นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON ผู้นำด้านการพัฒนาโรงงานสำเร็จรูป และ คลังสินค้าคุณภาพสูงพร้อมใช้เพื่อให้เช่ารายใหญ่ของ ประเทศไทย แถลงผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทไทคอนในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2559 กลุ่มบริษัทไทคอนมีรายได้รวม 756 ล้านบาท กำไรสุทธิ 248 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 931 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้หลักมาจากรายได้จากค่าเช่าโรงงานและคลังสินค้า จำนวน 515 ล้านบาทและกำไรจากการขายหน่วยลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์บางกอง จำนวน 89 ล้านบาท นอกจากนี้การลดสัดส่วนเงินลงทุนในกองทุนฯ ดังกล่าวยังทำให้บริษัทมีกำไรที่รับรู้เพิ่มเติมจากการขายอสังหาริมทรัพย์ให้กับกองทุนฯ อีก จำนวน 259 ล้านบาท
"ผลการดำเนินงานของกลุ่มไทคอนในครึ่งปีแรกเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยกลุ่มไทคอนได้ขยายพื้นที่โรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าพร้อมใช้เพิ่มเติมต่อเนื่อง เพื่อรองรับการลงทุนจากต่างประเทศที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มไทคอนมีลูกค้าเช่าโรงงาน และคลังสินค้าเพิ่มขึ้นรวม 42 ราย ทำให้ลูกค้าทั้งหมดของ TICON และ TPARK ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2559 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 325 ราย โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัทต่างชาติมากกว่าร้อยละ 90 โดยกลุ่มลูกค้าหลักยังคงเป็นลูกค้าประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ ยังมีสัดส่วนของลูกค้าประเทศจีนให้ความสนใจเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 138.72 ทั้งนี้ลูกค้าส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจอยู่ในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อิเลคทรอนิคส์ ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ และโมเดิร์นเทรด" นายวีรพันธ์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในครึ่งหลังของปี 2559 ธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าจะยังคงเติบโตขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่แถบบางนา-ตราด บางพลี และวังน้อย ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ การลงทุนขยายตัวสูงขึ้นจากการเร่งรัดอนุมัติส่งเสริมการลงทุน การเร่งการใช้จ่ายและดำเนินโครงการลงทุนที่สำคัญของภาครัฐ ซึ่งจะเป็นปัจจัยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และเอื้อประโยชน์ให้เกิดความต้องการในการเช่าโรงงานและคลังสินค้าที่เพิ่มขึ้นตามมาในครึ่งปีหลัง 2559
นายวีรพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า "กลุ่มไทคอนได้เตรียมพร้อมในการรองรับความต้องการที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นดังกล่าว โดยเดินหน้าขยายพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าให้เช่าในโครงการต่างๆ ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องให้ได้ตามเป้าหมาย 280,000 ตารางเมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 10 ภายในสิ้นปี 2559 โดยโครงการ TPARK ในภูมิภาค ได้แก่ จ.ขอนแก่น และ จ.ลำพูน ได้เปิดให้บริการคลังสินค้าเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้เพื่อรองรับธุรกิจโมเดิร์นเทรดและโลจิสติกส์ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือซึ่งกำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับความคืบหน้าการขยายการลงทุนในต่างประเทศนั้น บริษัทฯ มีแผนลงทุนในประเทศเวียดนาม โดยกำลังพิจารณาหาพันธมิตรทั้งในเวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสามารถหาข้อสรุปได้ภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ ยังมีแผนการลงทุนในประเทศกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนเช่นกัน
ในส่วนของการลงทุนในประเทศอินโดนีเซียที่ได้มีการร่วมมือกับ SSIA และมิตซุย ในการขยายธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าโครงการขนาดพื้นที่ 146,000 ตารางเมตร บริษัท SLP อยู่ในระหว่างการก่อสร้างคลังสินค้าในเฟสที่ 2 ขนาดพื้นที่รวม 51,000 ตารางเมตร ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จภายในปีนี้ นอกจากนี้ ยังวางแผนซื้อที่ดินเพิ่มเติมในหลายพื้นที่ในประเทศอินโดนีเซียเพื่อลงทุนต่อเนื่องอีกด้วย"ภายในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯ วางแผนระดมทุนจากการขายโรงงานและคลังสินค้าในกลุ่มไทคอนเข้ากอง TREIT มูลค่ากว่า 1,400 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าที่ตั้งเป้าไว้ในต้นปี 2559 เนี่องจาก ปีนี้มีเงินลงทุนที่ต่ำกว่าปีที่แล้วจากการที่ไม่ต้องลงทุนซื้อที่ดินเพิ่ม" นายวีรพันธ์ กล่าวปัจจุบัน กลุ่มไทคอนมีโรงงานและคลังสินค้าให้เช่ารวมทั้งสิ้น 51 โครงการ จำนวน 797 ยูนิต พื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการรวม 2.5 ล้านตารางเมตร
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit