กฤษดา ธีรวรชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมก้าแฟน (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานลม บอกว่า "พลังงานลม" เป็นพลังงานจากธรรมชาติที่สะอาด ใช้ไม่มีวันหมด เริ่มเข้ามามีบทบาทในการต่อสู้กับปัญหาโลกร้อนในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งภาครัฐและเอกชนต่างหันมาให้ความสำคัญและนำพลังงานลมมาใช้ผลิตไฟฟ้าเพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นทุกปี จากการที่พลังงานลมเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และใช้ต้นทุนในการผลิตต่ำนั่นเอง ขณะเดียวกันภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรมก็สามารถใช้ "พลังงานลม" เป็นตัวช่วยในการแก้ปัญหาอากาศร้อน ที่สำคัญช่วยประหยัดค่าไฟในกระเป๋า ทำให้มีเงินเหลือเก็บนับหมื่นบาทต่อปี ด้วยวิธีง่ายๆ โดยการใช้"พัดลม" อย่างถูกวิธีนั่นเอง ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี ดังต่อไปนี้
เคล็ดลับการประหยัดไฟในภาคครัวเรือน วิธีที่หนึ่ง หากห้องที่จะใช้มีความร้อนสะสมอยู่สูง แนะนำให้"เปิดพัดลมคู่กับแอร์" ตั้งแต่แรก ซึ่งพัดลมจะช่วยกระจายความเย็นทำให้ห้องเย็นเร็วขึ้น ทำให้ถึงจุดความเย็นที่ต้องการอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้คอมเพรสเซอร์ทำงานน้อยลง ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้ประหยัดค่าไฟได้เป็นจำนวนมากต่อปี
วิธีที่สอง "เปิดแอร์ 27 องศาคู่พัดลม" เพราะการเปิดพัดลมจะช่วยกระจายความเย็นให้ครอบคลุมพื้นที่ได้เร็วขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องลดอุณหภูมิแอร์ให้ต่ำกว่า 25 องศา ซึ่งทุกองศาที่เราปรับลดลงจะยิ่งกินไฟ เพราะแอร์ต้องทำงานหนักมากขึ้น หากเปิดเครื่องปรับอากาศในห้องนอนเล็กๆ ทั่วไปต่อเนื่องกัน 10 ชม.ต่อวัน จะต้องเสียค่าไฟประมาณปีละ 15,851 บาทต่อปี แต่ถ้าหากปรับอุณหภูมิแอร์ให้สูงขึ้นประมาณ 27-28 องศา และเปิดพัดลมควบคู่ไปด้วยตลอดเวลาจะทำให้ค่าไฟลดลงถึง 30% เลยทีเดียว
สำหรับภาคอุตสาหกรรม ในอดีตพัดลมลูกหมุนอลูมิเนียมลักษณะกลมซึ่งติดอยู่บนหลังคาโรงงานจะทำหน้าที่ระบายความร้อน ดูดลมร้อนออกจากหลังคา แต่มีการพิสูจน์แล้วว่าระบายความร้อนได้ไม่ดี จนระยะหลังมีการใช้พัดลมอุตสาหกรรมมาแทนที่ ซึ่งมีขนาดใหญ่ การระบายความร้อนออกจากพื้นที่โดยการใช้พัดลมดูดความร้อนออกด้านนอก ซึ่งจะต้องติดตั้งตลอดแนวของโรงงานโดยใช้เป็นจำนวนหลายสิบตัวถึงจะเพียงพอต่อการระบายความร้อน
นอกจากนี้เวลาที่พัดลมอุตสาหกรรมทำงานจะมีเสียงดังมาก และกินไฟสูง อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายในการเดินสายไฟไปที่พัดลมทุกตัว และค่าบำรุงรักษาและซ่อมแซมทุกปี ทำให้ต้นทุนของผู้ผลิตเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ปัจจุบัน พัดลมยักษ์ (MEGAFAN) คือคำตอบสุดท้ายที่ตอบโจทย์ในการระบายความร้อน เพิ่มความเย็น พร้อมประหยัดพลังงานและค่าไฟสำหรับภาคอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยพัดลมยักษ์นี้เป็นนวัตกรรมที่ผลิตโดยคนไทย ใช้เทคโนโลยีจากประเทศเยอรมนี ขนาดใบพัดเส้นผ่าศูนย์กลางสูงสุดถึง 7.3 เมตร โดยมีหลักการทำงานโดยพัดอากาศร้อนที่สะสมออกด้านข้าง ดึงลมเย็นจากด้านบนเข้ามาแทนที่ ทำให้อากาศไหลเวียนตลอดเวลา ครอบคลุมพื้นที่ได้ถึง 1 ไร่ เวลาไปยืนอยู่ข้างใต้จะรู้สึกเย็นสบายเหมือนลมธรรมชาติพัดผ่านเบาๆ ที่สำคัญกินไฟน้อยเพียง 3 – 5 บาทต่อชั่วโมง ยิ่งถ้าเปิดควบคู่ไปกับแอร์จะช่วยประหยัดไฟได้มากขึ้นถึง 25 –30% เพราะพัดลมจะช่วยกระจายความเย็นให้คลุมพื้นที่ได้เร็วขึ้น
นอกจากประโยชน์เรื่องการบรรเทาความร้อนและประหยัดพลังงานแล้ว เชื่อว่าในอนาคตพัดลมยักษ์MEGAFAN จะเข้ามามีบทบาทสำคัญที่ช่วยเปลี่ยนวิถีการใช้พื้นที่ (space utilization) ของสังคมไทยให้ได้ประโยชน์มากขึ้น เปิดโอกาสให้ทุกคนมีความสุขกับการเล่น การทำงาน และการใช้ชีวิตได้ทุกเวลา ตัวอย่างเช่น การใช้พื้นที่ในสวนสาธารณะหรือโรงยิมในช่วงบ่าย ซึ่งเดิมทีไม่สามารถทำได้เนื่องจากอากาศที่ร้อนและอบอ้าว แต่หากมีการติดตั้งพัดลมยักษ์ในพื้นที่ดังกล่าวแล้วจะช่วยให้อากาศเย็นสบายขึ้นนั่นเอง สำหรับผู้ประกอบการท่านใดที่สนใจติดตามนวัตกรรมพัดลมยักษ์ประหยัดพลังงานสามารถเข้าไปชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่www.megafanthailand.com หรือโทร. 086-570-8030
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit