"ที่ผ่านมาไทยได้สนับสนุนการเกษตรในหลากหลายสาขาแก่ภูฏาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาไม้ดอกไม้ประดับ สนับสนุนพ่อแม่พันธุ์สัตว์ ให้ความรู้ด้านชลประทาน และสนับสนุนโครงการในพระราชดำริฯ เป็นต้น ดังนั้น การเยือนราชอาณาจักรภูฏาในครั้งนี้ นอกจากเพื่อเร่งรัดติดตามความก้าวหน้า ปัญหาและอุปสรรค การดำเนินงานที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินโครงการศูนย์เรียนรู้ต้นแบบด้านการเกษตร ในพระราชดำริของพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังซุก ที่เมืองพูนาคาเพื่อให้โครงการสำเร็จลุล่วงด้วยดีตามพระราชประสงค์ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างยั่งยืนแก่ภาคเกษตรกรรมของภูฏาน เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และเผยแพร่หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้พระเกียรติคุณกว้างไกลยิ่งขึ้นแล้ว ยังเป็นการยืนยันว่ารัฐบาลไทยยินดีให้การสนับสนุนในการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการเกษตรที่ไทยมีความเชี่ยวชาญ ซึ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการเกษตรของประเทศไทยในภูมิภาคอีกด้วย" พลเอก ฉัตรชัย กล่าว
สำหรับข้อมูลการค้าสินค้าเกษตรไทย-ภูฏาณ พบว่า ระหว่างปี 2556-2558 ยังมีสัดส่วนการค้าสินค้าเกษตรกับไทยไม่มากนัก เนื่องจากประเทศคู่ค้าสำคัญของภูฏาณ ได้แก่ อินเดีย ฝรั่งเศส บังกลาเทศ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อย่างไรก็ตาม สินค้าเกษตรของไทยก็มีแนวโน้มที่ดีและมีการขยายตัวมากขึ้น โดยในปี 2558 มูลค่าการค้า 72 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการค้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 102.15 ต่อปี ซึ่งไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้ากับภูฏานมาโดยตลอด สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ กาแฟ ชา น้ำผลไม้หรือน้ำพืชผักต่าง ๆ ปลาซาร์ดีนปรุงแต่ง อาหารปรุงแต่งที่ทำจากธัญพืชหรือผลิตภัณฑ์ธัญพืชประเภทซีเรียล เป็นต้นดังนั้น การร่วมมือกันระหว่างสองประเทศในการนี้จะช่วยส่งเสริมและผลักดันการค้าสินค้าเกษตรระหว่างสองประเทศเพิ่มมากขึ้นไม่เพียงแต่ ไทยสามารถส่งออกสินค้าเกษตรให้ประชากรภูฏาณบริโภคแล้ว ยังช่วยเผยแพร่สินค้าเกษตรไทยให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไปเที่ยวภูฏาณได้อีกทางหนึ่งด้วย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit