ในศตวรรษที่ผ่านมา มีจำนวนขยะเกิดขึ้นบนโลกอย่างน่าใจหาย ด้วยปัจจัยการขยายตัวอย่างรวดเร็วของชุมชนเมืองในประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยว โดยเฉลี่ยประชากร 1 คนผลิตของเสีย 1.2 กิโลกรัมต่อวัน โดยคิดรวมเฉลี่ยเป็นตัวเลขสะสมทั่วโลกรวมกว่า 1,300 ล้านตันของเสียในแต่ละปี สำหรับในประเทศไทยนั้นค่าเฉลี่ยการผลิตของเสียและขยะต่างๆคิดเป็น 1.5 กิโลกรัมต่อคนต่อวัน ธนาคารโลกมีการคาดการณ์ว่าในปี 2568 เมื่อประชากรโลกเพิ่มขึ้นสูงถึง 4,300 ล้านคน ปริมาณขยะที่จะเกิดขึ้นจะเพิ่มเป็น 2,200 ล้านตันต่อปี และนั่นคือเท่ากับ 1.42 กิโลกรัมต่อคนในแต่ละวัน จากตัวเลขการเพิ่มขึ้นของปริมาณขยะที่กล่าวมานั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการชุมชนปลอดขยะเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี (eco community challenge)
ตั้งแต่เดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา มีผู้ร่วมกิจกรรมกว่า 8,100 คนสามารถลดคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ 14 ตันคาร์บอน กิจกรรมประกอบด้วยการจัดการขยะโดยหลัก 3R คือ การลดขยะ (Reduce) การนำขยะกลับมาใช้ประโยชน์ซ้ำ (Reuse) และการนำขยะกลับมารีไซเคิลใหม่ (Recycle) อาทิ การรวมกลุ่มกันขายขยะรีไซเคิล, การรับบริจาคขยะเพื่อนำรายได้ไปเป็นทุนอาหารกลางวันให้เด็กในชุมชน, การนำเศษอาหารมาทำปุ๋ยอินทรีย์, การนำน้ำหมักชีวภาพมาใช้ในแปลงผัก, และการใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติกในร้านค้าชุมชน
นางซิลเวีย โล ผู้จัดการอาวุโสระดับภูมิภาคเอเซียแปซิฟิค ฝ่ายการรับผิดชอบต่อสังคม ฮิลตัน เวิลด์ไวด์ กล่าวว่า ในฐานะบริษัทระดับสากลที่ดำเนินงานในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก เรามีความตระหนักถึงผลกระทบของอุตสาหกรรมงานบริการที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อมของโลก เราจึงมีความตั้งใจเป็นอย่างสูงที่จะสร้างความแตกต่างในอนาคตให้กับลูกค้าผู้เข้าพัก พนักงาน รวมทั้งชุมชนของเราผ่านโครงการชุมชนปลอดขยะเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี โดยได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับชุมชนในแต่ละท้องถิ่นและ WWF ประเทศไทยเพื่อร่วมกันดูแลอนุรักษ์ทรัพยากรทางธรรมชาติอันมีค่าในพื้นที่ที่พวกเราอยู่อาศัย ทำงาน และท่องเที่ยวไปพร้อมกัน จากความร่วมมือดังกล่าวทำให้โรงแรมในเครือฮิลตันประเทศไทยสามารถลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนสู่สิ่งแวดล้อมได้ผลเป็นอย่างดี นอกจากนี้เรายังมีโครงการ Clean Air Program ที่ดูแลเรื่องผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับลูกค้าที่เข้าจัดประชุมสัมมนาภายในโรงแรม และอีกหนึ่งโครงการเกี่ยวกับเรื่องการอนุรักษ์พลังงาน LightStay เรามีการควบคุมปริมาณการใช้พลังงานและปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีให้กับทุกคนได้คำนึงถึงคุณค่าของการใช้พลังงานการลดปริมาณการใช้น้ำ การควบคุมปริมาณขยะ การปล่อยคาร์บอนสู่สิ่งแวดล้อม และการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน
นางสาวเยาวลักษณ์ เธียร์เชาว์ ผู้อำนวยการ WWF-ประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีการบริโภคทรัพยากรธรรมชาติในอัตราที่ทำให้โลกไม่อาจดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืน ปัจจุบันเราจำเป็นต้องมีโลกถึง 1.5 ใบ จึงจะมีทรัพยากรเพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการในขณะนี้ของเราได้ ด้วยเหตุนี้ทุกภาคส่วนควรหันมาใส่ใจการดูแลสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การลดปริมาณขยะก็ถือเป็นหนึ่งวิธี 3 ปีที่ผ่านมา WWF มีโครงการในลักษณะนี้แต่เป็นระดับจังหวัด จึงได้เล็งเห็นศักยภาพของชุมชนในการจัดการขยะเพื่อสภาวะสิ่งแวดล้อมที่ดีในชุมชนของตนเอง ทั้งนี้ยังสามารถช่วยลดภาระของภาครัฐได้อีกด้วย ซึ่งการจัดการขยะนั้นถือเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่ควรช่วยกันดูแล
นายวรกร แต้นำชัย นักวิชาการเผยแพร่ปฏิบัติการ กองส่งเสริมและเผยแพร่ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การจัดการขยะถือเป็นวาระแห่งชาติ โดยภาครัฐมีมาตรการจัดการขยะรวม 4 มาตรการ หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องการสร้างวินัยของคนในชาติให้มีความรู้ความเข้าใจเรื่องการจัดการขยะ และสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างยั่งยืน ฉะนั้นในช่วงเริ่มโครงการได้สนับสนุนนักวิชาการมาให้ความรู้และแนวทางในการจัดการขยะต้นทางโดยชุมชน เพื่อช่วยเรื่องการคัดแยกขยะและนำขยะกลับมาใช้ใหม่ รวมถึงลดปริมาณขยะที่จะไปถึงหลุมฝังกลบ จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ได้เห็นผลงานและผลประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมต่อชุมชนอย่างแท้จริง
ภายในงานมีการจัดแสดงบูธกิจกรรมสาธิตวิธีการคัดแยกขยะ และการอธิบายวิธีทำปุ๋ยหมักชีวภาพจากเศษอาหารรวมถึงประกาศผลชุมชนที่ชนะการแข่งขันดังนี้
อันดับที่ 1 ชุมชนบ้านเนินทางรถไฟ และโรงแรมฮิลตันพัทยา
อันดับที่ 2 ชุมชนมัสยิดสุวรรณภูมิ และโรงแรมฮิลตันมิลเลนเนียม
อันดับที่ 3 ชุมชนวัดคลองเตยใน 1 และโรงแรมฮิลตัน สุขุมวิท
รางวัลชมเชย ชุมชนบ้านไสยวน และโรงแรมฮิลตัน ภูเก็ต อาร์เคเดีย
สำหรับภาคประชาชนที่สนใจวิธีการแยกขยะรีไซเคิลอย่างถูกต้อง สามารถร่วมกิจกรรมเกมส์คัดแยกขยะได้ทางเว็ปไซด์ www.wastechallenge.com โดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit