นายสุรพงษ์ เจียสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2559 ถึงการดำเนินงานร่างระเบียบคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ ว่าด้วยการขึ้นทะเบียนเกษตรกร พ.ศ. 2559 ซึ่งมีพลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน โดยขณะนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการพิจารณาร่างระเบียบดังกล่าว โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้ส่งร่างระเบียบคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ ว่าด้วยการขึ้นทะเบียนเกษตรกร พ.ศ. 2559 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสำนักกฎหมายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้ข้อคิดเห็นต่อร่างระเบียบฯ ดังกล่าวแล้ว ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสามารถใช้ประโยชน์ข้อมูลร่วมกัน ในรูปแบบของ ต้นแบบ (Single Form) ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
จากสภาพปัญหาปัจจุบันที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังมีฐานข้อมูลและวิธีการเก็บข้อมูลของแต่ละหน่วยงานที่แตกต่างกัน ดังนั้น จึงได้มีการปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ ว่าด้วยการขึ้นทะเบียนเกษตรกร พ.ศ. 2554 ให้สามารถนำไปใช้ขจัดอุปสรรคข้อขัดข้องในการปฏิบัติงานตามนโยบายของรัฐบาล และของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นฉบับ พ.ศ. 2559
สาระสำคัญในการปรับปรุงแก้ไขร่างระเบียบในครั้งนี้ ประกอบด้วยประเด็นต่างๆ ที่สำคัญ ได้แก่ 1.ขยายขอบข่ายการประกอบการเกษตรให้ครอบคลุมทุกภารกิจ โดย เพิ่มชนิดสินค้า ให้สอดคล้องกับภารกิจของหน่วยงาน ในสังกัด กษ. ปรับปรุงเพิ่มเติมให้ผู้ขอขึ้นทะเบียนเกษตรกร สามารถขอขึ้นในนามของครัวเรือนหรือรายสินค้า 2.กำหนดให้มี หน่วยงานรับขึ้นทะเบียนปรับปรุงเพิ่มเติมหน่วยงานในสังกัด กษ. ในการรับขึ้นทะเบียนเกษตรกร 3.ให้นายทะเบียนมีอำนาจกำหนดเงื่อนไขได้ เป็นรายสินค้า หรือรายครัวเรือน และหน่วยงานที่รับขึ้นทะเบียน กำหนด หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการขึ้นทะเบียนเกษตรกร 4. กำหนดการสิ้นสภาพ และ 5. กำหนดให้ประธานคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ มีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการ เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับทะเบียนเกษตรกรในระดับจังหวัด โดยให้มีหน้าที่บริหารจัดการหรือดำเนินการอื่นใด เพื่อประโยชน์ในการขึ้นทะเบียนเกษตรกรให้บรรลุวัตถุประสงค์
ด้านนายคมสัน จำรูญพงษ์ รองเลขาธิการ สศก. กล่าวเสริมว่า สศก. ยังได้ร่วมกับกรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง กรมปศุสัตว์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมหม่อนไหม และการยางแห่งประเทศไทย เชิญหน่วยงานภายนอกได้แก่ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (สรอ.) หารือการพัฒนาฐานข้อมูลเกษตรกร ตามคำสั่ง กษ. ให้เป็นระบบฐานข้อมูลเกษตรกรกลาง ซึ่งเห็นควรว่าต้องมีการปรับปรุงระเบียบในการปฏิบัติที่ขัดแย้งกันให้สามารถดำเนินการได้ และต่อไปจะพัฒนาเป็นโครงการความร่วมมือ โดยจะมี MOUร่วมกันในวันที่ 13 มิถุนายนนี้ เพื่อให้การจัดเก็บข้อมูล และให้มีฐานข้อมูลให้ครบถ้วน ถูกต้อง เป็นปัจจุบันและให้เป็นไปตามแนวทาง Digital Economy เกิดการเชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนเกษตรกร ของทุกหน่วยงานในสังกัด กษ. เป็นฐานข้อมูลเกษตรกรกลาง เพื่อที่หน่วยงานในสังกัด กษ. สามารถใช้ประโยชน์ข้อมูลร่วมกันได้ โดยภาครัฐสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้จากฐานข้อมูลเดียว
ทั้งนี้ การออกประกาศ ระเบียบคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ว่าด้วยการขึ้นทะเบียนเกษตรกร พ.ศ. 2559 เป็นการออกประกาศใหม่ เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2559 เรื่องแนวทางการดำเนินการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐและตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมุ่งเน้นให้การขับเคลื่อนนโยบายเป็นแผนงานต้องออกมาเป็นรูปธรรม ทำงานแบบเป็นทีมและร่วมกันขับเคลื่อนในทุกมิติ ให้ทุกหน่วยงานในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรได้ ตามแผนการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบฐานข้อมูลเกษตรกรกลาง (Farmer ONE) ซึ่งจะนำไปสู่การใช้ประโยชน์ร่วมกันของข้อมูลต้นแบบ (Single Form) ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต่อไป โดยคาดว่าจะประกาศใช้ระเบียบดังกล่าวได้ภายในเดือนมิถุนายนนี้