ทั้งนี้ ความโดดเด่นที่เหนือกว่าของกลุ่มผลิตภัณฑ์ Action Camera และ Cloud Camera & Smart Home Solution แบรนด์ 'อีซี่วิซ (EZVIZ)' จากอเมริกา ประกอบด้วย
• Action Camera เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่ชอบความแปลกใหม่และความท้าทายผ่านมุมมองใหม่ในการถ่าย VDO และ ภาพนิ่ง มีเทคนิคต่างๆ ให้เลือกใช้ รวมทั้งเก็บภาพประทับใจในบรรยากาศที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน โดยมีให้เลือก 3 รุ่น ประกอบด้วย S1 Sports Camera จำหน่ายในราคา 4,990 บาท, S5 Sports Camera จำหน่ายในราคา 7,990 บาท และ S5 Plus จำหน่ายในราคา 12,990 บาท
• Cloud Camera & Smart Home Solution เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับกับเทคโนโลยีใหม่รวมถึง IOT (Internet of Things) ที่ทุกอย่างต้องเชื่อมต่อแบบไร้ขีดจำกัดโดยผ่าน Smart Phone ไม่ต้องยุ่งยากในการติดตั้ง และตอบโจทย์ความต้องการในตัวของผลิตภัณฑ์ในทุกการใช้งาน โดยมีให้เลือก 2 รุ่น ประกอบด้วย C2 Mini Internet Camera จำหน่ายในราคา 2,990 บาท และ C2C Internet Camera จำหน่ายในราคา 2,190 บาท รวมทั้ง Internet Alarm Package จำหน่ายในราคา 6,990 บาท
ต่อคำถามเกี่ยวกับโอกาสในการทำตลาดของกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในประเทศไทยนั้น นายณัฐวร สาครสินธุ์ กล่าวแสดงความเห็นในประเด็นดังกล่าวว่า "ผลิตภัณฑ์ Action Camera มีการเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด และมีผู้เล่นในตลาดน้อยรายโดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่อยู่ใน Segment ระดับบน ทำให้ 'อีซี่วิซ (EZVIZ)' ยังสามารถแชร์ส่วนแบ่งทางการตลาดได้อีกมาก เพราะสินค้ากลุ่มนี้เป็น Life Style Product ที่ยังมีกำลังซื้ออยู่มาก ถ้าเรามีการวาง
กลยุทธ์ทางการตลาดที่ตรงกับ Lifestyle นำเสนอสินค้าที่ครบเรื่อง Feature หรือ Function นำไปสู่การสร้าง Communityของแบรนด์ 'อีซี่วิซ (EZVIZ)' ในประเทศไทย สร้างประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน เชื่อมั่นว่าเราจะสามารถครองความนิยมในตลาดเมืองไทยได้ไม่ยาก เช่นเดียวกันกับกลุ่มผลิตภัณฑ์ Cloud Camera & Smart Home Solution ที่ยังมีความต้องการของตลาดอย่างมาก เพราะปัจจุบันจำนวนผู้ใช้อินเตอร์เนตในประเทศไทยมีมากกว่า 38 ล้านรายชื่อที่จดทะเบียนการใช้อินเตอร์เนตในประเทศไทย และเราเชื่อว่ายังมีกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการความสะดวกสบายและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อใช้ในการเฝ้าระวังพื้นฐานที่จำเป็นอย่างมากในปัจจุบัน และสามารถปรับใช้กับบ้าน สำนักงาน รวมทั้งกลุ่ม SOHO และ SME ซึ่ง Cloud Camera & Smart Home Solution คือคำตอบของกลุ่มดังกล่าว"
ปัจจุบัน กลุ่มผลิตภัณฑ์ Action Camera มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 140 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 50% ไปจนถึงปี 2563 ในขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ CCTV และผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ในการเฝ้าระวังพื้นฐานมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท และจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง 10-15% ในแต่ละปี "เอสเทรค ตั้งเป้ายอดขายของ Action Camera ไว้ประมาณ 50 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายของ Cloud Camera & Smart Home Solution ไว้ประมาณ 120 ล้านบาทภายในสิ้นปี 2559 โดยเราจะมีการสร้างการรับรู้ในแบรนด์และผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง สร้างสรรค์กิจกรรมให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมผ่านกิจกรรมการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ออกบูธในอีเวนท์ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการผนึกพลังกับพาร์ทเนอร์แบรนด์เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ และขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญอย่างมากเกี่ยวกับการบริการหลังการขาย ซึ่งปัจจุบันเรามีศูนย์บริการหรือ Drop Point ที่รวดเร็วซึ่งถือเป็นจุดแข็งของเอสเทรคที่ผู้บริโภคให้การยอมรับ ด้านช่องทางจำหน่ายนั้น เราจะจำหน่ายผ่าน Modern Trade, I Studio, ร้านจำหน่ายสินค้าด้านไลฟ์สไตล์ อาทิ กล้องถ่ายรูป, จักรยาน, Motor Sport และ Big bike, กีฬาเอ็กซ์ตรีม และการท่องเที่ยว รวมทั้งร้านจำหน่าย Accessories ต่างๆ" นายณัฐวร สาครสินธุ์ อธิบายเพิ่มเติม
"เนื่องจาก Social Media และ IOT ยังคงเป็นเป็นกระแสนิยมอย่างต่อเนื่องทางเอสเทรคก็ต้องติดตามและนำสินค้าที่มีคุณภาพรวมทั้งเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาตอบโจทย์ให้ผู้บริโภคได้เลือกใช้ ซึ่งในส่วนนี้ก็ยังเป็นการเสริมทัพให้เอสเทรคมีความแข็งแกร่งทางธุรกิจมากยิ่งขึ้น เพราะสินค้าที่ทางเรานำเข้ามานั้นจะต้องถูกคัดสรรเฉพาะที่มีคุณภาพและได้รับความไว้วางใจ รวมถึงราคาที่สามารถทำให้ลูกค้าพึงพอใจได้ด้วยเช่นกัน โดยในปีนี้ เอสเทรค ได้ขยายการจำหน่ายสินค้าไปยังกลุ่ม Lifestyle เพื่อให้บริษัทฯ มีสินค้าที่จำหน่ายสู่ตลาดอย่างหลากหลายมากขึ้น และยังสามารถเพิ่มช่องทางการจำหน่ายใหม่รวมถึงเพิ่มยอดขายให้แก่ เอสเทรค ด้วยเช่นกัน" นายณัฐวร สาครสินธุ์ กล่าวสรุป
HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit