ลักษ์ชัวร์รี่ ชูกลยุทธ์ดาวกระจายรุกตลาดหมอนเต็มสูบ หวังเป็นฮับธุรกิจโฮเทลซัพพลาย ตั้งเป้ารายได้ 230 ล้านบาท

13 Sep 2016
"ลักษ์ชัวร์รี่" หมอนโรงแรม 6 ดาว เพื่อการพักผ่อนนุ่มสบาย เรียบหรู เหมือนอยู่ในโรงแรม ชูกลยุทธ์ดาวกระจาย เดินหน้ารุกตลาดหมอนเต็มสูบ หวังเป็นฮับธุรกิจโฮเทล ซัพพลาย รองรับตลาดท่องเที่ยวและ AEC ตั้งเป้ายอดขาย 230 ล้านบาท คาดการณ์โต 65 เปอร์เซ็นต์ ในปี 59 พร้อมลุยขยายธุรกิจ "HOME SERVICE" เจาะกลุ่มเป้าหมายโดยตรง มุ่งเน้นบริการระดับพรีเมี่ยม รับประกันคุณภาพและบริการหลังการขาย
ลักษ์ชัวร์รี่ ชูกลยุทธ์ดาวกระจายรุกตลาดหมอนเต็มสูบ หวังเป็นฮับธุรกิจโฮเทลซัพพลาย ตั้งเป้ารายได้ 230 ล้านบาท

นายคมศานต์ จิวากานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีลักษ์ โฮเทล ซัพพลาย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายหมอนโรงแรม 6 ดาว แบรนด์ "ลักษ์ชัวร์รี่" กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทของเราถือเป็นผู้นำอันดับ 1 ของตลาดหมอน โดยสินค้าของเราเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อระดับ B+ ที่ให้ความสำคัญกับการพักผ่อนแบบเรียบหรู ซึ่งจากการศึกษาตลาดเครื่องนอน เราพบว่าปัญหาส่วนใหญ่ของผู้บริโภค คือ จะมีปัญหาเรื่องกลัวการซื้อหมอนเป็นอย่างมาก ทำให้แต่ละบ้านมีหมอนค่อนข้างเยอะแล้วนำไปไว้บนหลังตู้ เราเห็นโอกาสดังกล่าวจึงทำการผลิตหมอนออกสู่ตลาดภายใต้แบรนด์ "ลักษ์ชัวรี่" หมอนโรงแรม 6 ดาว ที่เน้นการพักผ่อนเรียบหรู นุ่มสบาย เหมือนการพักผ่อนในโรงแรมระดับ 5 ดาว โดยเริ่มก่อตั้งธุรกิจในปี 56 ซึ่งในปีแรกมียอดขายอยู่ที่ 3 ล้านบาท โดยใช้กลยุทธ์ดาวกระจาย ออกบูธตามคอมมูนิตี้มอลล์ต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้า ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเกินเป้าหมาย และในปี 57 เราจึงตัดสินใจลงทุนเปิดโรงงานด้วยงบประมาณ 13 ล้านบาท เพื่อผลิตและจัดจำหน่ายเอง ซึ่งเราสามารถทำยอดขายอยู่ที่ 130 ล้าน ถือเป็นการเติบโตที่ก้าวกระโดดอย่างมาก และต่อมาในปี 58 เราได้ทุ่มงบประมาณในการกระจายสินค้าเข้าสู่กลุ่มเป้าหมาย โดยออกบูธตามออฟฟิศบิวดิ้ง หน่วยงานราชการ และคอมมูนิตี้มอลล์ 30 แห่งทั่วประเทศ และออกงานแฟร์ใหญ่ๆ อาทิ งานบ้านและสวนแฟร์ โดยในปี 58 เรามียอดขายอยู่ที่ 150 ล้านบาทนายคมศานต์ กล่าวต่อว่า สำหรับปี 59 เราตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 230 ล้าน คาดการณ์โต 65 เปอร์เซ็นต์ โดยยอดขายประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ มาจากการขายสินค้าให้กับผู้บริโภคโดยตรงอีก 15 เปอร์เซ็นต์ มาจากการรับเป็น OEM ให้แบรนด์สินค้าอื่นๆ ซึ่งในปีนี้เราได้เซ็นต์สัญญาการผลิตกับ 1577 โดยเน้นไปทางหมอนสุขภาพ ส่วนยอดขายอีก 10 เปอร์เซ็นต์ มาจากผู้ประกอบการกลุ่มโรงแรมต่างๆ ซึ่งในปี 60 เราจะขยายธุรกิจ "HOME SERVICE" ให้บริการเรื่องหมอนกับกลุ่มผู้บริโภคถึงบ้าน อย่างเช่น ผู้สูงอายุ กลุ่มแม่บ้าน คนทำงาน

ที่ไม่ค่อยมีเวลาและมีปัญหาเรื่องการนอน เราจะไปบริการถึงที่บ้าน เพียงโทรเข้า Call Center โดยเน้นการให้บริการระดับพรีเมี่ยม ไม่พอใจสามารถเปลี่ยนสินค้าได้ทันที ซึ่งหากเป็นไปตามเป้าหมาย ในปี 60 เราจะทำยอดขายได้อยู่ที่ 330 ล้านบาท

สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาด เรายังคงเน้น "กลยุทธ์แบบดาวกระจาย" ออกบูธตามออฟฟิศบิวดิ้ง คอมมูนิตี้มอลล์ทั่วประเทศ และออกขายตามงานแฟร์ต่างๆ การให้บริการ HOME SERVICE รวมถึงการรับผลิตสินค้าให้กับผู้ประกอบการรายอื่นๆ และในปี 60 เราจะเน้นการทำตลาดในช่องทางออนไลน์มากขึ้น เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างรวดเร็ว และเราตั้งใจจะเป็นศูนย์กลางธุรกิจด้านโฮเทล ซัพพลาย ให้กับผู้ประกอบการโรงแรมทั้งในและต่างประเทศ ซื้อที่เดียวจบ มีทั้งสินค้าในประเทศ และต่างประเทศให้เลือกสรร เพื่อรองรับธุรกิจท่องเที่ยวและการเปิดตลาด AEC โดยตั้งงบทางการตลาดประมาณ 20 ล้านบาท

นายคมศานต์ กล่าวปิดท้ายว่า สำหรับจุดเด่นของ "ลักษ์ชัวร์รี่" คือ สินค้าของเราจะเน้นความหรูหรา มีน้ำหนัก นุ่มสบาย และนิ่ม มีความแตกต่างจากหมอนในท้องตลาดทั่วไป โดยการคัดสรรเส้นใยพิเศษ ที่เรียกว่า "ไมโครคลิ้ม" นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น เป็นเส้นใยที่มีความละเอียดนุ่ม และมีความยืดหยุ่นสูง ซึ่งประเทศไทยไม่สามารถผลิตขึ้นได้ โดยเส้นใยดังกล่าวมีความละเอียดกว่าเส้นผมของคนเราถึง 20 เท่า และ ลื่นที่สุด อายุการใช้งาน 3 ปีขึ้นไป สามารถซักทำความสะอาดได้ นอกจากนี้เรายังมีเครื่องจักรที่คิดค้นผลิตขึ้นเองให้เหมาะสมกับการผลิตหมอนโรงแรมโดยทำการผลิตในห้องปลอดฝุ่นและควบคุมความชื้น ซึ่งในแต่ละเดือนเรามีกำลังการผลิตอยู่ที่ 6,000 ใบ ปัจจุบันเรามีสินค้าอยู่ 16 รุ่น ให้เลือก ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1,500 -18,990 บาท นอกจากกระบวนการผลิตที่ใส่ใจทุกรายละเอียด เพื่อให้ลูกค้าได้รับสิ่งที่ดีที่สุด แล้วเรายังเน้นบริการหลังการขายที่ไม่เหมือนใคร โดยลูกค้าที่ซื้อสินค้าจากเรา หากไม่พอใจสามารถนำสินค้ามาเปลี่ยนได้ที่บูธของเราทุกสาขากว่า 30 จุดทั่วประเทศ เพราะเหตุผลเดียวบริษัทไม่อยากให้คุณนำหมอนวางบนหลังตู้เหมือนใบเก่าๆ ที่ผ่านมา

HTML::image( HTML::image(