พิธีตัดคำสัญญา ?
ต่าย : คืออย่างนี้เพิ่งได้คุยกับทางทีมงานจริงๆ แล้วยังไม่มีการตกลงกันเลยว่าจะทำพิธี ไม่อยากให้มองเป็นประเด็นเยอะแยะมากมาย มันเป็นเรื่งของความรู้สึก มันไม่ควรเอาความรู้สึกเรามาล้อเล่น เพราะฉะนั้นต่ายก็อยากบอกกับทุกคนว่าต่ายไม่โกหกความรั้สึกของตัวเอง แล้วก้ไม่อยากดกหกทุกคนด้วย ถึงตอนนี้อยากจะให้เวลามันเป็นเครื่องช่วยดีกว่า ยิ่งต่ายเจอสื่อมาถามอย่างนี้มันก็ยิ่งคิดจะให้เรามานั่งบอกว่ามันไม่คิด มันก็โกหก ต่ายไม่ชอบ ไม่โกหกขอชัดเจนในความรู้สึกของตัวเอง แล้วก็คุยกับแม่แล้วว่ามันก็ยังลืมไม่ได้
มีคำสัญญาว่าอะไร ?
ต่าย : ในช่วงที่คบกันอยู่ ทั้ง 2 คน ทั้งต่ายละอ๊อฟคือเราแค่พูด เราไม่คิดว่ามันจะมีผลขนาดนี้ พูดว่าทุกภพทุกชาติไปเราจะเป็นคู่กัน มันไม่ได้ว่าต่ายพูดฝ่ายเดียว ต่ายอยากให้คนมองในอีกมุมหนึ่งทุกวันนี้สิ่งที่พุโออกไปมันไม่ดั้ทำร้ายใครเลย อีกอย่างคือสิ่งที่น้องริว(ริว จิตสัมผัส) ต่ายรับฟังค่ะ แลเวก็ขอบคุณมากๆ ที่ทำให้เรารู้สึกว่าเขายังรับรู้และยังอยวู่ตรงนี้ จริงๆ เราอาจจะสัมผัวอะไรได้ไม่มาก เราไม่รู้ว่าสิ่งที่เรารู้สึก เราคิดไปเองรึป่าว แต่จริงๆ ทุกสิ่งทุกอย่างสรุปแล้วมันเป็นความสุขใจ มันไม่ไก้เดือดร้อนใคร อีกอย่างคือมันทำให้ต่ายมีพลัง มีกำลังในการทำงาน ทุกครั้งเวลาท้อรู้สึกว่ามีเขาอยู่ข้างๆ เราก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เราทำลงไปมันเป็นการฉุดรั้งเขา แต่ว่าถ้าสิ่งไหนที่สามารถทำให้เขาไปสู่อะไรที่ดีเราก็ยินดี แต่ถามว่าลึกๆ แล้วลืมไหม ก็ต้องตอบตรงๆ ว่ไม่ลืมค่ะ
ถ้าเราไม่ทำ แล้วเขาไม่ได้ไปไหน ?
ต่าย : ต่ายทำตามคำแนะนำได้ค่ะ แต่เรื่องของจิตใจมันบังคับกันไม่ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นต่ายทำให้แต่ขอเวลาต่ายหน่อยได้มั้ย ซึ่งคำว่าเขาเวลา ลองใจเขาใจเรา ลองเป็นต่ายบ้างเนอะ ต่ายไม่รู้ว่า 10 ปี 20 ปี จะลืมไหม
ยังรู้สึกว่าเขาอยู่กับเราตลอด ?
ต่าย : ก็รู้สึกอยู่ตลอด
แม่สีดา : ใช่ ตรงนี้ใครไม่เป็นเรา ก็คงไม่ทราบ ด้วยความรู้สึกด้วยการสัมผัส นี่ในกรณีของความเป็นแม่กับลูกซึ่งเสียชีวิตไปแล้วเนี่ยเรามีความรู้สึกว่าเขายังอยู่กับเรา แล้ววันนั้นที่น้องริวเขาได้บอกว่า 100% ว่าเขายังอยู่ มันก็เลยทำให้เรามีความรู้สึกเชื่อมั่นว่าเขายังไม่ไปไหน ยังดูแลเราอยู่
สิ่งที่เราทำมันเป็นการผูกมัดไม่ให้เขาไปสู่สุขติ ?
แม่สีดา : การผูกมันเชารึป่าวเราพูดจริงๆ ว่าเราไม่รู้หรอกว่าสิ่งเหล่านี้มันคือการผูกมัด แต่ก็มีหลายคนบอกว่าทำไมชอบไปเรียกลูก ทำไมไม่ปล่อยให้เขาไป ซึ่งมันก็เป็นเหมือนกับว่าความเคยชิน เวลาเราอยู่บ้านคนเดียว เราก็ไม่รู้จะพูดกับใคร เราก็อ๊อฟเป็นยังไงบ้างลูกดูแลแม่ดาด้วยนะ คือเราก็พูดของเราไปให้อุ่นใจ
หลังจากนี้ต้องทำยังไงต่อ ?
แม่สีดา : ไม่รู้ เราก็ใส่บาตร ทำให้เขาได้อย่างนี้
ต่าย : วันนั้นริวแนะนำค่ะ ว่าให้จุดธูปแล้วให้ต่ายพูดกับแม่ ก็คือบอกริวไปค่ะว่าจะพูด แต่มันยังไม่ถึงเวลาขอเวลานิดหนึ่ง เพราะว่าเรื่องอย่างนี้อันนี้ต่ายหมายถึงตัวเองนะ ต่ายไม่อยากกดดันตัวเองด้วย แล้วก็ไม่อยากทำอะไรเพื่อถูกใจคนอื่น หรือคนที่เสพข่างเพราะฉะนั้นใช้คำว่าใจเขาใจเราดีกว่า การที่ไม่ได้สูญเสียคนก็จะไม่รู้ว่าการสูญเสียมันเป็นเรื่องที่มันหนักมาก อีกอย่างความรู้สึกของใครสักคนเราเอามาล้อเล่นไม่ได้ เราไม่รู้หรอกว่าลึกๆ เขายังไง
ทุกวันนี้มองว่าเขาคือกำลังใจ ไม่ว่าจะอยู่หรือไป ?
ต่าย : จริงค่ะ ใช่ ถ้ามองแบบนี้ทุกอย่างต่ายว่ามันก็แฮปปี้นะ ต้องบอกว่าในประเด็นเรื่องอ๊อฟมันคือกำลังใจล้วนๆ ค่ะ มันไม่ได้เป็นเรื่องของความทุกข์เลยคือจริงๆ แล้ว ชีวิตถ้าเราคิดบวกมันก็บวก ถ้าเราคิดลบพลังมันก็ลบ ทุกวันเรามองเรื่องนี้มันทำให้เรามีพลังมากขึ้น และมันทำให้เรายิ้ม แม่เองพูดถึงลูกแม่ก็มีความสุข ไม่ใช่ว่าแม่นึกถึงอ๊อฟแล้วแม่มาร้องไห้ฟูมฟาย ต่ายเองนึกถึงอ๊อฟนึกถึงช่วงเวลาดีๆ ที่อยู่ด้วยกัน
เชื่อว่าเขาก็มีความสุข ?
ต่าย : เขาก็คงนั่งอยู่แถวนี้
แม่สีดา : จริงๆ เพราะว่าวันนี้ก็บอกกับเขาว่าอ๊อฟไปกับแม่ดาก็ได้นะวันนี้ เดี๋ยวแม่จะออกสัมภาษณ์กับต่าย เราก็พุเป็นกิจวัตประจำวันเรา เราไม่รู้เขามีตัวตนอยู่จริงไหม
ต่าย : เหมือนก่อนนอนเราก็บอกนอนแล้วนะ มันก็ได้ยิ้ม
แม่สีดา : ใครจะว่าเราบ้าเราก้ไม้รู้(หัวเราะ)
ตอนนี้ชีวิตแม่เป็นไงบ้าง ได้ข่าวว่าตาคุณแม่เริ่มจะมองไม่เห็น ?
แม่สีดา : ชีวิตทั่วไปแตอนนี้แม่ก็ไม่ได้ลำบาก เหมือนสมัยก่อนโน้นแล้ว เพราะได้มีโอกาสทำงานเมีเงินเดือน ถึงมันจะไม่ได้เยอะอะไรมากมายเราก็ยังได้มีงานทำ อีกอย่างหนึ่งแม่อยากจะขอกราบขอบพระคุณแฟนคลับก็ดี หรือเพื่อนๆ พี่น้องทุกคนที่เราไม่ได้มีโอกาสมทราบว่าคือใครเป็นใคร ที่ลงในเฟสบุ๊คว่าอยากให้ความช่วยเหลือ ขอบคุณมากในความเมตตาและความมีน้ำใจของทุกท่าน แต่สีดาอยากบอกตรงนี้ว่าไม่ใช่งว่าเป็นคนหยิ่งยโสหรืออะไร คือยากจะต่อสู้ด้วยตัวเอง อยากจะพิสูจน์ตัวเองว่ายังมีความสามารถอยู่ ไม่ได้งอมืองอเท้า แล้วเรื่องตาเราก็กำลังดำเนินการอยู่ก็ยังไม่ถึงขั้นว่ามันจะบอดมิดอะไร แต่ถามว่าเป็นแยอะไหม มันก็เยอะ คือเราต้องรู้จักดูแลตัวเอง ต้องช่วยเหลือตัวเอง เพราะว่าตอนนี้ก็ยังมีบัตรทองอยู่
ค่าใช้จ่ายในการักษาบัตรทองครอบคลุมไหม ?
แม่สีดา : อันนี้ยังไม่ทราบค่ะ เดี๋ยวเดือนหน้าต้องไปดำเนินการแล้ว
ไม่รับเงินช่วยเหลือ ?
แม่สีดา : แม่เข้าใจในความปรารถนาดีของทุกท่านนะคะ แม่ก็เห็นต่ายก็ให้ดูอยู่เหมือนกัน เขาก็มีคน้ำใจดีแต่ต่ายช่วยบอกเขาหน่อยได้มั้นแม่ไม่อยากรบกวนใครเราเรียนผูกมาเราก็ต้องเรียนแก้เอง แล้วที่สำคัญแม่เองก็มีหนึ่งสองสองมือที่ลุกขึ้นมาสู้ชีวิตของตัวเอง เราต้องพิสูจน์เรื่องนี้ก่อน นอกเสียจากว่าตาเราบอดมืดมิดไปแล้วก็อีกเรื่อง
ต่าย : เรื่องตาต่ายเพิ่งรู้เมื่อ 2 วันนี้เอง แม่ไม่เคยบอกเลย
อาการเป็นถึงขั้นไหนแล้ว ?
แม่สีดา : เป็นต้อกระจกทั้ง 2 ข้าง แล้ววันนั้นมีแฟนเพื่อนเขามาที่น้าน เขาเป็นพยาบาลเขาก็เอาไฟส่อง คือตาเรามองไม่เห็น เขาให้ดูอะไรก็ไม่รู้ เขาก็บอกว่าตาเราเป็นต้อเยอะแล้วนะทั้ง 2 ข้างเลย ต้องระวังนะ เดี๋ญวจะบอก เราก็จ๊ะๆ เดี๋ยวรีบไปจัดการ รอโน้นรอนี่ยันวันนี้แหละค่ะ แต่เดี๋ยวก็ต้องรีบไปแล้ว ถามทว่าระยะไหนคิดว่าน่าจะเยอะแล้วค่ะ แต่ก็ยังมองเห็น
ต่าย : แต่ว่าวันนี้พาแม่ไปห้าง จะให้ขึ้นบันไดเลือนแม่ขึ้นไม่ได้เพราะมองไม่เห็น
HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit