ด้าน ดร.ทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึงสถานการณ์น้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ทั่วประเทศว่า ล่าสุด(13 ก.ย. 59) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 38,385 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 54 ของความจุอ่างฯ รวมกันมีปริมาณน้ำใช้การได้ประมาณ 14,859 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนใหญ่ทั้งประเทศยังสามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 32,000 ล้านลูกบาศก์เมตร
ในส่วนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยฯ และเขื่อนป่าสักฯ) ยังคงมีน้ำไหลลงอ่างฯ อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน (13 ก.ย 59) ทั้ง 4 เขื่อน มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกัน 5,376 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 30 ของปริมาณน้ำใช้การทั้งหมด สามารถรองรับน้ำได้รวมกันอีกกว่า 12,700 ล้านลูกบาศก์เมตร
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน จึงได้ให้โครงการชลประทานทุกแห่ง เตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฝนที่จะตกหนักจากอิทธิพลของพายุ "ราอี" โดยการพิจารณาลดระดับน้ำในเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ พร่องน้ำในพื้นที่ คลองส่งน้ำ คลองระบายน้ำ รวมไปถึงแก้มลิงต่าง ๆ ให้มีพื้นที่รองรับปริมาณน้ำหลากได้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังให้จัดเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ และเจ้าหน้าที่ ให้มีความพร้อมในการปฏิบัติงานเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง ให้ประสานงานและนำเสนอข้อมูลสถานการณ์น้ำฝน น้ำท่า และการบริหารจัดการน้ำ แก่จังหวัดอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถแจ้งเตือนประชาชนได้อย่างรวดเร็ว