คุณอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดตัว "ฮาบิโตะ" (HABITO) รีเทล มอลล์ ไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้มอลล์แห่งแรกจากแสนสิริอย่างเป็นทางการ รวมทั้งยังเป็นแห่งแรกในประเทศไทยที่พัฒนาโดยบริษัทดีไซน์ชั้นหัวกะทิอย่างวิงค์ครีเอทีฟ (Winkreative)" ที่มี Tyler Brule บรรณาธิการนิตยสาร Monocle และ Wallpaper เป็นหัวเรือใหญ่ จากแนวคิดสร้างสรรค์อันบรรเจิด ถูกต่อยอดด้วยการตกแต่งอย่างมีรสนิยมฝีมือของบริษัท Contour ที่การันตีได้จากผลงานการออกแบบช้อปปิ้งมอลล์มามากมาย ฮาบิโตะจึงพร้อมทั้งฟังก์ชันการใช้งานและความสวยงามที่ลงตัวกับรูปแบบชีวิตของผู้คนยุคนี้ ทุกตารางนิ้วของฮาบิโตะ ผ่านการคิดอย่างพิถีพิถัน โดยวิงค์ครีเอทีฟได้มีส่วนร่วมในการ หาคอนเซ็ปต์และพัฒนาฮาบิโตะให้เป็นคอมมูนิตี้ รีเทล ที่มีรูปแบบที่แตกต่างและเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด โดยใช้เวลากว่า 2 ปีในการทำวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภค วิเคราะห์คู่แข่ง โอกาสทางธุรกิจ รวมทั้งมีการศึกษาดูงานคอมมูนิตี้ รีเทล ชื่อดังในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นกว่า 10 แห่ง จนได้คอมมูนิตี้ รีเทล แนวคิดใหม่ที่มอบไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตภายใต้สโลแกน "HABITO: The Heart of Good Living" ซึ่งสะท้อนและสื่อถึงวิสัยทัศน์ของแสนสิริที่ต้องการพัฒนาสถานที่แห่งนี้ให้เป็นศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ของคนในสุขุมวิท 77 โดยรวมทุกความสะดวกไว้ในที่เดียว เป็นที่สำหรับพบปะสังสรรค์ ทำงาน เรียนรู้ และดำเนินชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ (The Heart of Good living) ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของชุมชนนานาชาติในโซนรอบนอกสุขุมวิท
HABITO เป็นคำที่เกิดจากการสนธิคำระหว่างคำว่า 'Habitat' (อ่านว่า แฮบบิแทท) ในภาษาอังกฤษซึ่งแปลว่าที่อยู่อาศัย กับคำว่า 'Bito' (อ่านว่า บิโตะ) ในภาษาญี่ปุ่น แปลว่า ผู้คน ซึ่งเมื่อนำมารวมกันจึงเป็นที่มาของ ฮาบิโตะ รีเทล มอลล์ ภายใต้คอนเซปต์การตกแต่ง 'เนเชอรัล ลีฟวิ่ง' (Natural Living) ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมของญี่ปุ่น โปร่งสบายรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม (Eco friendly) เริ่มตั้งแต่การออกแบบในลักษณะที่เป็นกึ่งเอ้าท์ดอร์ เพื่อรับแสงและลมธรรมชาติลดการใช้ไฟฟ้า การเลือกวัสดุกันความร้อน และเลือกใช้วัสดุทดแทนลดการตัดต้นไม้ ทั้งนี้ยังใส่ใจในทุกรายละเอียดของการใช้ชีวิตของคนทุกกลุ่มที่จะมาใช้บริการ ด้วยการดีไซน์ห้องน้ำให้อำนวยความสะดวกแก่แม่และเด็ก (Mother & Child friendly) ด้วยห้องให้นมบุตร และการจัดสรรพื้นที่ที่เอื้อประโยชน์ต่อผู้สูงอายุและคนพิการ (Universal Access) พร้อมความสะดวกด้านการเดินทางทั้งทางด่วน และรถไฟฟ้าโดยมีรถ Shuttle Bus บริการรับส่งจากโครงการใน T77 และสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอ่อนนุช เพื่อหัวใจที่สำคัญที่สุด คือ ผู้อยู่อาศัยในบริเวณดังกล่าวจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ต่อปีของฮาบิโตะไว้ที่ 40 ล้านบาท
ฮาบิโตะ รีเทล มอลล์ ขนาด 10,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในซอยอ่อนนุช 1/1 บนพื้นที่ 4 ไร่ของที77 ภายในฮาบิโตะ ประกอบด้วย 15 ร้านอาหารนานาชาติ ทั้งญี่ปุ่น ลาว จีน เม็กซิกัน เวียดนาม อิตาเลี่ยน ฯลฯ ที่คัดสรรว่าดีที่สุดเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของทั้งกลุ่มลูกค้าชาวไทยและกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่อาศัยอยู่ในที77 โดยกลุ่มชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ใน T77 มากที่สุด คือ ชาวฮ่องกงและสิงคโปร์ จึงเป็นที่มาของการคัดสรรร้านอาหารทั้ง 15 ร้านให้มีความหลากหลายจากนานาชาติ พร้อมด้วยร้านค้าและบริการต่างๆ อีกมากมายที่ได้คัดสรรมาเพื่อให้สามารถตอบสนองไลฟสไตล์ของลูกค้า นอกจากรับประทานอาหารและช้อปปิ้งแล้วยังสามารถใช้เวลาว่างด้วยการทำกิจกรรมอื่นๆที ฮาบิโตะ ได้เช่นกัน อาทิ ออกกำลังกายด้วยคลาสมวยสุดมันกับ อาร์เอสเอ็ม มวยไทย อะคาเดมี่ (RSM : Rajadamnern Singha Muay Thai Academy) ซึ่งมีจุดเด่นในการผสมผสานกีฬามวยเข้ากับโยคะ เพื่อการเผาผลาญพลังงานและกระชับสัดส่วนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เสริมสวยกับร้านทำผมสไตล์เกาหลี Sunshine by Prestige เป็นต้น
อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของฮาบิโตะ คือ 'ฮับบาโตะ (HUBBA-TO)' โค-ครีเอชั่น คอมมูนิตี้ (Co-Creation Community) ครั้งแรกในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งแสนสิริได้ร่วมมือกับฮับบา ไทยแลนด์ (HUBBA Thailand) ผู้บุกเบิก Coworking Space ในประเทศไทย เนรมิตพื้นที่ที่เป็นมากกว่า Coworking Space ทั่วไป ด้วยการเพิ่มพื้นที่สำหรับ Creative & Design Workshop ไม่ว่าจะเป็น Dark Room ห้องมืดล้างฟิล์มที่หายากในยุคสมัยนี้ หรือ Textile & Leather Studio ตอบโจทย์ทุกๆความต้องการของงานดีไซน์กับฟังก์ชั่นที่หลากหลาย เพื่อผลักดันและยกระดับงานดีไซน์ของไทยให้สามารถก้าวขึ้นสู่เวทีชั้นนำระดับโลก และเป็นศูนย์รวมของผู้มีหัวใจรักในงานศิลปะและมีไอเดียสร้างสรรค์ที่เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง
"ฮาบิโตะมีศักยภาพที่โดดเด่นจากคอมมูนิตี้มอลล์อื่นในใจกลางกรุงเทพฯ ด้วยฐานลูกค้าที่จะรอใช้บริการจากผู้อยู่อาศัยในที77 กว่า 5,000 ครัวเรือน นอกจากนี้ยังสามารถรองรับการใช้บริการจากชุมชนโดยรอบของย่านอ่อนนุชกว่า 10,000 ครัวเรือน เราคาดว่าในอนาคต ฮาบิโตะ จะเป็นศูนย์กลางที่อยู่อาศัย ที่ช่วยเติมเต็มให้ ที77 เป็นฮับแห่งการอยู่อาศัยของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ภายใต้คอนเซ็ปต์ "A Good Time for A Good Life" ด้วยโครงการที่อยู่อาศัยของแสนสิริที่แวดล้อมในที77 ถึงกว่า 6 โครงการ รวมถึง โครงการ Park Court Grand Apartment อพาร์ทเมนท์ระดับพรีเมียมจากมั่นคงเคหะการซึ่งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ในปี 2017 ยังมีโรงเรียนนานาชาติ บางกอกเพรพ Bangkok International Preparatory & Secondary School (Bangkok Prep) มาร่วมเป็นเพื่อนบ้านในอนาคตที่จะเสริมให้ที 77 เป็นศูนย์กลางแห่งการอยู่อาศัยบนถนนสุขุมวิท 77 อย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วย" นายอุทัย กล่าว
สำหรับทำเลที 77 แวดล้อมด้วยโครงการคอนโดมิเนียมและทาวน์เฮาส์ของแสนสิริที่ได้รับการตอบรับที่ดีและปิดการขายไปแล้วทั้งสิ้น 6 โครงการ มูลค่าโครงการทั้งหมดในที 77 รวมทั้งสิ้นประมาณ 10,500 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม จำนวน 5 โครงการ และทาวน์เฮาส์ 1 โครงการ รวมกว่า 5,000 ยูนิต ประกอบด้วย 1.บลอคส์ สุขุมวิท 77 (Blocs Sukhumvit 77) มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท ปัจจุบันปิดการขายและราคารีเซลล์สูงถึง 100,000 บาทต่อตารางเมตร จากราคาขาย 79,500 บาทต่อตารางเมตร 2.เดอะ เบส สุขุมวิท 77 (THE BASE Sukhumvit 77) มูลค่า โครงการ 2,500 ล้านบาท ราคารีเซลล์เพิ่มขึ้นเป็น 95,000 บาทต่อตารางเมตร จากราคาขาย 60,000 บาทต่อตารางเมตร 3.เดอะ เบส พาร์คเวสต์ (THE BASE Park West) มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท ราคารีเซลล์สูงถึง 102,500 บาทต่อตารางเมตร จากราคาขาย 79,000 บาทต่อตารางเมตร 4.เดอะ เบส พาร์ค อีสต์ (THE BASE Park East) มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท ราคารีเซลล์สูงถึง 111,650 บาทต่อตารางเมตร จากราคาขาย 82,000 บาทต่อตารางเมตร 5.hasu HAUS (ฮาสุ เฮาส์) มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท ราคารีเซลล์สูงถึง 112,000 บาทต่อตารางเมตร จากราคาขาย 95,000 บาทต่อตารางเมตร 6. การ์เดนท์ สแควร์ (Garden Square) ทาวน์เฮาส์มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท
"เราเชื่อมั่นว่า ในอนาคต ฮาบิโตะจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ที77 เป็น International community อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ในแง่ธุรกิจ ฮาบิโตะจะช่วยส่งเสริมธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของแสนสิริได้เป็นอย่างดี ด้วยงบประมาณการลงทุนกว่า 400 ล้านบาท จะทำให้แสนสิริมีรายได้เพิ่มขึ้นจากค่าเช่าพื้นที่ในคอมมูนิตี้ มอลล์ที่คิดอัตรา 750 – 1,500 บาท ต่อ ตร.ม. ประมาณ 40 ล้านบาทต่อปีซึ่งหากเทียบกับรายได้รวมของบริษัทแล้วถือว่าน้อยกว่า 0.15% แต่สิ่งที่ได้กลับมามีมูลค่ามากกว่านั้น เพราะเป็นการส่งมอบไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ดีแก่ครอบครัวแสนสิริด้วยการเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้อยู่อาศัยในโครงการของแสนสิริทำเลสุขุมวิท 77 ตลอดจนเป็นการเพิ่มความน่าสนใจในการซื้อและลงทุนในโครงการของแสนสิริ อันจะนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าของที่ดินในโซนนั้นในอนาคต" นายอุทัย กล่าว
ปัจจุบันฮาบิโตะมีผู้เช่าพื้นที่แล้วประมาณ 90% ทั้งนี้สำหรับผู้ที่สนใจ ยังพร้อมเปิดรับผู้เช่าใหม่ที่อยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งของฮาบิโตะ โดยติดต่อขอเช่าพื้นที่โดยตรงได้ที่ โทร. 081-585-4155, 02-257-0499 หรือ Email : [email protected] รวมทั้งยังสามารถติดตามข่าวสารและตารางกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/HABITOmall
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit