ซีรีส์บิวตี้แอนด์เดอะบีสท์กับการปฏิเสธขนบของการจบเรื่องแบบเดิมๆ ที่ให้ตัวละครครองสุขกัน 'ตลอดกาลนาน’

25 Aug 2016
เหลืออีกเพียงไม่กี่ตอนซีรีส์เรื่องบิวตี้แอนด์เดอะบีสท์ก็จะอวสาน นั่นหมายถึงเวลาของแคท แชนด์เลอร์ (คริสติน ครูก) และวินเซนต์ เคลเลอร์ (แสดงโดยเจย์ ไรอัน) เหลือน้อยลงทุกที ขณะเดียวกันผู้ชมต่างคอยลุ้นฉากจบของคู่พระนางอย่างแคทและเจย์ ตัวละครที่โดนครอบงำจากพลังชั่วร้ายดั่งในนิยาย
ซีรีส์บิวตี้แอนด์เดอะบีสท์กับการปฏิเสธขนบของการจบเรื่องแบบเดิมๆ ที่ให้ตัวละครครองสุขกัน 'ตลอดกาลนาน’

เรื่องราวในนิยายดังภายใต้ชื่อเรื่องเดียวกันกับซีรีส์เรื่องนี้ได้เล่าเหตุการณ์ของเจ้าชายที่ต้องการหลุดพ้นจากคำสาป และหนทางเดียวที่จะเป็นอิสระจากมนต์สะกดนั้นได้คือต้องมีหญิงสาวมารักเขา โดยไม่รังเกียจรูปลักษณ์ที่น่าเกลียดน่ากลัวของเขา ซึ่งหลังจากที่เจ้าชายสิ้นพระชนม์ อสูรได้กลับกลายร่างเป็นมนุษย์ เพราะได้รับพลังแห่งความรักที่บริสุทธิ์จากหญิงสาว

แต่ทว่าผลงานที่สร้างขึ้นในปี 2530 ไม่ได้จบลงเหมือนในนิยาย กล่าวคืออสูรยังคงสภาพเดิมแทนที่จะกลายร่างไปเป็นมนุษย์ในตอนจบ ทั้งนี้ เพื่อขับความดีภายในจิตใจของเขาให้เห็นเด่นชัดขึ้นนั่นเอง ผลงานดังกล่าวถือเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างซีรีส์เรื่องนี้ ซึ่งนำแสดงโดยครูกและไรอัน เมื่อเหตุการณ์ตอนจบของต้นฉบับเป็นเช่นนั้นแล้ว ฉากจบของแคทและวินเซนต์ในซีรีส์จะเป็นอย่างไรอวสานมนต์ดำ

วินเซนต์เป็นตัวละครที่ต้องมนต์สะกดเหมือนดังเช่นอสูรในนิยาย แต่ในเรื่องนี้วินเซนต์ไม่ได้เจอกับนางฟ้าผู้เสกมนต์สะกดเขา แต่ต้องเผชิญกับผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่ทำให้เขากลายพันธุ์ และมีพลังเหนือมนุษย์

ก่อนหน้านี้ทั้งวินเซนต์และตัวละครอื่นๆ ที่ถูกนำมาใช้ในการทดลองจะต้องถูกส่งตัวไปยังอัฟกานิสถานเพื่อร่วมรบ ครั้นการทดลองเกิดผิดพลาด รัฐบาลจึงได้สั่งการให้กำจัดมนุษย์ทดลองเหล่านี้อย่างเร่งด่วน

วินเซนต์ต้องฝืนกับสภาวะความเป็นอมนุษย์ภายในตัวเอง ซึ่งเป็นผลมาจากการทดลอง และยังต้องยังต้องหลบหนีการถูกไล่ล่าจากคนของทางรัฐบาลอีกด้วย

ตามพล็อตเรื่องเดิมในนิยายนั้น การพ้นจากสภาวะการกลายพันธุ์คือหนทางที่จะทำให้วินเซนต์สามารถกลับคืนสู่ความเป็นมนุษย์ แต่ในซีรีส์เรื่องนี้ แม้จะพบหนทางแล้ว แต่เขากลับต้องเผชิญคำถามในจิตใจว่าตกลงเขาต้องการที่จะพ้นจากสภาวะนี้หรือไม่เธอไม่ใช่หญิงสาวผู้ตกทุกข์

สิ่งที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้น่าสนใจคือการพลิกบทบาทเดิมของตัวละครเจ้าหญิงที่ตกอยู่ในสภาพนักโทษ เพราะแคท แชนด์เลอร์ ที่รับบทโดยคริสติน ครูก นั้นหาใช่หญิงสาวผู้ตกทุกข์

แคท นักสืบสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งมหานครนิวยอร์คพยายามที่จะคลี่คลายปมปริศนาคดีที่แม่ของเธอเป็นเหยื่อฆาตกรรม โดยคดีนี้เชื่อมโยงกับการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่เกิดขึ้นกับวินเซนต์ และเป็นเหตุให้แคทและวินเซนต์ได้มาเจอและเริ่มสานความสมพันธ์กัน อย่างไรก็ตาม เขาทั้งสองขัดแย้งกันมาโดยตลอดตั้งแต่เริ่มต้น แต่ในที่สุดเขาก็ผ่านพ้นวิกฤต ทั้งเรื่องความไม่ลงรอยกันเอง รวมทั้งอุปสรรคต่างๆ จนตกลงปลงใจแต่งงานกัน

การแต่งงานของเจ้าชายและหญิงสาวอันเป็นที่รักมักเป็นจุดเริ่มต้นของความสุขสงบ 'ตลอดกาลนาน' ตามแบบฉบับในนิยาย แต่สำหรับวินเซนต์และแคทแล้ว เรื่องราวไม่ได้ดำเนินไปเช่นนั้น เขาทั้งสองกลับต้องต่อสู้กับคนที่ลักพาตัวและนักฆ่าที่ตามไลล่าวินเซนต์ในเวลาต่อมา

เมื่อเขาทั้งสองตกอยู่ในสถานการณ์ที่กฎหมายไม่สามารถเอาผิดพวกนอกรีตได้ แคทจึงต้องหาวิถีทางในการล่อพวกเหล่าร้ายออกไปให้พ้นจากวินเซนต์"ความรักคือสมรภูมิรบ"

การกบฎขนบการเล่าเรื่องให้ต่างไปจากในนิยายถือเป็นหัวใจของซีรีส์เรื่องนี้ โดยตอนจบไม่ต่างจากชีวิตจริง คือไม่มีอะไรเลิศหรู และที่สำคัญไม่มีตัวละครตัวหนึ่งมาช่วยตัวละครอีกตัวให้รอดได้

คำว่า 'นับจากนั้นเป็นต้นมาตลอดกาลนาน' ในเรื่องนี้ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เจ้าชายมาช่วยเหลือหญิงสาวผู้น่าสงสารหรือปลดเจ้าหญิงให้พ้นจากคำสาป และแต่งงานครองรักกันไปตลอดกาลนาน ซีรีส์เรื่องนี้ยังได้นำเสนอเรื่องราวของภัยอันตรายอันเกิดจากความรักต้องห้ามอีกด้วย

คำถามข้อหนึ่งที่ยังรอคอยคำตอบคือวินเซนต์จะเลือกกลับไปเป็นมนุษย์หรือไม่ในตอนจบ แต่บางคนก็คิดว่าจริงๆ แล้วเขาได้ความเป็นมนุษย์กลับคืนมานับตั้งแต่ที่แคทเข้ามาในชีวิต อย่างไรก็ตาม การตีความใหม่ที่ปรากฎในซีรีส์เรื่องนี้ที่ผู้สร้างต้องการชูให้เห็นคือความจริงใจของแคทที่มีต่อวินเซนต์ รักและยอมรับในข้อผิดพลาดของเขาและทุกอย่างที่เขาเป็นมากกว่าการที่วินเซนต์จะกลับคืนสู่สภาพการเป็นมนุษย์หรือไม่

ติดตามชมตอนจบของซีรีส์บิวตี้แอนด์เดอะบีสท์ ในวันที่ 31 สิงหาคม เวลา 20:00 น. ทางช่องอาร์ทีแอล ซีบีเอส เอชดี (ทรูวิชั่นส์ 337)

ซีรีส์บิวตี้แอนด์เดอะบีสท์กับการปฏิเสธขนบของการจบเรื่องแบบเดิมๆ ที่ให้ตัวละครครองสุขกัน 'ตลอดกาลนาน’
ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit