แซนดี้โชว์ฝีมือที่พัฒนาขึ้นในการซ้อมช่วงวันศุกร์ ควอลิฟายได้กริดสตาร์ทที่ 11 ในวันเสาร์ด้วยเวลาห่างจากโพลซิชั่นเพียง 0.5 วินาที บ่งบอกถึงความยากในการแข่งขันจีพีทรีปีนี้อย่างแท้จริง "ผมทำเวลาได้ดีพอควร แต่ทว่าต้องยอมรับว่า เวลาในช่วงแรกๆของการควอลิฟายทำได้ไม่ดีมากนัก ก็เลยพลาดที่จะได้ผลควอลิฟาย 1 ใน 10"
ในเรสที่ 1 บ่ายวันเสาร์ แซนดี้ออกสตาร์ทได้ดี พยายามไต่อันดับขึ้นก่อนโค้งที่ 11 หลังจากผ่านไปไม่กี่แลป ก็เป็นที่ชัดเจนว่า แซนดี้ต้องต่อสู้อย่างหนักกับการขึ้นแซง ในขณะที่อันดับร่วงลงมาเรื่อยๆในครึ่งหลังของการแข่งขัน แซนดี้จำเป็นต้องออกจากการแข่งขัน อันเนื่องมาจากเกียร์บ็อกซ์พัง "ผมรู้สึกได้ว่ามันแปลกตั้งแต่ผ่านแลปแรกแล้ว มันยากมากในการบังคับรถเพราะเกียร์บ็อกซ์ที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งสภาพรถโดยรวมยังโอเคอยู่แต่ผมว่า เราต้องมาแก้ไขกันใหม่ในเรื่องของการเซ็ทอัพ" แซนดี้กล่าว
ในเรสที่ 2 แซนดี้ออกสตาร์ทจากอันดับที่ 17 แต่หลังจากออกสตาร์ท สามารถแซงขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 13 ภายในแลปแรก จากนั้นขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 10 โดยหวังที่จะขึ้นไปในอันดับ 8ให้ได้ แต่หลังจากผ่านการต่อสู้อันยาวนาน หน้ายางของรถแซนดี้ถูกเบิร์นหมดแล้ว ทำให้นักขับคนอื่นไล่แซงขึ้นมาได้ ส่งผลให้แซนดี้เข้าเส้นชัยไปในอันดับที่ 12 "ครึ่งแรกของการแข่งขัน ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ผมขึ้นไปอยู่ในอันดับท็อปได้ แต่หลังจากที่หน้ายางถูกเบิร์นไปเกือบหมดจากการอันเดอร์สเตียร์มากเกินไป (understeer) จึงเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่เราต้องพยายามแก้ไขให้ได้ก่อนสนามถัดไป ที่จะแข่งสปาร์ฟรองคอฌองส์ ประเทศเบลเยี่ยม ช่วงวันที่ 26-28 สิงหาคม นี้" แซนดี้ปิดท้าย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit