มร.ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส - เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "เพื่อเป็นการสานต่อเจตนารมณ์ที่จะไม่หยุดนิ่งในการนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทั้งในวันนี้ และวันข้างหน้า พร้อมสะท้อนคุณค่าของแบรนด์ทั้งในด้านความหลงใหล (Fascination) และความสมบูรณ์แบบ (Perfection) เมอร์เซเดส- เบนซ์ จึงได้มุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ครอบคลุมทุกความต้องการของกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง สำหรับในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ทางบริษัทฯ ได้สร้างสีสันครั้งใหม่ในวงการรถยนต์หรูอีกครั้ง ด้วยการจัดงานแสดงรถยนต์ "สตาร์เฟส 2016" ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Unleash your senses" เปิดตัวยนตรกรรม 4 รุ่นในกลุ่ม Dream Car มาเพื่อให้กลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบการขับขี่สไตล์สปอร์ต และท้าทายได้เลือกสรรกันอย่างครบครัน"
มร. ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "งานสตาร์เฟสในปีนี้ นับเป็นครั้งแรกที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัวรถยนต์ในกลุ่ม Dream Car มากสุดในประวัติศาสตร์ รวมกว่า 4 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น The new SLC 300 AMG Dynamic สปอร์ตโรดสเตอร์สุดโฉบเฉี่ยว Mercedes-AMG SLC 43 คอมแพกต์โรดสเตอร์แบบ 2 ที่นั่งจากค่ายเอเอ็มจี The new generation SL 400 โรดสเตอร์หรูระดับตำนานรุ่นปรับโฉมใหม่ และ The new S 500 Cabriolet รถยนต์เปิดประทุนแบบ 4 ที่นั่ง สไตล์ S-Classให้ลูกค้าได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูล เพิ่มเติมได้ที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการทั้ง 31 แห่งทั่วประเทศ"The new SLC 300 AMG Dynamic
"The new SLC" รถยนต์ที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ทั้งในด้านดีไซน์และเทคโนโลยี พร้อมเปลี่ยนชื่อจาก SLK เป็น SLC โดยตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ Mercedes-Benz SLK ได้เผยโฉมออกสู่ตลาดนั้น ก็ได้รับการตอบรับจากสาวกดาวสามแฉกเป็นอย่างดีด้วยยอดขายกว่า 670,000 คันทั่วโลก โดยสำหรับ The new SLC 300 AMG Dynamic มาพร้อมกับรูปลักษณ์ใหม่ ด้วยฝากระโปรงหน้าที่ยาว ห้องโดยสารที่อยู่เยื้องไปทางส่วนหลังของตัวรถ และด้านหลังรถที่สั้น ส่วนหลังคาที่มีความโค้งเว้า ซุ้มล้อที่ทอดตัวเป็นวงโค้งอย่างทรงพลัง และช่องดักอากาศบริเวณส่วนเหนือซุ้มด้านหน้าแบบชุบโครเมี่ยม รวมถึงการตกแต่งภายใน และเทคโนโลยีอัน ล้ำสมัย ที่สะท้อนความเหนือระดับของรถยนต์รุ่นนี้ได้เป็นอย่างดี
ด้าน ดีไซน์ภายนอก ของ SLC 300 AMG Dynamic โดดเด่นด้วยงานออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ Sensual Purity ที่มีการแบ่งสัดส่วนของลายเส้นและความโค้งเว้าบนรถอย่างลงตัว เพื่อสร้างความเร้าอารมณ์ พร้อมเสริมย้ำความสปอร์ตของรถยนต์รุ่น SLC ด้วยกระจังหน้า Diamond grille สีเงินพร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์, ระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ตที่ได้รับการตกแต่งเป็นพิเศษและต่ำกว่าปกติ 10 มม., ปลายท่อไอเสีย 2 ท่อ, ดิสก์เบรกหน้าแบบมีช่องระบายความร้อน, สัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ บนคาลิปเปอร์เบรกหน้า, ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ multispoke ขนาด 18 นิ้ว และแผงหลังคาฮาร์ดท็อปเปิด-ปิดได้ขณะขับขี่ที่ความเร็วสูงสุด 40 กม./ชม. รวมถึงกระจกมองข้างด้านผู้ขับขี่และกระจกส่องหลังปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ, ไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System โดยไฟหน้ามาพร้อมกับระบบปรับ โคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย (ALS – Active Light System), ระบบเพิ่ม ความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (Cornering light) และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist)
สำหรับ ดีไซน์ภายใน สะท้อนความหรูหรา ด้วยการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง ไม่ว่าจะเป็น เบาะนั่งหุ้มหนัง Nappa แบบสปอร์ต พร้อมระบบอุ่นที่นั่ง ที่สามารถปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยความจำสำหรับตำแหน่งที่นั่ง, นาฬิกาแบบอนาล็อก, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ตท้ายตัด, กาบบันไดแบบสเตนเลส พร้อมสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์แบบเรืองแสง, แผ่นกันลมแบบ plexiglass (AIRGUIDE) รวมถึงการช่วยเติมเต็มทุกบรรยากาศการขับขี่ด้วย ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร (Ambient Lighting) ที่มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับระบบมัลติมีเดีย อันล้ำสมัย อย่าง ระบบวิทยุ-ซีดี MB Audio 20 พร้อม controller, ระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนและโทรศัพท์เคลื่อนที่, ระบบรองรับการใช้งานระบบนำทาง (Pre-installation for SD-Card navigation)
The new SLC 300 AMG Dynamic ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบแถวเรียง เทอร์โบพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ที่มาพร้อมกับระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ความจุกระบอกสูบ 1,991 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 245 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 370 นิวตันเมตร ที่ 1,300-4,000 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 5.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. โดยรถยนต์รุ่นนี้นำเสนอในราคา 3,990,000 บาท
โปรแกรม mySTAR Special เสนอสิทธิพิเศษอัตราผ่อนชำระต่อเดือนเพียง 39,400 บาท (ต่ำกว่า 1% ของราคารถยนต์)Mercedes-AMG SLC 43
รถยนต์คอมแพกต์โรดสเตอร์แบบ 2 ที่นั่งจากค่าย AMG ที่มอบประสบการณ์การขับขี่อัน ทรงพลัง โดย Mercedes-AMG SLC 43 นับเป็นรถยนต์เครื่องยนต์ V6 รุ่นแรกที่ผลิตจากโรงงาน AMG ในเมืองอัฟฟาวเตอร์บาก (Affalterbach) ที่ติดตั้งนวัตกรรมล่าสุดของ Mercedes-AMG ไว้อย่างครบถ้วน
ด้าน ดีไซน์ภายนอก ของ Mercedes-AMG SLC 43 ยังคงความโดดเด่นทางด้านดีไซน์ตามสไตล์รถยนต์ตระกูล SLC ด้วยกระจังหน้า Diamond grille สีเงินพร้อมตราสัญลักษณ์ เมอร์เซเดส-เบนซ์, ปลายท่อไอเสีย 2 ท่อ แบบ 4-pipe look, ดิสก์เบรกหน้าแบบมีช่องระบายความร้อน และแผงหลังคาฮาร์ดท็อปเปิด-ปิดได้ขณะขับขี่ที่ความเร็วสูงสุด 40 กม./ชม. รวมถึงกระจกมองข้างด้านผู้ขับขี่และกระจกส่องหลังปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ, ไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System โดยไฟหน้ามาพร้อมกับระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย (ALS – Active Light System), ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (Cornering light) และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist), ชุดแต่ง AMG bodystyling ที่บริเวณกันชนหน้า-หลัง, สปอยเลอร์ด้านหลังบนฝากระโปรงท้าย, สัญลักษณ์ AMG บนคาลิปเปอร์เบรกและล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 10 ก้าน ขนาด 18 นิ้ว สำหรับ ดีไซน์ภายใน มีความหรูหราเช่นเดียวกับ The new SLC 300 AMG Dynamic ไม่ว่า จะเป็นเบาะนั่งหุ้มหนัง Nappa แบบสปอร์ต พร้อมระบบอุ่นที่นั่ง ที่สามารถปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยความจำสำหรับตำแหน่งที่นั่ง, นาฬิกาแบบอนาล็อก, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ตท้ายตัด ที่ทำงานสอดคล้องกับอัตราทดเกียร์แบบคงที่ที่ 15.5 รอบเครื่องต่อ 1 รอบ ล้อหมุน ส่งผลให้เข้าโค้งได้อย่างแม่นยำ และช่วยให้การตอบสนองของพวงมาลัยเป็นไปอย่าง ยอดเยี่ยม, แผ่นกันลมแบบ plexiglass (AIRGUIDE), ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร (Ambient Lighting) แบบ 3 สี, ระบบเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon® Logic 7® พร้อมฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS (Apple CarPlay™)
เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัย ของ The new SLC 300 AMG Dynamic และ Mercedes-AMG SLC 43 มาพร้อมกับโครงคุ้มกันสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารเคลือบด้วยอลูมิเนียม, ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE® system, โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Electronic Stability Program - ESP®), ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-start Assist, ไฟเบรกกระพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกฉุกเฉิน (Adaptive Brake Lights), ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (Anti-lock braking system – ABS), ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับรถ (ATTENTION ASSIST), ระบบรักษาความเร็ว (Cruise Control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC), ระบบเตือนเพื่อเอารถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST Service interval indicator), ระบบเตือนแรงดันลมยาง (tyre pressure monitoring system), เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC), ระบบช่วย การนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist) และกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ (reversing camera) เป็นต้น นอกจากนี้ รถยนต์ทั้งสองรุ่น ยังมีระบบ Dynamic Select ที่มีโหมดการขับขี่ 5 แบบ คือ Eco ที่ช่วยปรับการขับขี่เข้าสู่ระบบประหยัดน้ำมัน, Individual ที่สามารถบันทึกรูปแบบการขับขี่ที่ผู้ขับขี่กำหนดไว้ได้, Comfort ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกผ่อนคลาย สะดวกสบาย, Sport และ Sport+ เน้นการเพิ่มความเร้าใจให้กับการขับขี่มากยิ่งขึ้น
นอกเหนือจากโหมดต่างๆ ของระบบ Dynamic Select แล้ว สำหรับรถยนต์ Mercedes-AMG SLC 43 ผู้ขับขี่สามารถกดปุ่ม "M" บนคอนโซลเพื่อเลือกใช้งานโหมดเลียนแบบการทำงานของเกียร์แบบธรรมดาได้ โดยในโหมดนี้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้เองตามใจต้องการด้วยคันเกียร์บริเวณคอพวงมาลัย รวมถึงยังสามารถตั้งค่าโปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Electronic Stability Program - ESP®) ได้ตามต้องการ โดยปุ่มควบคุมระบบ ESP® นี้มีโหมดการทำงาน 3 โหมดให้เลือก ได้แก่:
· โหมด "เปิด – ON" ซึ่งระบบจะทำงานโดยอัตโนมัติ ตอบสนองรวดเร็ว เน้นการขับขี่ที่สะดวกสบาย
· โหมด "สปอร์ต แฮนด์ลิ่ง โหมด – SPORT HANDLING MODE" ซึ่งระบบจะทำงาน ช้าลง ให้ความรู้สึกสปอร์ตมากขึ้น
· โหมด "ปิด - OFF" ซึ่งจะปิดการทำงานของระบบ ESP® ใช้เพื่อการขับขี่ในสนามแข่งเท่านั้น
Mercedes-AMG SLC 43 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน แบบ V6 เทอร์โบคู่ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ที่มาพร้อมกับระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ความจุกระบอกสูบ 2,996 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 367 แรงม้า ที่ 5,500 – 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 520 นิวตันเมตร ที่ 2,000 - 4,200 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 4.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. โดยรถยนต์รุ่นนี้นำเสนอในราคา 4,990,000 บาทThe new generation SL 400
หนึ่งในรถยนต์ระดับตำนานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ได้รับการปรับโฉมครั้งใหม่ ทั้งในด้านดีไซน์และสมรรถนะ เพื่อให้เป็นได้ทั้งรถโรดสเตอร์หรูที่มอบความรื่นรมย์และ ความสะดวกสบาย พร้อมทั้งยังเป็นรถยนต์สปอร์ตคูเป้ ที่มอบสัมผัสอันเร้าใจในทุกการขับขี่บนท้องถนนอีกด้วย โดย The new generation SL 400 โดดเด่นด้วยส่วนหน้าของตัวรถที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ซึ่งแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากรถแข่งเมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่น 300 SL Panamerica ที่มีกระจังหน้าแผ่กว้างและเพรียวบาง พร้อมทอดตัวยาวลงมาถึงส่วนล่างของด้านหน้ารถ สอดรับกับช่องพาวเวอร์โดมสำหรับรับอากาศ 2 ช่องบนฝากระโปรงหน้าที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์สำคัญของรถยนต์ตระกูล "SL" ให้เห็นได้อย่างเด่นชัด นอกจากนี้ The new generation SL 400 ยังถือว่าเป็นรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่นจัดจำหน่ายจริงรุ่นแรกที่ใช้ตัวถังซึ่งผลิตจากอลูมิเนียมทั้งหมด ซึ่งส่งผลให้รถยนต์รุ่นนี้มีน้ำหนักเบาลงถึง 110 กิโลกรัม พร้อมทั้งมีความทนทาน และความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น รวมถึงคุณสมบัติในการช่วยลดการสั่นสะเทือนในห้องโดยสาร ที่ทำให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายตลอดการเดินทางมากยิ่งขึ้น
ด้าน ดีไซน์ภายนอก ของรถยนต์รุ่นนี้ โดดเด่นด้วยกระจังหน้า Diamond grille สีเงินพร้อม ตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์, ระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ตที่ได้รับการตกแต่งเป็นพิเศษและต่ำกว่าปกติ 10 มม., ปลายท่อไอเสียเสริมโครเมียม 2 ท่อ, ดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายความร้อน, สัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ บนคาลิปเปอร์เบรกหน้า, ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 7 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว และหลังคาพาโนรามิคแบบ MAGIC SKY CONTROL รวมถึงกระจก มองข้างด้านผู้ขับขี่และกระจกส่องหลังปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ, ไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System โดยไฟหน้ามาพร้อมกับระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย (ALS – Active Light System), ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (Cornering light) และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist)
สำหรับ ดีไซน์ภายใน มีการออกแบบให้สะท้อนความสปอร์ตและสง่างาม ไม่ว่าจะเป็น เบาะนั่งหุ้มหนัง Nappa แบบสปอร์ต พร้อมระบบอุ่นที่นั่ง ที่สามารถปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยความจำสำหรับตำแหน่งที่นั่ง, นาฬิกาแบบอนาล็อก, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ตท้ายตัด, ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต, กาบบันไดแบบสเตนเลส พร้อมสัญลักษณ์ เมอร์เซเดส-เบนซ์แบบเรืองแสง, ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร (Ambient Lighting) 3 สี, ระบบเชื่อมต่อสื่อบันเทิง (media interface) และอุปกรณ์เครื่องเสียง อย่าง ระบบ COMAND Online พร้อมเครื่องเล่น DVD แบบ 6 แผ่น, ระบบเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon® Logic 7® พร้อมฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS (Apple CarPlay™), ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Bluetooth) และระบบแผนที่นำทาง
เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัย SL 400 AMG Premium มาพร้อมกับระบบป้องกัน ก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE® system, โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Electronic Stability Program - ESP®), ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-start Assist, ไฟเบรกกระพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกฉุกเฉิน (Adaptive Brake Lights), ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (Anti-lock braking system – ABS), ระบบช่วยเตือนอาการ เหนื่อยล้าขณะขับรถ (ATTENTION ASSIST), ระบบรักษาความเร็ว (Cruise Control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC), ระบบเตือนเพื่อเอารถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST Service interval indicator), ระบบเตือนแรงดันลมยาง (tyre pressure loss warning system), เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC), ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist) และกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ (reversing camera) เป็นต้น
SL 400 AMG Premium ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V6 เทอร์โบคู่ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ที่มาพร้อมกับระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ความจุกระบอกสูบ 2,996 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 367 แรงม้า ที่ 5,500 – 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ 2,000 - 4,200 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 4.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. โดยรถยนต์รุ่นนี้นำเสนอในราคา 9,490,000 บาทThe new S 500 Cabriolet
The new S 500 Cabriolet ยนตรกรรมรุ่นที่ 6 ที่พัฒนามาจากโครงสร้างพื้นฐานของรถยนต์ตระกูล S-Class และยังเป็นรถเปิดประทุนสี่ที่นั่งรุ่นแรกของเมอร์เซเดส-เบนซ์นับตั้งแต่ปี 1971 โดยรถยนต์รุ่นนี้เป็นยนตรกรรมที่ผสมผสานดีไซน์หรูหราโดดเด่นของรถยนต์ซาลูนตระกูล S-Class เข้ากับความสปอร์ตปราดเปรียวและเร้าใจของรถยนต์สไตล์ Coupe ไว้ได้อย่างลงตัว พร้อมกันนี้ ด้วยการพัฒนาโครงสร้างตัวถัง และพื้นห้องโดยสารส่วนหลังที่เป็นอลูมิเนียม ทำให้น้ำหนักของรถยนต์รุ่นนี้ลดลงจนเทียบเท่า S-Class Coupe โดย The new S 500 Cabriolet มาพร้อมกับหลังคาผ้าใบแบบเนื้อผ้า 3 ชั้น ชั้นนอกสุดเคลือบสารบูทีล (butyl) ซึ่งทำให้นับเป็นรถยนต์มีระดับเสียงรบกวนภายในห้องโดยสารน้อยที่สุด โดยหลังคาสามารถกางเปิดหรือพับปิดได้ในเวลาเพียง 20 วินาที ขณะที่รถวิ่งที่ความเร็วสูงสุด 60 กม./ชม. นอกจากนี้เมื่อหลังคา กางออก แผงกั้นระหว่างห้องโดยสารกับพื้นที่เก็บสัมภาระจะเลื่อนลงไปด้านหลังตัวรถโดยอัตโนมัติเพื่อให้มีพื้นที่สำหรับเก็บหลังคา และเมื่อปิด หลังคาซอฟท์ท็อปจะเคลื่อนตัวไปเป็นส่วนหนึ่งกับท้ายรถเพื่อทัศนวิสัยที่สวยงาม การสั่งการเปิด-ปิดสามารถทำได้จากด้วยระบบกุญแจอัตโนมัติแม้จะอยู่ภายนอกรถ โดยหลังคาผ้าใบมีให้เลือกถึง 4 สี คือสีดำ สีน้ำเงินเข้ม สีเบจ และสีแดงเข้ม
ด้าน ดีไซน์ภายนอก ของ The new S 500 Cabriolet มาพร้อมกับเส้นสายลวดลายอันทรงพลัง ด้วยกระจังหน้า Diamond grille สีเงินพร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ โดดเด่นด้วย ช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ด้านหน้าและด้านข้าง พร้อมเพิ่มลุคสปอร์ตด้วยคิ้วโครเมียมที่ตกแต่งบริเวณชายกันชนด้านหน้า ดีไซน์สไตล์รถยนต์ Coupe ที่เห็นเด่นชัดจากด้านข้างที่ตำแหน่งของกระจกกั้นห้องโดยสารที่อยู่ต่ำ เส้น dropping line ที่ทอดลงต่ำบริเวณท้ายรถ พร้อมปลายท่อไอเสียคู่, ดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายความร้อน, ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ลาย 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว และไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System ที่ประดับด้วยคริสตัลสวารอฟสกี้ (Swarovski crystals) ที่มาพร้อมกับระบบปรับโคมไฟหน้ารถตาม การเลี้ยวของพวงมาลัย (ALS – Active Light System), ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (Cornering light) และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist) นอกจากนี้ยังได้เพิ่มความสปอร์ตมากยิ่งขึ้นด้วยชุดแต่ง AMG bodystyling ที่บริเวณกันชนหน้า-หลัง และสเกิร์ตข้าง
สำหรับ ดีไซน์ภายใน บ่งบอกถึงความหรูหราในสไตล์ของรถยนต์ในตระกูล S-Class ได้เป็นอย่างดี ด้วยการเลือกใช้วัสดุชั้นดีมีคุณภาพสูง ไม่ว่าจะเป็น เบาะนั่งหุ้มหนัง Nappa แบบ designo Exclusive package ตัดเย็บลายเบาะแบบ diamond design, ด้านบนของคอนโซลหน้าและด้านบนของแผงประตูที่หุ้มด้วยหนัง,ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 7 สี (ambient lighting), ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต, กาบบันไดแบบสเตนเลส พร้อมสัญลักษณ์ เมอร์เซเดส-เบนซ์แบบเรืองแสง อีกทั้งยังมีระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC ฟังก์ชันกระจายลมอุ่นบริเวณต้นคอ (AIRSCARF) และฟังก์ชันปรับสมดุลอากาศภายในห้องโดยสาร (AIR BALANCE package) อีกด้วย นอกจากนี้ The new S 500 Cabriolet ยังมาพร้อมกับมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ต รวมถึงระบบมัลติมีเดียอันล้ำสมัย อย่าง ระบบวิทยุแบบ COMAND online, ระบบเครื่องเสียงแบบ Burmester® high-end 3D surround sound system พร้อมลำโพงคุณภาพสูง 23 ตำแหน่ง, ระบบสำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Bluetooth), ระบบแผนที่นำทาง เพื่อความสะดวกสบายและสุนทรียใน การขับขี่อย่างแท้จริง
เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัย The new S 500 Cabriolet มาพร้อมกับระบบป้องกัน ก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE® system, โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Electronic Stability Program - ESP®), ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-start Assist, ไฟเบรกกระพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกฉุกเฉิน (Adaptive Brake Lights), ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (Anti-lock braking system – ABS), ระบบช่วยเตือนอาการ เหนื่อยล้าขณะขับรถ (ATTENTION ASSIST), ระบบรักษาความเร็ว (Cruise Control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC), ระบบเตือนเพื่อเอารถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST Service interval indicator), ระบบเตือนแรงดันลมยาง (tyre pressure monitoring system), เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC), ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist), ระบบ MAGIC VISION CONTROL ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติที่ ช่วยให้ผู้ขับขี่มีทัศนวิสัยในการมองเห็นได้อย่างดีเยี่ยมขณะขับขี่ ด้วยระบบฉีดน้ำกระจกหน้า จากก้านปัดน้ำฝนที่น้ำจะฉีดไปที่บริเวณด้านหน้าของใบปัดขณะทำการปัด และระบบ Night View Assist Plus ระบบที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่ เห็นคนเดินถนน หรือสัตว์ขนาดใหญ่ในที่มืด โดยการใช้แสงอินฟราเรด และกล้องอินฟราเรดระยะใกล้และไกล ในการมองเห็นเพื่อลดอุบัติเหตุในที่มืด เป็นต้น และกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง เป็นต้น
The new S 500 Cabriolet ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V8 เทอร์โบคู่ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ที่มาพร้อมกับระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ความจุกระบอกสูบ 4,663 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 455 แรงม้า ที่ 5,250 - 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 700 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 3,500 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 4.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. โดยรถยนต์รุ่นนี้นำเสนอในราคา 16,290,000 บาท
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit