เนาวรัตน์พัฒนาการฉลองครบรอบปีที่ 40 เผยวิสัยทัศน์ทะยานขึ้นเป็นหนึ่งในห้าบิ๊กบริษัทก่อสร้างของไทย

02 Jun 2016
บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) ฉลองครบรอบ 40 ปีก่อตั้งบริษัท พร้อมประกาศวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ธุรกิจมุ่งผลักดันบริษัทฯให้ก้าวขึ้นติดท็อปไฟว์ผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของประเทศไทย
เนาวรัตน์พัฒนาการฉลองครบรอบปีที่ 40 เผยวิสัยทัศน์ทะยานขึ้นเป็นหนึ่งในห้าบิ๊กบริษัทก่อสร้างของไทย

นายพลพัฒ กรรณสูต กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2559 นี้เป็นปีที่สำคัญของบริษัทฯ ซึ่งเป็นการก้าวเข้าสู่ปีที่ 40 ที่ผ่านมาบริษัทฯได้รับการยอมรับอย่าง กว้างขวางในฐานะบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่มีประสบการณ์ มีอุปกรณ์เครื่องจักรที่ทันสมัย และมีทีมงานที่มีความชำนาญในงานวิศวกรรม บริษัทฯสามารถรับงานก่อสร้างขนาดใหญ่ได้หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นงานก่อสร้าง อาคารสูง โกดังโรงงานอุตสาหกรรม ระบบสาธารณูปโภค ไปจนถึงโครงสร้างชายฝั่ง ท่าเรือ โรงงานไฟฟ้า เขื่อน คลองส่งน้ำ งานชลประทาน งานระบบบำบัดน้ำเสีย หรือแม้กระทั่งงานอุโมงค์และงานวางท่อใต้ดิน

เพื่อการพัฒนาไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน บริษัทฯ ได้กำหนดวิสัยทัศน์ว่าจะ "เป็นบริษัทก่อสร้างไทยขนาดใหญ่ 1 ใน5 ของประเทศ มีมาตรฐานระดับสากล มั่นคง และยั่งยืน ควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม" และเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายตามวิสัยทัศน์นี้บริษัทฯ ได้กำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจไว้ 6 ประการด้วยกันดังนี้

1. มีความได้เปรียบในการแข่งขันในการทำงานโครงการทางวิศวกรรมขั้นสูงที่มีความซับซ้อนด้วยวิศวกรที่มีคุณภาพและประสบการณ์กว่า 40 ปี

2. สร้างความสมดุลในการเลือกลูกค้าทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อให้มีความเสี่ยงและผลตอบแทนที่เหมาะสม

3. ส่งเสริมผลงานที่ได้รับการยอมรับที่ผ่านๆมาเพื่อที่จะได้รับความน่าเชื่อถือในตลาดในฐานะเป็นผู้รับเหมาที่เป็นที่ต้องการ

4. พัฒนาความสามารถทางการแข่งขันและความสามารถทางการผลิตด้วยเทคโนโลยีและระบบการสนับสนุนที่ทันสมัยผ่านองค์กรแห่งการเรียนรู้และส่งเสริมการพัฒนาทุนมนุษย์

5. ขยายและกระจายตัวเข้าสู่ธุรกิจที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งและขยายธุรกิจที่มีความถนัดไปสู่ประเทศต่างๆใน AEC เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้น

6. สร้างความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมขององค์กรทั้งภายในและภายนอกกระบวนการอย่างต่อเนื่องเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

ปีครบรอบก่อตั้งบริษัทฯ 40 ปีนี้เป็นปีที่ดี เพราะมีปัจจัยบวกที่คอยสนับสนุนการขยายตัว ของธุรกิจหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการเมืองที่มีเสถียรภาพมากขึ้น เศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณฟื้นตัว ภาครัฐมีการอนุมัติงบประมาณสำหรับเมกะโปรเจ็คต่างๆ เกิดการขยายตัวของระบบสาธารณูปโภค และคมนาคม อีกทั้งยังมีนโยบายเปิดกว้างให้บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างขนาดกลางเข้าไปมี ส่วนร่วมในโครงการต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ทำให้เนาวรัตน์พัฒนาการสามารถนำความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้าไปแข่งขันกับยักษ์ใหญ่ในโครงการขนาดใหญ่ต่างๆได้ ขณะเดียวกัน ภาคเอกชนก็เริ่มลงทุนก่อสร้างโครงการใหม่ๆ หรือต่อขยายจากโครงการเดิมมากขึ้น

ส่วนปัจจัยบวกภายในองค์กรก็คือ บริษัทฯมีความพร้อมในทุกด้าน ทั้งด้านการเงินที่บริษัทฯ ได้ระดมทุนในช่วงปีที่ผ่านมา เพื่อซื้อเครื่องจักรที่ทันสมัยและขยายธุรกิจเพื่อรองรับงานที่จะเกิดใหม่ ในด้านบุคลากร ปัจจุบันบริษัทฯมีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านงานก่อสร้างที่มีประสบการณ์นานกว่า 20 ปี มากกว่า 400 คน สามารถรองรับงานที่สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านต่อปีได้อย่างไม่มีปัญหา อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้นำระบบไอทีเข้ามาพัฒนางานออกแบบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำ และประหยัดเวลาเพิ่มขึ้น เช่น ซอฟต์แวร์ BIM หรือ Building Information Modeling

ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้รวมมากกว่า 7,600ล้านบาท โดย 94% มาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ส่วนที่เหลือมาจากการขายอสังหาริมทรัพย์และบริการ และธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์คอนกรีต โดยมี สัดส่วนลูกค้าภาครัฐและเอกชนอยู่ที่ 60:40 ส่วนในปีนี้ บริษัทฯ ได้ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15% และ คาดว่าจะมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 6-8%

นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาสหนึ่งปีนี้ อยู่ราว 13,600ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 45-50% และที่เหลือในปี 2560 เป็นต้นไป อีกทั้งบริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างรอผลประมูลงานมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งตั้งเป้าว่าจะได้งานประมาณ 10% โดยส่วนใหญ่จะเป็นงานด้านระบบสาธารณูปโภคของภาครัฐ ส่วนด้านการขยายธุรกิจในตลาด AEC บริษัทฯได้บรรลุข้อตกลงในการเข้าร่วมทุนกับบริษัทพันธมิตรในประเทศเมียนมาร์ เพื่อประกอบ ธุรกิจโรงงาน Precast Concrete ซึ่งจะเริ่มดำเนินงาน ภายในปีนี้ โดยจะเน้นการผลิต Precast Concrete สำหรับชิ้นส่วนประเภทพื้น รั้ว เสาเข็ม สำหรับงานก่อสร้าง ทั่วไป เช่น บ้าน อาคารขนาดเล็ก เสาไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังกำลังศึกษาการเข้าลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภท โรงแรม และเข้าประมูลงานก่อสร้าง ระบบสาธารณูปโภคในประเทศเมียนมาร์ด้วยเช่นกัน

สำหรับการลงทุนเพิ่มเติมในปีครบรอบ 40 ปี นายปสันน สวัสดิ์บุรี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายธุรกิจใหม่และ วางแผนกลยุทธ์ บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ มีกำหนดการที่จะเปิดธุรกิจใหม่ทั้ง ในส่วนของงานรับเหมาก่อสร้างและโครงการใหม่ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ในส่วนของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง บริษัทฯ พร้อมเปิดตัวบริษัท แอ็ดวานซ์ พรีแฟบ จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานคอนกรีต เสริมเหล็กหล่อสำเร็จรูปหรือระบบ Precast Concrete สำหรับงานสร้างอาคารขนาดใหญ่ คลังสินค้า ไปจนถึง โรงไฟฟ้า แห่งแรกของเมืองไทย โดยใช้งบลงทุนรวมไปกว่า 600 ล้านบาท และขณะนี้โรงงานมีความพร้อมที่จะ ทำงานเต็มกำลังและมีศักยภาพที่จะรองรับงานปริมาณมาก

ปัจจัยมากมายไม่ว่าจะเป็นเหล็กที่เป็นวัตถุดิบหลักในการก่อสร้าง ซึ่งต้องนำเข้า และมีราคาที่ผันแปรตลอดเวลา ทักษะและจำนวนของแรงงานที่ต้องใช้ในแต่ละโครงการ รวมไปถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รอบไซต์ก่อสร้างที่จำเป็นต้องควบคุม ทำให้ความนิยมในระบบ Precast Concrete พุ่งสูงขึ้นมากในธุรกิจก่อสร้าง แต่ปัจจุบันระบบนี้ ยังใช้มากในการก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัย แต่สำหรับอาคารขนาดใหญ่ยังไม่มีการใช้ เพราะมี ชิ้นส่วนประกอบและมีความซับซ้อนมากกว่า ระบบ Precast Concrete ที่ผลิตขึ้นจากเทคโนโลยีของประเทศอิตาลี ในโรงงานนี้จะช่วยลูกค้าลดต้นทุนการก่อสร้าง รวมถึงค่าจ้างแรงงาน โดยเฉพาะต้นทุนวัตถุดิบ และช่วยให้งานก่อสร้างเสร็จเร็วขึ้นถึง 2ใน 3 ทั้งยังลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรอบไซต์งานก่อสร้างได้

ในด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเนาวรัตน์พัฒนาการ ประกอบด้วยส่วนที่บริษัทฯ ลงทุนร่วมกับบริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้แก่ โครงการดิ อิสสระ ลาดพร้าว (The Issara Ladprao) คอนโดมิเนียมระดับ ไฮเอนท์ย่านลาดพร้าว จำนวน 561 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,700ล้านบาท ขายและโอน แล้วกว่า 98% และโครงการ อิซซี่ คอนโด สุขสวัสดิ์ (ISSI Condo Suksawat) คอนโดมิเนียม วิวแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 892 ยูนิต มูลค่ากว่า1,900ล้านบาท ขายไปกว่า 75% และโอนแล้ว 56.5%

ต่อมาคือส่วนโครงการที่พัฒนาโดยบริษัท มานะพัฒนาการ จำกัด บริษัทในเครือของเนาวรัตน์พัฒนาการ ได้แก่ โครงการบารานี พาร์ค ร่มเกล้า (Baranee Park Romklao) โครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น สไตล์ Courtyard บนถนน ร่มเกล้า จำนวน 86 ยูนิต มูลค่า 900 ล้านบาท ขายแล้วกว่า 20% และจะเริ่มโอนในไตรมาสสามปีนี้ และโครงการเอสเพน คอนโด ลาซาล (Aspen Condo Lasalle) คอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ 425 ยูนิต มูลค่า 780 ล้านบาท ขายแล้วกว่า60% เริ่มโอน ได้ในไตรมาสสามปีหน้า

นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่บริษัทฯ พัฒนาเอง ได้แก่ โครงการวิลล่า บารานี (Villa Baranee) บ้านเดี่ยวพร้อมอยู่ บนถนนรังสิต คลองสาม 198 ยูนิต มูลค่าโครงการ 630 ล้านบาท ปัจจุบันขายและโอน ใกล้หมดแล้ว

สำหรับความเคลื่อนไหวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ บริษัทฯ จะเปิดโครงการใหม่ บารานี เรสซิเดนซ์ โครงการบ้านเดี่ยวบนเส้นรังสิต คลองสาม จำนวน 140 ยูนิต มูลค่า 800 ล้านบาท โดยจะพรีเซล ภายในไตรมาสสองปีนี้ในราคาเริ่มต้น 5.5 ล้านบาท พร้อมกันนี้บริษัทฯมีแผนจะเปิดตัวบ้าน Fully Furnished ของโครงการ บารานี พาร์ค ร่มเกล้า เพื่อตอบโจทย์ให้กับลูกค้ากลุ่มที่ต้องการบ้านที่ตกแต่งพร้อมเข้าอยู่ได้ทันที โดยจะมีทั้งดีไซน์ที่เป็นแบบมาตรฐานและบ้านซีรี่ย์ใหม่ที่ดีไซน์ตกแต่งใหม่ทั้งหมด โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดให้จองได้ภายในไตรมาสสามปีนี้นอกจากนี้จะมีการเปิดเฟสใหม่ของโครงการเอสเพน คอนโดลาซาล จำนวน 398 ยูนิต ภายในไตรมาสสี่ปีนี้ โดยจะมีการนำเทคโนโลยีระบบ Home Automation เข้ามาใช้ภายในห้องพักเพื่อตอบรับ Lifestyle ของการอยู่อาศัยในปัจจุบันที่ต้องการความสะดวกสบายและความปลอดภัย รวมถึงการตกแต่ง ดีไซน์ใหม่เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับลูกค้า

นายวิสุทธิ์ สุวรรณวิทย์เวช รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายธุรกิจใหม่และวางแผนกลยุทธ์ กล่าวเสริมว่า บริษัทฯให้ความสำคัญอย่างมากกับการพัฒนาสู่ความยั่งยืน ควบคู่ไปกับการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยมองว่าเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญ ที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตคู่ไปกับสังคมไทยต่อไป โดยได้จัดโครงสร้างองค์กรเพื่อการบริหารจัดการ ผู้มีส่วนได้เสียในทุกกระบวนการของการดำเนินงาน ทั้งด้านการบริหารความเสี่ยง การควบคุมภายใน การตรวจสอบภายใน และการมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

บริษัทฯ เชื่อว่าการได้รับการสนับสนุนและการยอมรับจากชุมชนและสังคมเป็นสิ่งสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ จึงได้จัดกิจกรรม CSR เพื่อตอบแทนสังคมในลักษณะต่างๆ อาทิเช่น กิจกรรมชุมชนสัมพันธ์ กิจกรรมส่งเสริมศาสนา การสืบทอดประเพณีวัฒนธรรม และการส่งเสริมการศึกษา รวมทั้งการบริจาคเงิน และสิ่งของเพื่อสาธารณกุศลต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง