พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่า
การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยความคืบหน้าการแก้ไขปัญหา
การทำประมงผิดกฎหมาย หรือ
ไอยูยู ว่า ได้รับ
หนังสือจากอียูรับทราบผล
การดำเนินการภายหลังจากที่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปชี้แจงความคืบหน้าเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยไม่มีประเด็นการผูกเงื่อนไขประชามติ โดยช่วงปลายเดือนนี้สหภาพยุโรป หรือ อียู จะเดินทางมาไทย เพื่อติดตามความคืบหน้าเรื่องการติดตั้งระบบติดตามเรือ หรือVMS / กระบวนการตรวจสอบย้อนกลับ / การบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และการตั้งศูนย์ควบคุมแจ้งการเข้าออกของเรือประมง ซึ่งไทยได้ดำเนินการแก้ไขอย่างต่อเนื่องตาม พรก.ประมง พ.ศ.2558 และล่าสุดได้ดำเนินการออกกฎหมายลูกครบถ้วนแล้ว เหลืออีกเพียง 4 ฉบับที่ยังไม่จำเป็นต้องออกมาบังคับใช้ในตอนนี้ พร้อมยืนยันว่าไม่ได้รับแจ้งจากอียูเรื่องการขยายเวลาประเมินสถานะของไทย หรือการให้ใบเหลือง-ใบแดงตามที่มีกระแสข่าว และไทยไม่ได้ถูกกดดันจากอียูแต่อย่างใด
นอกจากนี้ รมว.เกษตรฯ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมถึง กรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาในคดีฮั้วประมูลซื้อปุ๋ยของกระทรวงเกษตร ของอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายวิทยา เทียนทอง อดีตเลขานุการ และอดีต ส.ส.สระแก้ว ว่า ถือเป็นบทเรียนสำคัญของข้าราชการที่ต้อง ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความโปร่งใส ทั้งนี้ ได้กำชับให้ผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดทุกกรม ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และกำชับให้ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่าให้เกิดปัญหาการทุจริต เนื่องจากเป็นนโยบายรัฐบาลที่ต้องการแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น หากพบว่ามีผู้กระทำผิด จะมีการดำเนินการอย่างเด็ดขาด ภายใน 24 ชั่วโมง และหากมีเบาะแสผู้กระทำการทุจริตของผู้บริหารกระทรวงเกษตรรวมถึงข้าราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สามารถแจ้งข้อมูลได้