Beauty Club สุดยอดร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ความงามครบวงจรที่มาพร้อมกับความไฮเอนด์ที่ทุกคนจับต้องได้ และ การันตีแบรนด์ดังกว่า 1000 รายตบเท้าเข้ามาขาย ลุยรุกตลาด ทุ่ม 100 ล้าน หลังประสบความสำเร็จกระจายสาขาตามหัวเมืองใหญ่ และ ต่างจังหวัด เป้าหมายกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่ม ไม่หวั่นปัจจัยเศรษฐกิจ เชื่อ กลุ่มลูกค้าเรื่องความงามมีแต่เติบโตต่อเนื่องเพราะ เทรนด์สุขภาพและความงามไม่มีวันตาย พร้อมรุกตลาดทั้ง 19 สาขา ตามหัวเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศ พร้อมรีโนเวท สาขาล่าสุด เมเจอร์ รังสิต ใช้งบลงทุนกว่า 20 ล้าน ภายใน2ปี มั่นใจเติบโตกว่า 100 %
นายพิรศุษม์ ปลื้มปิติชัยกุล Managing Director บริษัท คลับวาไรตี้ จำกัด และ นายนภัทร โภคาสัมฤทธิ์ Marketing Director บริษัท คลับวาไรตี้ จำกัด กล่าวว่า "จุดเริ่มต้นของ Beauty Club เราเริ่มต้นจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายอาหารเสริมยี่ห้อ New Way และ หลังจากที่ประสบความสำเร็จจากยอดขาย จนได้เป็นตัวแทนหลัก จัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย และมีฐานสมาชิกกว่า 300,000 คน เราจึงเริ่มมีแนวคิดในการหาสินค้าอาหารเสริม เครื่องสำอางตั้งแต่ศรีษะจรดปลาเยเท้า ไม่ว่าจะเป็น เครื่องสำอางเคาน์เตอร์แบรนด์ น้ำหอมแบรนด์ดัง หรือ แม้แต่เมคอัพที่กำลังเป็นเทรนอยู่ในปัจจุบันจากทั่วทุกมุมโลก มาเสิร์ฟให้ฐานสมาชิกของเรา ที่มีกว่า 300,000 คนแล้ว จะให้เค้าเดินไปซื้อที่ร้านอื่นทำไม ก็ซื้อที่ Beauty Club ที่เดียวนี่แหละ จบ!! ตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า นี่แหละจึงเป็นจุดเริ่มต้นของ Beauty Club Grand สาขาเมเจอร์รัชโยธิน ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อสองเดือนที่แล้ว
Beauty Club ของเรานั้นมีด้วยกัน ทั้งหมด 3 Model ด้วยกัน โดยใช้ขนาดพื้นที่ของแต่ละสาขาเป็นตัวกำหนด
แบบที่ 1 Beauty Club Grand 150 ตรม.ขึ้นไป ร้านมีขนาดใหญ่ ตัวอย่างทำเลที่เปิดในลักษณะโมเดลนี้ คือ เมเจอร์รัชโยธินที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน โดยมีสินค้าความงามตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า มี กว่า 8,000 รายการ เงินลงทุนในการเปิดสาขาแยกออกเป็นการนำเข้าสินค้าต่างประเทศ การตบแต่งเคาน์เตอร์ การเลือกทำเล ค่าสถานที่ โดยประมาณค่าใช้จ่ายในการเปิดโมเดลนี้อยู่ที่ 18-20 ล้านบาท
แบบที่ 2 Beauty Club House ใช้พื้นที่ 50 - 100 ตรม และ มีแพลนที่จะรุกหัวเมืองโคราช ทำเลที่เลือกไว้มีแล้ว คือ คลังพลาซ่า โคราช โมเดลที่ย่อส่วนลงมานี้ เราคัดเลือกเน้นสินค้าขายดีของแต่ละแบรนด์ รวมทั้งหมดประมาณ 1,500 รายการ เลือก ชิ้นที่เด่น ที่มั่นใจว่าตอบโจทย์กำลังซื้อและ เป็นเทรนด์ที่ขายดี โมเดลธุรกิจแบบนี้ จะคัดเลือกสินค้าไม่เกิน 1500 รายการ ด้วยความที่พื้นที่ย่อส่วนลงแต่เรามีการใส่ใจในการคัดเลือกสินค้าเพื่อมาให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าของเรา ใช้งบลงทุนแบบโมเดล Beauty Club House ประมาณ 4-5 ล้านบาท
และกับโมเดลเล็กสุด แต่เป็นโมเดลแรกที่เราเริ่มต้นทำธุรกิจนี้ คือ
แบบที่ 3 Beauty Club Corner พื้นที่เคาน์เตอร์ตามห้าง ใช้พื้นที่น้อยที่สุด โดยจะเน้นสินค้าที่ขายดีที่สุดจริงๆ ไม่เกิน 100 รายการ ในกลุ่มของอาหารเสริม และ เครื่องสำอาง สกินแคร์ เท่านั้น โดยปัจจุบัน โมเดลนี้มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 17 สาขาทั่วประเทศ เหมือนเป็นร้านเอนกประสงค์ให้กับลูกค้าที่จะสะดวกในการเข้าซื้อสินค้าของเราตามหัวเมืองใหญ่จากทั่วประเทศ
PlanของBeauty Club ปีนี้เราจะขยายส่วนของ Beauty Club Corner 5สาขาหลักที่อยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑลทั้งหมด ให้เป็น Beauty Club Grand ใช้งบขยายสาขาประมาณ 18-20 ล้านบาท /สาขา ในทำเลที่ตั้งเราให้ความสำคัญเรื่องการเดินทาง จุดหลักต่างๆที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าของเราคือ นักศึกษาและ กลุ่มวัยทำงาน ที่มีอายุตั้งแต่ 18-35 เราเลือกเปิดสาขา ในห้างสรรพสินค้าเครือเมเจอร์ ทั้งหมด โดยปีนี้จะขยับเป้าหมายการขยายสาขาเป็นBeauty Club Grand โดยเริ่มต้นที่ สาขาเมเจอร์ รัชโยธิน ที่เปิดไปเมื่อสองเดือนที่แล้ว และ สาขาเมเจอร์ รังสิต ที่จะพร้อมเปิดวันที่ 15 มิถุนายนนี้ ปัจจัยหลักเพราะเล็งเห็นความต้องการของลูกค้าทั่วไปและฐานสมาชิกของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และตามเทรนด์กระแสความงามและตลาดสินค้าสุขภาพเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงเทรนด์การแต่งหน้า เทรนด์การเลือกเมคอัพ เทรนด์นำเข้าสินค้าแบรนด์พรีเมี่ยมจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น เราจึงตัดสินใจ โดยมั่นใจแล้วว่าที่มีทั้งหมด 19 สาขา ณ ตอนนี้ ผ่านการคัดเลือกในด้านของทำเล อยู่ในหัวเมืองใหญ่ เช่น เมเจอร์ทั้งหมด เซ็นทรัล บางนา เซ็นทรัล พระราม 2 เน้นการเดินทาง จุดต่อรถ จุดเดินทางแบบสะดวกสบาย การมีที่จอดรถ และ การขยายสาขา ในเมเจอร์ รังสิต จะปรับเปลี่ยนจาก Beauty Club Corner เป็น Beauty Club Grand แม้จะลงทุนเยอะ แต่ยังเชื่อเรื่องกำลังซื้อว่าไม่ได้น้อยลง เพียงแต่ ลูกค้าให้ความตระหนักถี่ถ้วนและใส่ใจหาความรู้ในการเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น เน้นการหาข้อมูล เน้นเทรนด์ เพราะที่ผ่านมาเมื่อนับยอดของสาขา เมเจอร์รัชโยธิน เป้าไม่ได้ลงลงเลยมีแต่เพิ่มมากขึ้น เมื่อนับจากกำลังซื้อ ยังสามารถเติบโตได้ดี แต่เราเสริมกลยุทธ์ในแง่ของการตลาดด้วยการ ส่งโปรโมชั่น แคมเปญดีๆ เพื่อกระตุ้นตลาดและ กระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่องอยู่แล้วด้วยเช่นกัน"
เมื่อแยกสัดส่วนการตลาด ร้าน Beauty Club จัดอยู่ในกลุ่มสินค้า Beauty Store ซึ่งมี Watson ,Booths ,Stardust, Beauty Market และ Eveandboy กลุ่มสินค้าส่วนใหญ่ที่ทำการตลาดได้ดีอย่างมีประสิทธิภาพเราจะนึกถึงWatson booths เมื่อแยกกลุ่มสินค้าหลักๆจะเป็น สินค้าที่ขายดี เป็นที่ต้องการของตลาดเจาะทุกกลุ่มลูกค้า และกำลังซื้อทุกระดับ แต่ในส่วนของเรา Beauty Club เราเน้นกลุ่มลูกค้าระดับ Bขั้นไป เราทุ่มทุนกับการนำเข้าสินค้าแบรนด์ดังจากต่างประเทศ และ เน้นการทำเคาน์เตอร์แบรนด์ เพื่อให้ตรงใจและมีมากพอต่อความต้องการของเทรนด์การตลาดร้านความงามสะดวกซื้อที่สำคัญเรายกระดับสินค้าให้มีความ Premium มากขึ้น เพราะเรามีนำเข้าน้ำหอมแบรนด์ดัง จึงมั่นใจว่า ช่องว่างของการตลาดBeauty Store ยังมีให้ผู้เล่นอีก จึงคิดว่า Beauty Club สามารถเติมเต็มดังจะเห็นได้จากการประสบความสำเร็จ19สาขา ภายใน 3 ปี ได้แก่ สาขา เมเจอร์ รัชโยธิน, เมเจอร์ รังสิตม เมเจอร์ ปิ่นเกล้า, มธ.รังสิต ,คลังพลาซ่า โคราช, เซ็นทรัล ขอนแก่น, เซ็นทรัล อุดรธานี, เซ็นทรัล พิษณุโลก, เซ็นทรัล แอร์พอร์ต เชียงใหม่, โรบินสัน ฉะเชิงเทรา, เซ็นทรัล บางนา ,เดอะวอล์ค นครสวรรค์, เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ, เดอะมอลล์ บางแค, เซ็นทรัล พระราม 2 ,เซ็นทรัล เชียงราย, เซ็นทรัล อุบลราชธานี,โรบินสัน สุรินทร์,ห้างแหลมทองระยอง
สามารถเข้าเยี่ยมชมทาง Face book แฟนเพจ BeautyclubShopping หรือ IG : beautyclubshopping และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร 095 826 6698
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit