัวรถดูลาดต่ำลง กระจกหน้าต่างทั้ง 2 ข้างล้วนได้รับการดีไซน์ขึ้นใหม่ทั้งหมด ให้สัมผัสของพื้นผิวที่ต่อเนื่อง ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับแนวตัวถังท้ายรถ บ่งบอกถึงสายพันธุ์สปอร์ตจากต้นกำเนิดเดียวกันกับปอร์เช่ 911 พื้นผิวประตูรถและซุ้มล้อเมื่อต้องแสงสะท้อนงามสง่าทั้งส่วนนูนและส่วนเว้า ให้สัมผัสถึงความแข็งแกร่งทุกส่วนประกอบของตัวรถ ไม่ว่าจะเป็นช่องระบายอากาศบริเวณด้านหลังของล้อคู่หน้า ครีบดักอากาศบริเวณซุ้มล้อที่ให้ภาพลักษณ์ของความคมเข้ม ดุดัน ด้วยความกว้างที่พร้อมรองรับสำหรับการติดตั้งล้ออัลลอยด์ขนาด 19 นิ้ว ในรุ่น 4S และ 4S Diesel ส่วนขนาด 20 นิ้ว ในรุ่น Turbo และขนาด 21 นิ้ว เป็นอุปกรณ์พิเศษสั่งติดตั้งเพิ่มเติม
ปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) ใหม่ คือรถยนต์ 4 ประตูคูเป้ที่ฉีกภาพความจำเจของรถซาลูนรูปแบบเดิมๆ ที่มีอยู่ทั่วไป ข้อความข้างต้นสามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดเจน ด้วยงานดีไซน์ตัวถังด้านท้ายรถที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของตัวตนที่ไม่เหมือนใคร การออกแบบที่สร้างสรรค์ส่วนประกอบต่างๆ ตั้งแต่ หลังคา เสาท้าย และพื้นที่กระจกบังลมด้านหลัง สะท้อนภาพของยนตกรรมสปอร์ตสมรรถนะสูง อย่างสมบูรณ์แบบปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) ใหม่ คือยานยนต์ที่ถือกำเนิดมาเพื่อเป็นรถสปอร์ตอย่างแท้จริง ตัวถังด้านท้ายรถสื่อให้เห็นถึงคุณลักษณะเฉพาะตัวที่ได้รับการถ่ายทอดจากสายพันธุ์ปอร์เช่ ไฟท้าย LED แบบ 3 มิติ พร้อมไฟเบรก 4 ลำแสง แนวไฟท้ายติดตั้งอย่างต่อเนื่องไปกับแผง LED เรียวยาวตลอดตัวถัง ทั้งหมดนี้สร้างแสงสีที่สุดแสนโดดเด่น สวยงาม ในช่วงเวลากลางคืน รูปลักษณ์ของฝากระโปรงท้ายที่ผสมผสาน กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว และเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานด้วยระบบเปิดและปิดฝากระโปรงท้ายควบคุมด้วยไฟฟ้า ซึ่งติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน สปอยเลอร์หลังสีเดียวกับตัวรถ และสำหรับ พานาเมร่า เทอร์โบ (Panamera Turbo) มาพร้อมชุดสปอยเลอร์หลังที่มีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการอากาศที่ไหลผ่านตัวรถ ทำงานร่วมกับชุดดิฟฟิวเซอร์บริเวณใต้ท้องรถด้านหลัง เพิ่มความดุดัน น่าเกรงขามด้วย ปลายท่อไอเสียคู่ผลิตจากวัสดุสแตนเลส ทั้งฝั่งซ้ายและขวา ทั้งนี้ พานาเมร่า 4 เอส (Panamera 4S) และ พานาเมร่า 4 เอส ดีเซล (Panamera 4S Diesel) จะได้รับการติดตั้งปลายท่อไอเสียทรงกลม สำหรับ พานาเมร่า เทอร์โบ (Panamera Turbo) สร้างความแตกต่างและโดดเด่นยิ่งกว่าด้วยปลายท่อไอเสียทรงเหลี่ยม
หลักการออกแบบของปอร์เช่ – ความล้ำหน้าแห่งอนาคต
ปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) ใหม่ ออกแบบงานตกแต่งภายในห้องโดยสารใหม่ทั้งหมด ปรับเปลี่ยนจากปุ่มควบคุมการทำงานในรูปแบบเดิมเป็นระบบสัมผัสtouch-sensitive surface พร้อมเสริมประสิทธิภาพการสั่งการด้วยหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูงติดตั้งภายในห้องโดยสารอย่างสวยงามลงตัว สมกับซาลูนหรูชั้นนำ ระบบควบคุมการทำงานด้วยดิจิตอลดังกล่าว ได้รับการประยุกต์ใช้เป็นครั้งแรกในปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) และได้รับการพัฒนาเพิ่มเติม เพื่อความทันสมัย สะดวกสบายและง่ายดายยิ่งขึ้น ด้วยนิยาม Porsche Advanced Cockpit สำหรับ พานาเมร่า (Panamera) ใหม่ ตำแหน่งเบาะนั่งที่อยู่ในระดับต่ำสไตล์รถสปอร์ต ไม่เพียงแต่สร้างมุมมองและทัศนวิสัยรอบคันให้แก่ผู้ขับขี่เท่านั้น แต่ยังส่งผลให้ชุดแผงหน้าปัดแบบหน้าจอความละเอียดสูงขนาด 7 นิ้ว อยู่ในระดับสายตาตามหลักสรีรศาสตร์และสามารถอ่านข้อมูลต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ปลอดภัย มาตรวัดดังกล่าวประกอบด้วยเกจ์วัดรอบเครื่องยนต์แบบเข็มสุดคลาสสิค ประกบด้วยหน้าจอแสดงข้อมูลทั้ง 2 ฝั่ง คอนโซลเกียร์ติดตั้งอยู่ระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า ด้วยหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมระบบติดต่อสื่อสารล้ำยุค Porsche Communication Management (PCM) ด้วยแนวคิดในการออกแบบคอนโซลกลางในลักษณะของ black panel concept เพื่อความเรียบหรู กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวสำหรับบรรยากาศภายในห้องโดยสาร ระบบการเปลี่ยนเกียร์แบบ shift-by-wire จึงได้รับการนำมาใช้กับเกียร์อัจฉริยะ PDK แผงควบคุมแบบใหม่สั่งการด้วยระบบสัมผัส touch-sensitive switch มอบประสบการณ์ที่แตกต่างในการใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ อย่างง่ายดายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น ผู้โดยสารสามารถปรับได้แม้กระทั่งทิศทางของช่องลมระบบปรับอากาศ ผ่านหน้าจอสัมผัสดังกล่าว ทั้งนี้สามารถสั่งติดตั้งชุดควบคุมระบบปรับอากาศและระบบความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เป็นอุปกรณ์พิเศษได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) ใหม่ คือรถยนต์ที่สามารถส่งมอบประสบการณ์แห่งความอเนกประสงค์และตอบรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้มากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์ซาลูนหรูหราในระดับเดียวกัน ด้วยพนักพิงเบาะหลังแบ่งพับได้ในสัดส่วน 40:20:40 (เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถจาก 495 เป็น 1,304 ลิตร) ตอบโจทย์ความสะดวกสบายและเติมเต็มทุกความต้องการที่ไร้ขีดจำกัดด้วยอุปกรณ์พิเศษที่หลากหลาย อาทิเช่น หลังคาสไลด์ panoramic tilt roof เบาะนวดไฟฟ้า ไฟส่องสว่างเพิ่มบรรยากาศในห้องโดยสาร ambient lighting และ ระบบเครื่องเสียง 3D ไฮเอนด์ จาก Burmester
สำหรับภาพข่าวสารสามารถดาวน์โหลดได้ที่ Porsche Newsroom (http://newsroom.porsche.de) และข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อมวลชนจาก Porsche press database (http://presse.porsche.de)
พานาเมร่า เทอร์โบ (Panamera Turbo): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 10.6 – 10.7 กิโลเมตรต่อลิตร (9.4-9.3 ลิตรต่อ100กิโลเมตร), อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยสำหรับการขับขี่ในเมือง 7.7 – 7.8 กิโลเมตรต่อลิตร (12.9-12.8 ลิตรต่อ100กิโลเมตร) สำหรับการขับขี่นอกเมือง 13.6 – 13.8 กิโลเมตรต่อลิตร (7.3-7.2 ลิตรต่อ100กิโลเมตร) ค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 214 - 212 กรัมต่อกิโลเมตร
พานาเมร่า 4 เอส (Panamera 4S): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 12.1 – 12.3 กิโลเมตรต่อลิตร (8.2-8.1 ลิตรต่อ100กิโลเมตร), อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยสำหรับการขับขี่ในเมือง 9.8 – 9.9 กิโลเมตรต่อลิตร (10.2-10.1 ลิตรต่อ100กิโลเมตร) สำหรับการขับขี่นอกเมือง 14.7 – 14.9 กิโลเมตรต่อลิตร (6.8-6.7 ลิตรต่อ100กิโลเมตร) ค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 186 - 184 กรัมต่อกิโลเมตร
พานาเมร่า 4 เอส ดีเซล (Panamera 4S Diesel): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 14.7 – 14.9 กิโลเมตรต่อลิตร (6.8-6.7 ลิตรต่อ100กิโลเมตร), อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยสำหรับการขับขี่ในเมือง 12.6 กิโลเมตรต่อลิตร (7.9 ลิตรต่อ100กิโลเมตร) สำหรับการขับขี่นอกเมือง 16.9 – 17.2 กิโลเมตรต่อลิตร (5.9-5.8 ลิตรต่อ100กิโลเมตร) ค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 178 - 176 กรัมต่อกิโลเมตร
ปอร์เช่ประเทศไทย โดยบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรผ่านการทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 10 คน ซึ่งถือว่ามีจำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์ปอร์เช่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 13 ประเทศ สะท้อนถึงการให้ความสำคัญในเรื่องการให้บริการหลังการขายของ เอเอเอส โดยทุ่มเทงบการอบรมวิศวกรของเราให้มีคุณภาพสูงสุดตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า "เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ" "AAS Looking after YOU and your CAR" เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า AAS The Name you can Trust ซึ่งได้พิสูจน์ให้ท่านเห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินการมากกว่า 30 ปี
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Porsche Centre Bangkok ถ.วิภาวดีรังสิต โทร. 02-522-6655
Porsche Centre Pattanakarn ถ.พัฒนาการ โทร. 02-369-1111
Porsche City Showroom Siam Paragon ชั้น 2 โทร. 02-610-9911
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit