ฟอร์ดมีการนำชิ้นส่วนเกือบทุกชิ้นในรถยนต์ทุกคันที่ผลิตขึ้นมาเพื่อทำการทดสอบความคงทนในการใช้งานหลากหลายรูปแบบ นับตั้งแต่สภาพถนนอันตรายที่ทำให้โครงรถยนต์ต้องทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ไปจนถึงการทดสอบความแข็งแรงของที่วางแก้วในการใช้งานขณะเข้าโค้งกระทันหัน
การทดสอบรถยนต์นั้นมีหลากหลายมิติ ด้านที่โดดเด่นคือการทดสอบที่โหดแบบสุดขั้ว ด้วยการนำรถยนต์ไปเผชิญความท้าทายขับขี่ท่ามกลางสภาพถนนที่อันตรายที่สุดของโลก ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ป่าเขาที่เต็มไปด้วยโคลนดินแดงในประเทศไทย ไปจนถึงการตะลุยข้ามทะเลทรายแห้งแล้งแถบชนบทของประเทศออสเตรเลีย รวมไปถึงการทดสอบความทนทานที่ระดับความสูงเสียดฟ้าในแถบตะวันตกอันใกล้โพ้นของประเทศจีน การทดสอบในสภาพการขับขี่เหล่านี้หนักหนาสาหัสและมีความอันตรายอย่างยิ่ง
ในอีกมิติของการทดสอบอาจจะดูไม่น่าตื่นตาตื่นใจเท่าใดนัก แต่ก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ได้แก่การตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจว่าประตูรถของคุณจะไม่หลุดออกมาเมื่อมีการใช้งานเปิดปิดเป็นเวลานาน ฟอร์ดใช้หุ่นยนต์ทดสอบการเปิดปิดประตูรถจำนวนเกือบ 84,000 ครั้ง หรือเทียบเท่ากับการใช้งานมาตรฐาน 10 ปี นอกจากนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องดื่มของคุณจะไม่หกเลอะเทอะ ฟอร์ดได้ทดสอบหมุนที่วางแก้วด้วยความเร็ว 30 รอบต่อนาทีและจำลองอัตราเร่ง (G-force) ที่ 0.7 พร้อมกับเลี้ยวรถหรือเบรกรถ และในกรณีผู้ขับขี่เหม่อลอย ฟอร์ดได้ทดสอบการตอบสนองของรถยนต์เมื่อเคลื่อนตัวออกขณะยังมีหัวฉีดคาอยู่กับตัวรถ เพื่อมั่นใจว่าตัวถังน้ำมันและฝาปิดไม่เกิดความเสียหาย
ฟอร์ดทำการทดสอบเหล่านี้เพราะการประเมินคุณภาพและความทนทานของรถยนต์ไม่ได้พิจารณาเพียงแค่ว่า รถยนต์นั้นสามารถขับเคลื่อนได้ดีเพียงใดในสภาพอากาศติดลบหรือขับขี่ได้ไกลเป็นพันๆ กิโลเมตรบนถนนขรุขระ แต่ยังพิจารณาถึงในแง่ที่ว่า รถยนต์นั้นมีความสามารถทนทานต่อการใช้งานหนักหน่วงในชีวิตประจำวันได้ดีแค่ไหน ไม่มีการทดสอบใดที่ยิ่งใหญ่หรือเล็กน้อยเกินไป สำหรับฟอร์ด การทดสอบทุกรูปแบบล้วนมีความสำคัญ
"การทดสอบด้านความทนทานและคุณภาพของรถยนต์ในสถานการณ์ลำบากและคาดเดายาก นับเป็นขั้นตอนที่สำคัญ แต่การทำให้มั่นใจว่ารถยนต์จะสามารถตอบสนองการใช้งานอันแสนธรรมดาในทุกๆ วันได้อย่างสมบูรณ์แบบตามที่ผู้ขับขี่ต้องการและคาดหวังนั้นมีความสำคัญมากเช่นเดียวกัน" ไซมอน วาร์เลย์ ที่ปรึกษาวิศวกรด้านการทดสอบ ฟอร์ด เอเชีย แปซิฟิก กล่าว "การที่ต้องขับไต่ขึ้นภูเขานั้นเป็นภารกิจที่ไม่ธรรมดาสำหรับผู้ขับรถยนต์ส่วนใหญ่ แต่การที่ประตูรถสามารถเปิดปิดได้อย่างง่ายดายไร้กังวลนั้นคือสิ่งจำเป็นยิ่งสำหรับผู้ขับขี่ทุกคน"
ฟอร์ดได้ทำการทดสอบดังกล่าวกับรถยนต์ทุกรุ่นที่ได้รับการออกแบบในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก โดยใช้อุปกรณ์และทำการทดสอบต่างๆ ภายในศูนย์ค้นคว้าวิจัยและวิศวกรรมที่เมืองหนานจิง ประเทศจีน และศูนย์ค้นคว้าวิจัยและพัฒนาที่เมืองจีลอง ประเทศออสเตรเลีย การทดสอบเหล่านี้จะเลียนแบบวิธีที่ผู้คนใช้งานรถยนต์ในชีวิตประจำวัน ทั้งนี้เพื่อการันตีว่ารถยนต์ฟอร์ดทุกคันจะสามารถฝ่าฟันทุกอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นได้สิ่งเหล่านี้คือการทดสอบบางส่วนที่ฟอร์ดนำมาใช้เพื่อทำให้มั่นใจว่า รถยนต์จะมอบการใช้งานที่คงทนในทุกๆ ด้านแม้เวลาจะผ่านไป
· การทดสอบเปิดปิดประตู ฝากระโปรงหน้าและหลังรถ: เพื่อทดสอบว่าต้องเปิดปิดประตูกี่ครั้งรถยนต์จึงจะแสดงสัญญาณของการเสื่อมสภาพ ที่ฟอร์ด เราได้ทดลองเปิดปิดประตูรถยนต์ ฝากระโปรงหน้าและหลังรถเกือบ 84,000 ครั้ง
· การทดสอบความทนทานของที่วางแก้ว: เพื่อทดสอบความสามารถของที่วางแก้วในการยึดแก้วและขวดต่างๆ ในแนวตั้งได้แม้จะมีการเบรก เหยียบคันเร่งและเข้าโค้งอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นถ้วยแมคโดนัลด์ขนาดใหญ่ไปจนถึงขวดชาที่ผู้คนนิยมดื่มกันในประเทศจีน ที่วางแก้วจะถูกเคลื่อนย้ายจากบริเวณคอนโซลรถมาไว้ในแท่นซึ่งหมุนภาชนะเหล่านี้ไปรอบๆ เพื่อเลียนแบบแรงที่เกิดอย่างกะทันหันจากการขับรถ
· การทดสอบดึงที่จับประตู: เพื่อทดสอบความทนทานของที่จับประตูภายในรถยนต์ โดยใช้แรงที่ 1,000 นิวตันกับที่จับประตู ซึ่งเทียบเท่ากับแรงโหนของคนหนัก 100 กิโลกรัม และยังใช้แรงที่ 450 นิวตันในการดึงที่จับประตูอีก 3,000 ครั้ง เพื่อเลียนแบบเวลาที่คนพิงรถเพื่อขึ้นหรือลงจากรถ
· การทดสอบออกรถโดยมีหัวจ่ายน้ำมันคาอยู่ในรถ: จำลองสถานการณ์ที่ผู้ขับขี่เคลื่อนรถออกขณะที่ยังมีหัวจ่ายน้ำมันคาอยู่กับรถ เพื่อให้มั่นใจว่า เหตุการณ์แบบนี้จะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายกับถังน้ำมันและฝาปิดที่อาจส่งผลให้เกิดน้ำมันรั่วซึมได้
· การทดสอบการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิแบบฉับพลัน: เพื่อให้มั่นใจว่าส่วนประกอบของรถที่มีการทาสีและชุบโลหะภายในรถยนต์จะไม่กลายเป็นสนิม ลอก หรือเปลี่ยนรูปเมื่อโดนขีดข่วน แช่แข็งที่อุณหภูมิติดลบ 40 องศา และกระแทกด้วยแรงจากกระแสน้ำ
· การทดสอบวัสดุผิวเรียบ เพื่อทดสอบแผงอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ฝากระโปรงหน้า หลังคาและประตู ว่าจะไม่ขยับเขยื้อนและส่งเสียงเมื่อมีแรงกด ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจว่ารถยนต์จะทนทานแข็งแกร่งเมื่อผู้ใช้งานพิงตัวรถ หรือใช้แรงกดขณะทำความสะอาดรถ
· การทดสอบผลข้างเคียงจากอุณหภูมิที่อาจก่อให้เกิดการผิดรูป: ฟอร์ดได้อบชิ้นส่วนภายในรถยนต์ที่เป็นพลาสติก เช่น กันชนและกระจังหน้า ที่อุณหภูมิสูงจัด เพื่อตรวจดูการเข้ารูป การห่อตัวหรือแม้กระทั่งการเปลี่ยนสี ชิ้นส่วนเหล่านี้ได้ผ่านการอบที่อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส นาน 4 ชั่วโมง แช่แข็งที่อุณหภูมิติดลบ 40 องศาเซลเซียส นาน 4 ชั่วโมง จากนั้นถูกส่งไปยังการทดสอบเลียนแบบการเผาไหม้จากดวงอาทิตย์ โดยการเผาชิ้นส่วนเหล่านี้ที่อุณหภูมิ 88 องศาเซลเซียสเพิ่มอีก 4 ชั่วโมง
การทดสอบต่างๆ เหล่านี้อาจจะไม่ใช่การทดสอบอันน่าตื่นเต้นหรือเข้มข้นเหมือนการส่งรถยนต์ไปขับเคลื่อนในพื้นที่และสภาพถนนที่แสนยากลำบาก อย่างไรก็ตาม การทดสอบดังกล่าวก็มีความสำคัญมากๆ ไม่แพ้กัน ลูกค้าฟอร์ดจึงมั่นใจได้ว่าแทบทุกฟังก์ชั่นและส่วนประกอบในรถยนต์ล้วนผ่านการทดสอบผลักดันให้สามารถทำงานได้เท่ากับหรือมากกว่าขีดจำกัดที่มีอยู่ ทำให้ลูกค้าสามารถสนุกสนานกับการใช้รถยนต์ฟอร์ดได้อย่างเต็มที่
สามารถรับชมวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/2wxsmPt-skQ
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit