นายต่อ อินทวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.แมนูไลฟ์ กล่าวว่า "จากภาวะการลงทุนทั่วโลกที่มีความผันผวนสูงมาตั้งแต่ครึ่งปีหลังของปีที่ผ่านมาและมีแนวโน้มว่ายังคงต่อเนื่องในปี 2559 ในสินทรัพย์หลักทุกประเภทโดยเฉพาะหุ้น อันเป็นผลมาจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนและความผันผวนของค่าเงินตลอดจนความไม่แน่นอนด้านการดำเนินนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายและทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของแต่ละประเทศ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลกชะลอการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง หรือ Risk-off mode จนทำให้เกิดแรงเทขาย (sell-off) ในตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ด้วยความที่สถานการณ์ต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลงและเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ตอกย้ำถึงความสำคัญของการจัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ (Asset Allocation) มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น หุ้น ตราสารหนี้ของทั้งตลาดพัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ สินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ ทองคำ ตลอดจน REITs และ อัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินหลักต่างๆ เป็นต้น กลยุทธ์การลงทุนแบบ Asset Allocation นี้จึงมีบทบาทสำคัญสำหรับนักลงทุนทุกรายไม่ว่าจะเป็นรายเล็กหรือรายใหญ่ก็ตาม เพราะจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยปรับระดับความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีจากสินทรัพย์ต่างๆ (Asset Class) สอดคล้องตามภาวะการลงทุนในแต่ละขณะ"
แมนูไลฟ์ แอสเซท เมเนจเมนท์ เป็นผู้นำด้านการลงทุนแบบจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation Solutions) ระดับโลก โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของพอร์ตการลงทุนด้วยกลยุทธ์ Global Asset Allocation ภายใต้การบริหารจัดการของกลุ่มแมนูไลฟ์ทั่วโลก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 รวมทั้งสิ้น 104,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ประมาณ 3.7 ล้านล้านบาท โดยทีมการลงทุนมืออาชีพที่มีประสบการณ์ลงทุนมาอย่างยาวนานเฉลี่ยกว่า 15 ปี"
นายปีเตอร์ เวอร์น (Peter Warnes) หัวหน้ากลุ่มพอร์ตโฟลิโอโซลูชั่น (Senior Managing Director, Head of Portfolio Solutions Group, International) กล่าวเสริมว่า "กลยุทธ์การลงทุนแบบ Global Asset Allocation เป็นที่นิยมสำหรับนักลงทุนทั้งสถาบันและรายย่อยที่ต้องการผลตอบแทนสม่ำเสมอและความเสี่ยงต่ำ กองทุน Manulife Global Asset Allocation – Growth Fund (กองทุนหลัก) จึงถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อเป็นการลงทุนที่เหมาะกับทุกสภาวะตลาด (all-weather solution) โดยผู้ลงทุนไม่จำเป็นต้องมีความชำนาญด้านการจับจังหวะลงทุน (market-timing) ในการปรับพอร์ตการลงทุนด้วยตนเองอีกต่อไป เพียงแต่พิจารณารายได้จากการลงทุนเป้าหมาย (target income) และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (risk tolerance level) ของแต่ละกองทุนให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การลงทุนของตนเองมากที่สุด"
นายต่อกล่าวเพิ่มเติมว่า "ในโลกของการลงทุนไม่มีสินทรัพย์ใดที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในทุกสถานการณ์ ทำให้การลงทุนในสินทรัพย์อย่างใดอย่างหนึ่งไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดของการลงทุนในเวลานี้ ซึ่งการลงทุนในส่วนของหุ้นยังคงมีไว้ได้ เพราะถึงตลาดจะผันผวน แต่ระดับราคาได้ปรับตัวลงมามากแล้ว แต่สำหรับเงินลงทุนส่วนที่ลงทุนในตราสารหนี้เพียงอย่างเดียวควรแบ่งสัดส่วนหรือเปลี่ยนมาลงทุนในกองทุนที่มีกลยุทธ์การลงทุนแบบจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation) หรือ กองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ โกลบอล แอสเซ็ท อโลเคชั่น เอฟไอเอฟ (MS-GAA) ซึ่งเป็นกองทุน Feeder Fund ที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของ Manulife Global Asset Allocation – Growth Fund (Class A-MDis USD) (กองทุนหลัก) บริหารจัดการโดย แมนูไลฟ์ แอสเซท เมเนจเมนท์ (สิงคโปร์) (Manulife Asset Management (Singapore) Pte. Ltd.) โดยกองทุนหลักมีลักษณะคล้ายกองทุนรวมหน่วยลงทุน (Fund of Funds) ซึ่งลงทุนในกองทุนรวมทั้งที่มีการบริหารแบบเชิงรุก (Active Managed Fund) และ/หรือกองทุนรวมดัชนี (ETFs) ที่ผ่านการคัดสรรจากทีมการลงทุนของแมนูไลฟ์ ซึ่งกองทุนรวมที่ลงทุนนั้นมีทั้งบริหารจัดการโดยแมนูไลฟ์เองและ/หรือบริษัทจัดการที่มีความเชี่ยวชาญในสินทรัพย์ประเภทนั้นๆ ที่ได้รับคัดเลือกมาเพื่อผสมผสานให้เป็นพอร์ตการลงทุนที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ลงทุน กองทุนนี้จึงเป็น One-stop, Hassle-free solution ลงทุนเพียงกองทุนเดียวสามารถตอบโจทย์การลงทุนได้ในทุกสภาวะตลาด"
กองทุนหลักจะกระจายการลงทุนในหลายประเภทสินทรัพย์ (Asset Class) ในตลาดต่างๆ ทั่วโลก โดยกำหนดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทหุ้น (Equity) รวมประมาณ 0-60% ในส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารหนี้ (Fixed Income) ทั้งตลาดพัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ และสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ผ่านกองทุนชั้นนำต่างๆ ซึ่งทีมการลงทุนของแมนูไลฟ์จะติดตามภาวะตลาดและพิจารณาปรับสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภทตามความเหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา เพื่อให้กองทุนหลักสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดแก่ผู้ลงทุน ทั้งนี้ กองทุนหลักมีผลตอบแทนในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนวันที่ 13 มีนาคม 2558 ถึง 31 มกราคม 2559 อยู่ที่ -3.92% แต่หากแปลงเป็นผลตอบแทนในรูปสกุลเงินบาทจะให้ผลตอบแทนประมาณ +4.29%*"กองทุน MS-GAA เป็นกองทุน Multi-classes ซึ่งประกอบด้วย 3 ชนิดหน่วยลงทุน คือ A-Class (ชนิดสะสมมูลค่า หรือ ชนิดไม่จ่ายเงินปันผล) D-Class (ชนิดจ่ายเงินปันผล) และ R-Class (ชนิดขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ) แต่ในช่วงแรกบริษัทจะเปิดเสนอขายเฉพาะ A-Class และ R-Class โดยประเภท A-Class เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ประสงค์จะรับผลตอบแทนในรูป Capital gain หรือกำไรส่วนต่างจากการขายคืนหน่วยลงทุนตามปกติ ขณะที่ R-Class เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการมีกระแสเงินสดรับสม่ำเสมอทุกเดือน (Monthly Income Stream) โดยบริษัทตั้งเป้าหมายในการจ่ายเงินคืนให้แก่ผู้ลงทุนเป็นรายเดือนโดยอ้างอิงตามอัตราเงินปันผลเป้าหมายของกองทุนหลักในแต่ละปี ทั้งนี้ กองทุน MS-GAA จัดตั้งเป็น "กองทุนรวมสำหรับผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อยและ/หรือผู้มีเงินลงทุนสูง หรือ AI fund" จึงมีมูลค่าขั้นต่ำของการสั่งซื้อครั้งแรก 500,000 บาท"
สำหรับผู้ที่ลงทุนใน "กองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ โกลบอล แอสเซ็ท อโลเคชั่น เอฟไอเอฟ (MS-GAA)" ในช่วงที่คาดการว่าจะเสนอขายครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 1-8 มีนาคม 2559 นั้น จะได้รับความคุ้มครองสิทธิประโยชน์ประกันอุบัติเหตุกลุ่ม (Manulife Group Accident Death and Dismemberment – ADD) สูงถึง 130%-260% ของจำนวนเงินลงทุน (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทจัดการกำหนด) หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ. แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 0-2246-7650 กด 2 หรือ www.manulife-asset.co.th และผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุน
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit