สำหรับกรอบความมือในครั้งนี้สำนักงาน คปภ. จะให้คำปรึกษา แนะนำด้านข้อมูล ข้อกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ และการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัยให้กับเจ้าหน้าที่และพนักงานของ ขสมก. รวมทั้งประชาชนผู้ใช้บริการรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพและปริมณฑล นอกจากนี้ขสมก.จะร่วมมืออานวยความสะดวกและให้การสนับสนุนสำนักงาน คปภ. เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประกันภัยให้กับประชาชนผู้ใช้บริการรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล ให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ความคุ้มครองของระบบประกันภัย และเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับการประกันภัยให้กับเจ้าหน้าที่และพนักงาน ขสมก. รวมทั้งสำนักงานคปภ. และ ขสมก.จะประสาน แลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนผู้ใช้บริการรถโดยสารประจำทางเห็นความสาคัญโดยใช้ระบบประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงและการป้องกันอุบัติภัย
เลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่า การทำ MOU ของทั้งสองหน่วยงานในครั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนผู้ใช้บริการรถยนต์โดยสารสาธารณะภายใต้การบริการจัดการของ ขสมก. ว่าจะได้รับความคุ้มครองจากระบบประกันภัยอย่างมีประสิทธิภาพ และขณะนี้มีความคืบหน้าในการดำเนินการตามความร่วมมือดังกล่าวแล้ว โดยจากการประชุมหารือร่วมกันหลายครั้งระหว่างผู้บริหารของ สำนักงาน คปภ. กับ ขสมก. เพื่อศึกษาข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับรูปแบบกรมธรรม์ที่ขสมก. ทำประกันภัยไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งทราบว่านอกเหนือจากการประกันภัยรถภาคบังคับตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 แล้ว ขสมก.ยังได้จัดทำประกันภัย รถยนต์ประเภท 3 อีกด้วย ซึ่งขสมก.ประเมินว่า มีความคุ้มครองที่เหมาะสมกับการดาเนินงานของ ขสมก. เนื่องจากค่าเบี้ยประกันภัยมีราคาถูกกว่าประเภทอื่นๆ นอกจากนี้ ขสมก. มีโครงการจัดซื้อรถโดยสารใหม่ โดยกำหนด TOR ให้ติดตั้งกล้องบันทึกภาพจำนวน 4 ตัว (ด้านหน้า 1 ตัว ภายในรถ 2 ตัว และด้านหลัง 1 ตัว) ซึ่งถือเป็นอุปกรณ์ส่วนหนึ่งของรถและกำลังจะเริ่มใช้งานจริงในเร็วๆนี้
อย่างไรก็ตามทางสำนักงานคปภ.ได้เสนอให้มีการจัดทำกรมธรรม์โดยเฉพาะ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อ ขสมก. และประชาชนโดยรวม ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของการประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 ที่เพิ่มความคุ้มครองตัวรถกรณีชน กับยานพาหนะทางบก (3+) รวมทั้งขยายความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคลสำหรับผู้โดยสารเพิ่มเติม และควรกำหนดให้บริษัทประกันภัยส่งเสริมการตลาดในกลุ่มรถโดยสาร ในกรณีเกี่ยวกับอุปกรณ์ในการช่วยลดอุบัติเหตุ เช่น กล้องติดรถยนต์ อุปกรณ์ตรวจจับความเร็วและระบบ GPS เป็นต้น ซึ่งในเบื้องต้นทางขสมก. เห็นด้วยกับ แนวทางในการดำเนินการตามข้อเสนอของคปภ. ดังนั้นหลังจากนี้ไปจะมีการตั้งทีมงานระหว่างสำนักงานคปภ.ที่ กำกับดูแลผลิตภัณฑ์ประกันภัยกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของขสมก.เพื่อจัดทำแบบกรมธรรม์ให้มีความชัดเจนและเป็นรูปธรรมต่อไป
"ปัจจุบัน ขสมก. มีรถยนต์โดยสารประจำทางวิ่งรับส่งประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 5 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานีสมุทรสาคร สมุทรปราการ โดยวิ่งให้บริการในเส้นทางต่าง ๆ รวม 461 เส้นทาง มีจำนวนรถทั้งสิ้น 2,774 คัน หากรถทั้งหมดนี้เข้าสู่ระบบการประกันภัยอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพก็จะทำให้ผู้เสียหายอันเกิดจากการเดินรถของขสมก. ได้รับความคุ้มครองภัยอย่างมีประสิทธิภาพด้วย ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของขสมก.โดยรวมอีกด้วย" ดร.สุทธิพล กล่าวในตอนท้าย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit