นางพิมพ์พิศา ชุณหเสนีย์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท วังเด็กทอยส์แลนด์ จำกัด บริษัทนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าและของเล่นสำหรับเด็กรายใหญ่ของไทย เปิดเผย "ถึงทิศทางการดำเนินงานสำหรับปีนี้ว่า แม้ว่าที่ผ่านมาภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดรวมสินค้าของเด็กเล่นมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท จะไม่มีอัตราการขยายตัว แต่บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านการเพิ่มความหลากหลายของสินค้าให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายในทุกช่วงอายุอย่างแท้จริง และสอดรับกับความต้องการของเด็กและผู้ปกครองในยุคปัจจุบัน รวมถึงทุ่มงบการตลาด โฆษณา ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างให้เกิดการรับรู้ในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ได้มากยิ่งขึ้น
โดยจากปี 2558 ที่ผ่านมา วังเด็กได้เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยของ บริษัท แมทเทล เซาท์อีส เอเชีย จำกัด ทำให้วังเด็กได้ครอบครองสินค้าแบรนด์ชั้นนำเพิ่มขึ้น อาทิ บาร์บี้ (Barbie), มอนสเตอร์ ไฮ (Monster High), เอฟเวอร์ อาฟเตอร์ ไฮ (Ever After High) และ HotWheels (รถแข่ง) รวมทั้ง Batman VS Superman ซึ่งภาพยนตร์กำลังจะเข้าฉายช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ จากเดิมที่ได้สิทธิ์เป็นตัวแทนจำหน่ายในบางหมวดสินค้า คือ สินค้าภายใต้แบรนด์ "ฟิชเชอร์ไพรซ์" (Fisher Price) โทมัสแอนด์เฟรน (Thomas & Friends) และสินค้าในหมวด Mattel Entertainment Line ซึ่งประกอบด้วย Fixar Cars, ทอยส์ สตอรี่ (Toy Story)
"เราได้รับสิทธิ์เป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าลิขสิทธิ์ของแมทเทล มาเกือบ 10 ปีแล้ว แต่ล่าสุดเราได้สิทธิ์เป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าทั้งหมดของแมทเทลแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ตั้งแต่ช่วงประมาณกลางปี 2558 ที่ผ่านมา ทำให้ปีที่ผ่านมาเรามีอัตราการขยายตัวของรายได้ถึงเท่าตัว และนับเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ รวมถึงเป็นปีของการจัดทัพธุรกิจใหม่ของวังเด็กทอยส์แลนด์" นางพิมพ์พิศากล่าว
นางพิมพ์พิศา กล่าวต่อไปว่า "การได้รับสิทธ์เป็นผู้จัดจำหน่ายของแมทเทลแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยนั้น ทำให้บริษัทฯ มีแบรนด์ใหม่ๆ และมีสินค้าครอบคลุมในทุกกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่กลุ่มเด็กแรกเกิดกระทั่งถึงเด็กโตเข้ามาเสริมทัพมากขึ้น ดังนั้น เพื่อให้แบรนด์สินค้าต่างๆเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น ปีนี้บริษัทฯ จึงมีแผนลงทุนด้านการตลาด โฆษณา ประชาสัมพันธ์เชิงรุกเพิ่มมากขึ้น และเน้นทำการตลาดกับสินค้าอย่างเข้มข้นในทุกๆแบรนด์ โดยจะเพิ่มงบประมาณด้านการตลาดอีกเป็นเท่าตัว จากเดิมที่ใช้อยู่ในอัตราประมาณ 7-10% ของยอดขายทั้งหมด ปีนี้จะเพิ่มเป็น 15% ของยอดขายรวม หรือประมาณ กว่า 10 ล้านบาท
โดยมีแผนจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดทั้งกิจกรรมขนาดใหญ่และกิจกรรมขนาดเล็กกับทุกแบรนด์ สำหรับปีนี้ บริษัทฯ จัดอีเว่นต์ใหญ่ในช่วงเดือนมีนาคม มีแผนเปิดตัวคาแร็คเตอร์ตุ๊กตาชื่อดัง 2 ตัวที่ประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งจากภาพยนตร์การ์ตูนและที่เป็นตุ๊กตา ประกอบด้วย 1. เปิดตัว Ever After High ตุ๊กตาที่เป็นเรื่องราวของลูกตัวละครในเทพนิยายแนวแฟนตาซี มีความน่ารัก สดใส ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ได้เริ่มวางจำหน่ายแล้วที่ ร้านทอยส์ อาร์ อัส และจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป
และ 2. เปิดตัวบาร์บี้ นิวลุกซ์ (new look) ซึ่งมีความน่าสนใจที่แตกต่างจากคาแร็คเตอร์ จากรุ่นก่อนๆ ที่เป็นแนวเซ็กซี่ แต่บาร์บี้ นิวลุกซ์ มีหน้าตาที่เป็นธรรมชาติและรูปร่างของตุ๊กตาที่ใกล้เคียงกับบุคลิกผู้หญิงในยุคสมัยปัจจุบัน ที่มีความหลากหลายมากขึ้น และคาดว่าจะเป็นที่ถูกใจสำหรับเด็กและแฟนคลับบาร์บี้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ ยังเตรียมเปิดตัว "บาร์บี้ คลับ" สำหรับนำเสนอสาระเรื่องราวและกิจกรรมดีๆ ที่มากกว่าเรื่องของการแต่งตัวสวยๆ สำหรับเด็กผู้หญิง พร้อมทั้งยังเป็นการเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ในโอกาสที่ Barbie ครบรอบ 58 ปีในวันที่ 9 มีนาคมนี้ด้วย โดยจะเผยแพร่กิจกรรม ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ของบาร์บี้ ผ่านช่องทาง "Barbie Thailand Fanpage" ภายใต้ธีมที่ว่า "You Can Be Anything" หรือเราสามารถที่จะเป็นอะไรก็ได้"
"เราจะเปิดตัวบาร์บี้ คลับ (Barbie Club) ที่ คิดส์ซาเนีย ศูนย์การค้าสยามพารากอน เพื่อสื่อแมสเซสให้รู้ว่าบาร์บี้ยุคใหม่นี้จะไม่เน้นแค่การแต่งตัว แต่ก็มีอะไรที่หลากหลายขึ้น เช่น การเรียนรู้ในอาชีพต่างๆ เพื่อให้เด็กได้ค้นหาศักยภาพของตัวเอง, กิจกรรมสอนเล่นโยคะ, สอนการพัฒนาบุคลิกสำหรับเด็ก เป็นต้น สามารถร่วมสนุกและติดตามกิจกรรมต่างๆ ได้ทุกไตรมาส"
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสำหรับแบรนด์ HotWheels ซึ่งเป็นของเล่นประเภทรถแข่ง บริษัทฯ มีแผนเข้าไปทำกิจกรรมในโรงเรียนโดยผ่านการบริหารจัดการของออร์กาไนเซอร์ดังอย่างซูเปอร์จิ๋ว จัดการแข่งรถชิงแชมป์ประเทศไทย พร้อมประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทาง "HotWheels Thailand Fanpage"
ขณะเดียวกัน งบประมาณส่วนหนึ่ง บริษัทจัดไว้ในด้านการรีโนเวตช่องทางการขายที่มีอยู่กระจายทั่วประเทศทั้งตามร้านค้าขนาดเล็ก ศูนย์ค้าส่ง ซูเปอร์สโตร์ ฯลฯ รวมถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ให้เป็นภาพลักษณ์ใหม่เพื่อต้อนรับลิขสิทธิ์ใหม่ๆ ที่บริษัทฯ ได้สิทธิ์เป็นผู้จัดจำหน่าย โดยคาดว่าจะครบทั้งหมดทั่วประเทศภายในปีนี้ หลังจากนั้นจะทยอยรีโนเวต "Small World" ร้านค้าของตัวเองที่ปัจจุบันมีอยู่ 8 สาขา ให้เป็นรูปโฉมใหม่เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับช่องทางร้านค้าของพันธมิตรทั่วประเทศที่ได้พัฒนาไปแล้ว
นางพิมพ์พิศา กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า จากแผนดังกล่าวนี้ทำให้บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่าจะช่วยผลักดันยอดขายรวมในปีนี้หรือมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นได้อีกไม่ต่ำกว่า 15% หลังจากที่บริษัทมีอัตราการขยายตัวแบบก้าวกระโดดมาแล้วเมื่อปี 2558 ที่ผ่านมา
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit