น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยสะท้อนปัจจัยบวกจากการเดินหน้าตามโรดแมพจัดเลือกตั้งปี 2560 ของรัฐบาลหลังผลการจัดทำประชามติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีที่เอื้อต่อการตัดสินใจลงทุนของภาคเอกชนและนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้น รวมถึงเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยยอดสุทธิ 2 เดือน (ก.ค. – ส.ค. 59) ประมาณ 5.3 หมื่นล้านบาท และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้นจากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบ หรือ โอเปก จะมีการเจรจาในวันที่ 26 – 28 ก.ย. เพื่อบรรลุข้อตกลงในการคงกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มเอาไว้ เพื่อรักษาสมดุลของราคาน้ำมันดิบ
สำหรับปัจจัยที่คาดว่าจะส่งผลเชิงลบต่อทิศทางตลาดหุ้นไทยได้แก่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐด้านตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งในปีนี้ และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มองว่าการพื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังไม่กระจายตัวไปทุกภาคส่วนและยังมีความเปราะบาง
นอกจากนี้ยังคงต้องจับตาปัจจัยที่มีผลการลงทุน เช่น วันที่ 11 สิงหาคม 2559 ประกาศรายชื่อหุ้นที่เข้า MSCI Thailand รอบใหม่ วันที่ 12 สิงหาคม อียูเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 และวันที่ 15 สิงหาคมเป็นกำหนดวันสุดท้ายของการส่งงบการเงินงวดไตรมาสที่ 2 ของบริษัทจดทะเบียน และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มีกำหนดแถลงตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 2/59
ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้ Sentiment เชิงบวกจากผลโหวตรับร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วง ซึ่งคาดว่าจะสามารถจัดการเลือกตั้งได้ในช่วงปลายปี 2560 และหนุนต่อ Fund Flowต่างชาติไหลให้เข้าต่อเนื่อง ประกอบกับแรงซื้อดักงบไตรมาส 2/2559 และปันผลครึ่งปีที่เตรียมจะประกาศถึง 15 สิงหาคมนี้
ดังนั้นประเมินว่า SET จะปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,555 - 1,560 จุด โดยแนะนำซื้อเก็งกำไรแบบ Selective Buy ได้แก่ กลุ่มพลังงานคาดกำไรไตรมาส 2/2559 ขยายตัวจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น กลุ่มธนาคาร ค้าปลีก รับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากผลโหวตรับร่างรัฐธรรมนูญส่งผลให้ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและประชาชนเพิ่มขึ้น และกลุ่มปันผลครึ่งปีโดดเด่น ได้แก่INTUCH, ADVANC, TCAP, KKP และ SPALI
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำอยู่ในช่วงพักตัวลงจากแรงกดดันการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐหลังสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนก.ค.ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัว ประกอบกับประธานเฟด สาขาแอตแลนตา เปิดเผยแบบจำลองการคาดการณ์ GDP Now แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 3.8% ในไตรมาส 3 ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ที่ระดับ 3.7% ก่อนหน้านี้ และสูงกว่าระดับ 1.2% ในไตรมาส 2
ขณะที่ดัชนีภาวะตลาดแรงงาน (LCMI) ปรับตัวขึ้น 1.0 ในเดือนก.ค. หลังจากที่ลดลง 0.1 ในเดือนมิ.ย.โดยดัชนีภาวะตลาดแรงงานดีดตัวขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2559 นับเป็นข้อมูลอีกตัวหนึ่งที่เฟดอาจใช้ประกอบการตัดสินใจในการปรับขึ้นดอกเบี้ยเดือนก.ย.นี้ดังนั้นประเมินแนวโน้มราคาทองคำปรับลงจากแนวต้าน Double Top และลงมาต่ำกว่าแนวรับเส้น 5 และ 10 วัน จนกระทั่งเกิดสัญญาณ Dead Cross รอบใหม่ รวมถึงค่าสัญญาณทางเทคนิคที่เป็นลบ ส่งผลให้ราคามีแนวโน้มปรับลงต่อในรูปแบบ M-Shapeโดยมีแนวรับ 1,310 – 1,305 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,360-1,365 เหรียญต่อทรอยออนซ์
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit