น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมรอบเดือนก.ย.หลังจากสหรัฐรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอได้แก่ ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านในเดือนส.ค.ที่ร่วงลง 5.8% สู่ระดับ 1.14 ล้านยูนิตมากกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 2.9% ในไตรมาส 3 อยู่ในระดับต่ำกว่าการคาดการณ์ที่ระดับ 3.0% ก่อนหน้านี้ รวมทั้งการทำ Window dressing ก่อนปิดสิ้นงวดไตรมาสที่ 3 อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องกังวลกับการที่นักลงทุนต่างชาติซื้อน้อยลงหลังจากสิ้นสุดการปรับดัชนี FTSE เมื่อวันที่ 16 ก.ย. รวมทั้งการปรับพอร์ทลดความเสี่ยงก่อนทราบผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐและธนาคารกลางญี่ปุ่น
ทั้งนี้แนะนำจับตาผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นเกี่ยวกับนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในวันนี้ (21 ก.ย.) ตลาดคาดว่าที่ประชุมอาจจะมีมติเพิ่มวงเงิน QE และปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นติดลบมากขึ้นจากระดับปัจจุบันที่ -0.1%
นอกจากนี้ทางสหรัฐจะมีการรายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนประจำเดือนส.ค. และในวันที่ 23 ก.ย. สหรัฐ เยอรมนี และอียู เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต
ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดต่างจับตาผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นและธนาคารกลางสหรัฐว่าจะเป็นไปตามที่คาดการณ์กันไว้หรือไม่ หากผลการประชุมไม่เป็นไปตามที่ตลาดคาดโดยเฉพาะผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐคาดจะทำให้เกิดความผันผวนในตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลก ซึ่งจะมีนัยสำคัญต่อทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงปลายสัปดาห์ โดยมีประเด็นการทำ Window dressing ที่จะช่วยพยุงตลาด
ดังนั้นประเมินว่า SET น่าจะแกว่งตัวในกรอบ 1,460 - 1,500 จุด โดยแนะนำลงทุนในหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ หุ้นที่ทำโรงไฟฟ้าจากจากพลังงานขยะอุตสาหกรรมซึ่งจะได้ประโยชน์จากการที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าขยะรวม 50 MW โดยจะประกาศผลภายในเดือนต.ค. 59 แนะจับตา BWG, AKP, GENCO, SUPER และ PSTC รวมถึง BANPUซึ่งได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่ปรับขึ้นทำ High ในรอบ 19 เดือน ล่าสุด 71.6 US/Ton และการเตรียมนำบริษัทลูกบมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงต้นไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาได้เล็กน้อยหลังลงมาต่อเนื่องเกือบทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐจากกระแสการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.นี้
ขณะที่ค่าเงินเยนได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ว่า BOJ จะไม่ผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติมในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.นี้เช่นกัน อย่างไรก็ตามยังคงต้องจับตาดูผลการประชุมเฟดในวันที่ 20-21 ก.ย. รวมถึงแถลงการณ์ของประธานเฟดหลังการประชุม ทั้งนี้เพื่อประเมินทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอีกครั้ง เพื่อใช้เป็นข้อมูลตัดสินใจการเข้าลงทุนในทองคำ
สำหรับแนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิคมองว่าราคาเริ่มฟื้นตัวระยะสั้นหลังลงมาต่อเนื่องใกล้จบแนวลง V-SHAPE บวกกับค่าสัญญาณทางเทคนิคเริ่มปรับขึ้น ทำให้ราคามีโอกาสสร้างฐานแนวรับ DOUBLE BOTTOM และฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ตามแนวต้านขาลงเส้น 5 และ 10 วันที่ยังกดดันอยู่ จะสร้างแรงถ่วงให้ราคาปรับขึ้นได้ไม่มาก โดยมีแนวรับ 1,300-1,295 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,335-1,340 เหรียญต่อทรอยออนซ์
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit