ตลาดยางล้อในประเทศไทยมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง เนื่องจากไทยถือเป็นฐานการผลิตของยางหลายยี่ห้อซึ่งมีการทำตลาดสร้างแบรนด์กันอย่างต่อเนื่อง แต่กลุ่มบริษัท ดีสโตน ผู้ผลิตและจำหน่ายยางแบรนด์ดีสโตน แบรนด์คนไทยแท้ก็สามารถยืนหยัดอยู่ได้มานานถึง 40 ปี ด้วยการมุ่งเน้นผลิตสินค้าคุณภาพ หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นยางรถยนต์โดยสารเรเดียล ยางเพื่อการเกษตร ยางสำหรับรถเพื่อการพาณิชย์ ยางรถจักรยานยนต์ ยางจักรยาน ฯลฯ รวมแล้วมากกว่า 1,000 รายการ รวมถึงการให้บริการที่มีคุณภาพ โดยทีมงานที่มีประสิทธิภาพ และการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างสม่ำเสมอ จนสามารถผลิตยางรถยนต์เรเดียลฝีมือคนไทย และเป็นผู้ผลิตยางรถยนต์เรเดียลรายแรกของไทยที่ส่งออกสู่ตลาดโลก โดยมียอดการจำหน่ายกว่า 10 ล้านเส้นต่อปีในกว่า 120 ประเทศทั่วโลก ด้วยสัดส่วนการจัดจำหน่ายในประเทศ 40% ส่งออก 60%
จากวิสัยทัศน์ที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผลักดันให้ประเทศไทยได้ก้าวขึ้นเป็นประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำด้านยานยนต์แห่งหนึ่งของโลก กลุ่มบริษัท ดีสโตน จึงมุ่งมั่นพัฒนาและเพิ่มศักยภาพด้านการผลิตมาโดยตลอด ล่าสุดได้จัดงานฉลองความสำเร็จการดำเนินธุรกิจที่ยาวนานกว่า 40 ปี เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2559 ที่โรงแรมเซนทารา แกรนด์ ขึ้นซึ่งคุณเกริก วงศาริยวานิช กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท ดีสโตน กล่าวว่า "บริษัทมีศักยภาพพร้อมทั้งด้านประสบการณ์ทางธุรกิจ ความเข้าใจตลาด การลงทุนด้านเทคโนโลยี ในการจะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ยางล้อใหม่ๆ ขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานของผู้บริโภคได้มากขึ้นภายใต้แนวคิด ความสำนึกในเรื่องการรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อม โดยการนำสูตรยาง ที่เรียกกันในวงการว่า ซิลิกา คอมปาวด์ มาใช้จะทำให้ยางที่ผลิตออกมาจะสามารถลดเรื่องของการใช้เชื้อเพลิงได้มากขึ้น รวมถึงเรื่องของเสียง นอกจากนี้ดีสโตน เน้นและให้ความสำคัญในเรื่องของความปลอดภัยมาโดยตลอดจึงมีแผนเพิ่มการลงทุนในการสร้างสนามทดสอบยาง ที่ได้มาตรฐานสากลขึ้นและจะเป็นสนามทดสอบยางของคนไทยรายแรก โดยเป็นโครงการระยะยาวในการเพิ่มพูนศักยภาพของผลิตภัณฑ์ให้มีความคุ้มค่ามากที่สุด "
"เราใส่ใจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบที่ตอบโจทย์ของลูกค้า การวิจัยและพัฒนา สู่ขั้นตอนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ผลิตภัณฑ์ยางดีสโตน ผสมผสานเทคโนโลยีการผลิตยางรถยนต์ที่ล้ำสมัย การเลือกสรรวัตถุดิบยางธรรมชาติ เครื่องจักร และวัสดุคุณภาพจากทุกมุมโลก ควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติ กระบวนการตรวจสอบในทุกขั้นตอน การทดสอบที่ได้รับการยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงเชื่อมั่นได้ในมาตรฐานคุณภาพของยางที่เราผลิตออกมา" คุณเกริกกล่าว
จุดมุ่งหมายของการจัดงานครั้งนี้ คุณเกริกกล่าวว่า เพื่อสนับสนุนวัตถุดิบยางพาราของคนไทยที่ได้ชื่อว่ามีคุณภาพที่ดีที่สุดในโลกในการแปรรูปมากขึ้น ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกยางพารามากเป็นอันดับสองของโลกรองจากอินโดนีเซีย และมีเกษตรกรชาวสวนยางพาราประมาณ 6 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมดของไทย ในปี 2558ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีปริมาณการผลิตยางพารารวม 4.47 ล้านตัน จากพื้นที่กรีดยางทั้งหมด 18.84 ล้านไร่ โดยส่งออกในรูปของยางแปรรูปขั้นต้น 3.74 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 170,419 ล้านบาท และใช้ในการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ขั้นปลายในประเทศ 6 แสนตัน
ผลผลิตจากยางพาราที่จำหน่ายในประเทศถูกนำมาใช้ ในอุตสาหกรรมการผลิตยางล้อมากถึงร้อยละ 56 ของปริมาณผลผลิตทั้งหมดในท้องตลาด กลุ่มบริษัทดีสโตนเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการ ที่ต้องการเห็นประเทศไทยเป็นมากกว่าผู้ผลิตยางพารา จึงนำยางพารามาเพิ่มมูลค่าด้วยการแปรรูปเป็นยางล้อที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับของทั่วโลก นอกจากการนำยางพาราของไทยมาสร้างสรรค์ยางล้อ สู่สากลทั่วโลกแล้ว ดีสโตนยังมีนโยบายส่งเสริมทรัพยากรมนุษย์ และการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยนำเศษยางที่เหลือจากกระบวนการผลิต ไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ทำให้แทบจะไม่เห็นส่วนเหลือทิ้ง ซึ่งช่วยให้สามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้
"อย่างไรก็ตาม แม้ว่าดีสโตนจะทำตลาดต่างประเทศเป็นหลักมาเป็นเวลานาน จนได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก เราก็ให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศเป็นอย่างมาก ด้วยความที่ฝ่ายบริหารมั่นใจอย่างยิ่งในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ เราจึงมีความมุ่งหวังที่จะสร้างดีสโตนให้เป็นหนึ่งในแบรนด์ไทยที่เชื่อถือและไว้วางใจได้ และคนไทยก็ควรมีโอกาสได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเทียบเท่าผลิตภัณฑ์ในตลาดโลก ในราคาที่เหมาะสม นั่นจึงเป็นที่มาของแผนงานสร้างแบรนด์และแผนการตลาด มากขึ้นนั้นเอง" คุณเกริกกล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit