ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ได้นำเสนอข้อมูลว่า
ในพื้นที่เขตพญาไท มีหน่วยที่อยู่อาศัยในเขตชุมชนแออัดอยู่ 13 ชุมชน รวม 1,452 หน่วย รวมจำนวนครัวเรือนถึง 2,038 ครัวเรือนและมีจำนวนประชากร 11,119 คน (bit.ly/1TAhn6K) และจากประสบการณ์สำรวจชุมชนแออัด เชื่อว่าจะมีหน่วยห้องเช่าประมาณ 30% หรือราว 611 หน่วยอยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว ทั้งนี้ห้องเช่าในชุมชนแออัดคงมีค่าเช่าไม่เกิน 2,000 บาทต่อเดือน
จากการสำรวจห้องเช่าในบริเวณใกล้เคียงสามารถอนุมานได้ว่า ห้องเช่าทั้งหมด (รวมชุมชนแออัดที่น่าจะให้เช่าในราคาไม่เกินเดือนละ 2,000 บาทนั้นแล้ว) ในเขตพญาไท คาดว่าจะมีหน่วยเช่าทั้งหมดประมาณ 23,866 หน่วย แต่ความต้องการมีค่อนข้างสูง คือมีห้องที่ใช้สอยถึง 22,641 หน่วย มีหน่วยว่างไม่เกิน 5% เท่านั้น โดยดูได้จากตารางต่อไปนี้:
สำหรับหน่วยเช่าราคาถูก (รวมชุมชนแออัดแล้ว) มีอยู่เพียง 705 หน่วย ที่เช่าในราคาไม่เกิน 2,000 บาทต่อเดือน โดยมีหน่วยว่างเพียง 4% แต่ห้องเช่าราคาถูกนี้น้อยมาก ห้องเช่ากลุ่มใหญ่ที่สุดเช่าในราคา 2,000-3,000 บาทต่อเดือน รองลงมาคือกลุ่มราคา 3,001-4,000 บาทต่อเดือน จำนวน 6,412 หน่วย และกลุ่มราคา 4,001-5,000 บาทต่อเดือนที่มีจำนวน 4,616 หน่วย
จะเห็นได้ว่าไม่มีอุปทานในราคาต่ำกว่า 1,000 บาทเลย ในด้านหนึ่ง ถ้ามีก็คงเป็นอานิสงส์ของผู้เช่าในส่วนที่ "โชคดี" ได้เช่า แต่ในอีกด้านหนึ่ง คนอื่นก็คงไม่สามารถเช่าได้เช่นนี้เพราะรัฐบาลคงสร้างได้เพียงจำนวนหน่วยเท่านั้น แถมยังก่อให้เกิดความลักลั่น ได้เปรียบเสียเปรียบกันจากการที่รัฐบาลจัดหาบ้านเช่าราคาถูกแบบ "ฝนตกไม่ทั่วฟ้า" อีกด้วย ในทางตรงกันข้าม หากรัฐบาลสามารถสร้างได้นับหมื่นหน่วยได้ (ซึ่งคงทำไม่ได้) ก็จะทำให้ธุรกิจบ้านเช่า "เจ๊ง" ไปตาม ๆ กัน เพราะไม่สามารถให้เช่าถูกกว่าทางราชการ
อย่างไรก็ตามโดยที่ในปัจจุบันและแม้ในอนาคตระยะยาว ก็เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัย และไม่มีปัญหาที่บ้านราคาแพงเกินกว่าที่จะซื้อ หรือบ้านเช่ามีค่าเช่าสูงเกินกว่าที่จะเช่าตามความสามารถทางการเงินของประชาชน ดังนั้นในความเป็นจริง จากตัวเลขการมีหน่วยเช่ามากมายข้างต้น และต่างสามารถเช่าในราคาระหว่าง 2,000 - 5,000 บาท เป็นสำคัญอยู่แล้ว รัฐบาลก็ไม่ควรจะไปสร้างบ้านราคาถูกที่ขายในราคา 5-6 แสนบาท หรือให้เช่าในราคา 1,000 บาทแต่อย่างไร
รัฐบาลควรนำเงิน (ที่มี) ไปใช้พัฒนาประเทศในทางอื่นจะดีกว่าที่จะนำมาใช้สร้างบ้านราคาถูกเพื่อ "หาเสียง" สร้างความชอบธรรมในการบริหารประเทศ เพราะถือเป็นการ "ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ"
อ้างอิง: AREA แถลง ฉบับที่ 72/2559: วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ 2559
ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย ([email protected]) ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit