นักแสดงสาววัย 20 โด่งดั่ง และประสบความสำเร็จจากจากบท "สไปรท์" ในซีรี่ส์ "ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น" และภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง "ฝากไว้ในกายเธอ" โดยมีผลงานต่างๆ มากมายอาทิ งานพิธีกร, การแสดงในมิวสิควิดีโอ, ซีรี่ส์, ซิทคอม, โฆษณา
การรับบทเป็น "บุปผา" หญิงสาว 2 บุคลิกอ่อนหวานน่ากลัวอ่อนไหวในความรัก
สำหรับตัวละคร "บุปผาคนใหม่" คนดูจะได้เห็นตัวละครหญิงสาวที่มีอารมณ์ความรู้สึกซับซ้อนเหมือนมี2บุคลิกอยู่ในตัวคนเดียวซึ่งจะถูกเล่าผ่านมุมมองของผู้กำกับต้อมยุทธเลิศที่ตั้งใจสร้างความแตกต่างจากบุปผาราตรีเดิม
"คนดูจะได้เห็นเก้าในบทแบบนี้คือจะมีทั้งซอฟท์ และรุนแรงอยู่ในตัว ซึ่งการแสดง2คาแรคเตอร์ในร่างเดียวจะต่างจากคาแรคเตอร์บุปผาเก่ามันจะมีชั้นเดียว แต่นี่2ชั้นดูเหมือนมันไม่ปกติ ซึ่งการแสดง2ชั้นแบบนี้ วิธีการของพี่มันอาจจะเวิร์คก็ได้ ด้วยความที่พี่ไม่ได้เซ็ตไม่ได้บอกอะไร มันทำให้เก้ามี Question เสมอในระหว่างเล่น เพราะงั้นมันก็จะกลายเป็นคนที่พูดอีกอย่าง แต่ข้างในนี่คิดไปไหนเราไม่รู้ ซึ่งมันเหมาะกับคาแรคเตอร์ เหมาะกับหนังเพราะว่าพอขึ้นจอหนังนี่จะเห็นลูกตาใหญ่มาก แล้วคนเรานะการแสดงดีไม่ดีมันอยู่ที่ลูกตาจริงๆ ซึ่งอันนี้มันเป็นสิ่งที่แบบถ้าผิดนิดเดียวหรือถ้าคิดอีกแบบคนจะรู้เลย เหมือนว่าเรามองตาคน เราก็รู้ว่าเราอ่านออกเราอ่านไม่ออก ถ้าอ่านไม่ออกนี่ถือว่าเป็นเทคนิคการแสดง หรือว่ามันเป็น Improvise ระหว่างทาง ซึ่งมันเกิดความลงตัวขึ้นตรงนี้ พี่มองว่าอาจจะเรียกว่าเป็นพัฒนาการการเล่นอีกแบบหนึ่งของเก้า ซึ่งเขาจะชอบหรือเปล่าไม่รู้ แต่เขาทำได้ เขาทำได้ในสิ่งที่บุปผาราตรีภาคใหม่ควรจะมี แน่นอนคือนอกจากความรุนแรง ความมี2คาแรคเตอร์ ความอ่อนหวาน ความโหดร้าย ความน่ากลัว อีกด้านในคาแรคเตอร์ของบุปผาก็คือในด้านความรัก ผู้หญิงที่อ่อนไหวในเรื่องแบบนี้ น่าจะเป็นบุปผาที่รักมากมันก็เลยเจ็บมาก พอเจ็บมากมันจะทำให้เขากลายเป็นผู้หญิงอีกแบบหนึ่ง แต่เรื่องรักก็ยังมีอยู่ แต่ไอ้ความรักนี่กลับกลายไป มุมมองความรักเปลี่ยนแปลงไป จนกระทั่งมาเจอผู้ชายคนหนึ่งที่เจอกันเพียงแค่วันสองวัน อันนี่พี่มองว่าบุคลิกแบบนี้มันครีเอท มันทำให้คนหนึ่งหลงรัก มันก็จะกลายเป็นเรื่องความโรแมนติกในหนังที่น่ากลัว ซึ่งเป็นคาแรคเตอร์ของบุปผาในความรักเรื่องนี้"
แน็ก ชาลี ปอทเจส
นักแสดงหนุ่มวัย23ปี อดีตนักแสดงเด็กขวัญใจผู้ชมทั่วประเทศจากบท "เจี๊ยบ" ใน "แฟนฉัน" หลังจากนั้นก็มีผลงานทางด้านการแสดงมาโดยตลอดทั้งงานภาพยนตร์,ละครเวที,มิวสิควิดีโอ,โฆษณา,ละครและรายการโทรทัศน์มีผลงานภาพยนตร์12เรื่องในรอบ12ปี และเป็นเจ้าของรางวัลพระราชทานพระสุรัสวดีนักแสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยมจาก "เด็กหอ" ปีที่ผ่านมาได้รับการพูดถึงจากบท "เณรซัน" ที่ต้องไปพัวพันกับเรื่องราวลี้ลับ และเหตุการณ์อื้อฉาวในวงศาสนาในภาพยนตร์เรื่อง "อาปัติ" และในปีที่13ในวงการบันเทิง เราจะได้เห็นบทบาทที่หลากหลายมากขึ้นในด้านการแสดงของหนุ่มแน็ก โดยเฉพาะบทพระเอกโรแมนติกอย่างเต็มตัวเป็นครั้งแรกใน "บุปผาอาริกาโตะ" ภาพยนตร์แนวโรแมนติกเลือดนองสยองขำที่เราจะได้เห็นความสามารถทั้งทางด้านการแสดง เล่นกีตาร์แต่งและร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ด้วยตัวเอง รวมทั้งยังเป็นการกลับมาร่วมงานบนจอเงินกับกลุ่มเพื่อนๆนักแสดงเด็ก "แฟนฉัน" เป็นครั้งแรกแบบพร้อมหน้าพร้อมตากันในรอบ12ปี
"สำหรับบทแน็กที่ได้รับใน "บุปผาอาริกาโตะ" ถือได้ว่าแตกต่างเลยจากบทบาทต่างๆที่ผ่านมา ตรงที่เรื่องนี้ตัวละครของเราเป็นผู้ชายที่จริงจังกับความรักมาก แล้วก็สามารถพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งได้ ในเรื่องก็จะเป็นศิลปิน ถือกีตาร์ตลอด แล้วก็เล่นดนตรีร้องเพลง ซึ่งตรงกับชีวิตจริงที่มีความฝันอยากทำงานเพลงของตัวเองก็เลยชวนกลุ่มเพื่อนจริงๆ ในชีวิตจริงซึ่งก็คือแจ๊ค,หยก,ออฟ,เก็ท,อ๋องจากแก๊งแฟนฉันมาช่วยกันถ่ายมิวสิควิดีโอที่ญี่ปุ่นในระหว่างนั้นก็ได้เจอกับโรสหรือบุปผาจนเกิดเป็นความรักและนำมาซึ่งเรื่องราวต่างๆมากมายที่แบบลึกลับๆและน่ากลัว"
การรับบทเป็น แน็ก ศิลปินผู้อ่อนไหว จริงจังและพร้อมทำทุกอย่างเพื่อความรัก
ใน "บุปผาอาริกาโตะ" เราจะได้เห็นการแสดงของแน็กอีกแบบหนึ่งในมู้ดที่ซีเรียสเรื่องความรัก ปกติเราจะได้เห็นแน็กในบทบ้าๆบอๆ แต่จริงๆแล้วแน็กเป็นคนที่ซีเรียสในการทำงาน แต่คนไม่ได้เห็นพาร์ทนั้น ครั้งนี้เราจะได้เห็นความซีเรียสจริงจัง คือในเรื่องเขาเล่นเป็นตัวเขานะ มีความเป็นศิลปิน เป็นนักแต่งเพลง เป็นนักดนตรี มันหล่อหลอมจนเหมือนไม่ได้แสดง แต่เป็นการดึงตัวตนที่ไม่มีใครเคยเห็นออกมาให้เราเห็น ซึ่งกลายเป็นผู้ชายโรแมนติก ผู้ชายที่เข้าใจหรือประคับประคองทะนุถนอมความรู้สึกของผู้หญิงแบบอบอุ่นเลย เป็นผู้ชายอบอุ่นที่แบบอยู่รายล้อมด้วยหัวโจกที่ขัดแย้งมากๆในแก๊งแฟนฉัน ไอ้แจ๊คอะไรพวกนั่น คือพี่มองถึงตัวละครตัวนี้ให้เห็นเป็นผู้ชายอ่อนไหวที่จริงจังซีเรียสและให้ความสำคัญกับความรู้สึกของคำว่ารักไม่ได้มองเป็นวัยรุ่นทั่วไปที่แบบ เฮ้ย one night stand เรื่องนี้เราจะเห็นความรักที่โตกว่าอายุของแน็ก มันจะออกมาชัดเจน ชัดๆๆๆ อารมณ์ movement คล้ายๆกับถ้าเคยดูกุมภาพันธ์น่ะ คราวนี้จะได้ดูกุมภาพันธ์แบบผีๆพี่มองอย่างนี้"
แจ๊ค เฉลิมพล ฑิฆัมพรธีรวงศ์
นักแสดงอารมณ์ดีที่ประสบความสำเร็จและโด่งดังเป็นพลุแตกจาก"แฟนฉัน"ที่มาพร้อมลูกบ้าสารพัดกลายเป็นนักแสดงตลกรุ่นใหม่ที่ใครๆก็รักในความกวนมีผลงานทั้งพิธีกร,ละครไปจนถึงงานเพลง มีผลงานภาพยนตร์อย่างต่อเนื่องทั้งในฐานะนักแสดงนำและสมทบในช่วงเวลา9ปีถึง23เรื่อง อาทิ แฟนฉัน,สายลับจับบ้านเล็ก,ข้าวเหนียวหมูปิ้ง,วาไรตี้ผีฉลุย,บ้านฉันตลกไว้ก่อน, ATMเออรักเออเร่อ ,ฤดูที่ฉันเหงา ฯลฯ นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลทางด้านการแสดงในสถาบันต่างๆมากมาย อาทิ รางวัลสตาร์เอนเตอร์เทนเมนต์,รางวัลภาพยนตร์ไทยชมรมวิจารณ์บันเทิง,รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติสุพรรณหงส์,แฮมเบอร์เกอร์อวอร์ด
การรับบท แจ๊ค หัวโจกของเพื่อนๆ หน้าที่คือสานฝันให้มิวสิควิดีโอเพลงรักของแน็กออกมาเพอร์เฟคที่สุด
"ใน บุปผาอาริกาโตะถือได้ว่าเป็นบทที่เป็นสไตล์ในการเล่นทางใหม่มากสำหรับผม ซึ่งยังไม่เคยเล่นทางนี้มาก่อนเลย เราจะได้เห็นกันในหนังเรื่องนี้นะครับ ปกติก็จะเห็นชอบโวยวาย แกล้งผู้หญิง ตบเพื่อน แต่อันนี้จะเป็นทางใหม่เลย เป็นแนวออกติสต์ๆนิดหนึ่งซึ่งในเรื่องนี้แจ๊คก็จะเป็นผู้กำกับนะครับซึ่งพี่ต้อมก็ตั้งใจเขียนบทขึ้นมาให้โดยเฉพาะ เพราะรู้ว่าผมฝันอยากเป็นผู้กำกับมาตั้งแต่เด็กแล้ว ก็เรียกได้ว่าตั้งใจเขียนให้ผม ให้ แน็ก และเพื่อนๆที่เคยแสดงภาพยนตร์เรื่องแฟนฉันกลับร่วมงานกันอีกครั้ง"
หยก (หยก ธีรนิตยาธาร) รับบท หยก
จากเด็กแว่นสุดเนิร์ดในแก๊งแฟนฉันกลายเป็นหนุ่มถา'ปัด นิสิตรั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสุดหล่อที่พกพาความสูงเฉียด2เมตร หลังจากแฟนฉัน หนุ่มหยกก็ยังมีผลงานทั้งละครครูไหวใจร้าย,ภาพยนตร์อีก2เรื่องที่ร่วมงานกับเพื่อนๆในแก๊งแฟนฉันอย่างสี่เซี้ยวซ่าส์ เทวดาส่งมากวน และ เด็กหอ ที่แสดงร่วมกับ แน็ก ชาลี รวมทั้งผลงานโฆษณาเอ็มเคสุกี้
ออฟ (อภิชาญ เฉลิมชัยนุวงศ์) รับบท ออฟ
เด็กอ้วนตือโป้ยก่ายจาก "แฟนฉัน" โตเป็นหนุ่มหน้าหยกรูปร่างผอมเพรียวมีผลงานทั้งละครอย่างครูไหวใจร้าย ,อยู่กับก๋ง และคุณชายรณพีร์ที่หลายคนคุ้นตาในบท "ศักดา" รวมถึงผลงานภาพยนตร์อย่าง สี่เซี้ยวซ่าส์ เทวดาส่งมากวน ,มากับพระ,แต๋วเตะตีนระเบิด
อ๋อง (ธนา ตันตรานนท์) รับบท อ๋อง
จากนักแสดงเด็กเติบใหญ่กลายเป็นหนุ่มผมยาวสุดติสต์ที่หลงใหลและมีฝีไม้ลายมือในงานศิลปะโดยมีอ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์เป็นไอดอล เคยร่วมเป็น1ใน10เมล็ดพันธุ์ใหม่ผู้เข้ารอบ10คนสุดท้ายที่เข้าแข่งขันในรายการ "ต้นศิลปะปี3" ART reality contest รายการแรกในเมืองไทย ที่ต้องการสืบสาน อนุรักษ์ และ พัฒนาแวดวงการศิลปะของไทย ทางทีวีไทยที่ผู้เข้ารอบทุกคนจะต้องใช้ความสามารถทางด้านศิลปะในการแข่งขัน ส่วนผลงานทางด้านการแสดงหนุ่มอ๋องฝากผลงานละคร,มิวสิควิดีโอและภาพยนตร์โดยมีภาพยนตร์เรื่อง"โด๋นัท"ที่แสดงร่วมกับ "แน็ก ชาลี" เป็นผลงานล่าสุด
เก็ท (ตรีวรัตถ์ ชุติวัฒน์ขจรชัย) รับบท เก็ท
นักแสดง,นักพากย์,พิธีกรวัย21ปีมีผลงานที่โดดเด่นทั้งในฐานะนักแสดง ตลอดระยะเวลา12ปีมีผลงานทางงานละครโทรทัศน์,ผลงานภาพยนตร์,โฆษณานับไม่ถ้วน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทของนักพากย์ทั้งสปอตโฆษณา ไปจนถึงการพากย์ภาพยนตร์ทั้งไทยและต่างประเทศ รวมทั้งเป็นเจ้าของเสียงพากย์ตัวการ์ตูนแอนิเมชั่นขวัญใจเด็กๆอย่าง "ก้านกล้วย"
แน็ก-แจ๊ค-หยก-ออฟ-อ๋อง-เก็ท เมื่อ2ปรากฏการณ์ "แฟนฉัน" และ "บุปผา" มาเจอกัน
"คือพี่เอาพวกเด็กๆซึ่งเป็นกลุ่มเพื่อนที่เคยเล่นหนังแฟนฉันด้วยกันมาเล่นเป็นตัวเอง คือพอเรามีนางเอก เรามีพระเอก พอดีพี่สนิทกับแจ๊ค เคยคุยกันแจ๊คอยากเป็นผู้กำกับ พี่ก็สงสัย เฮ้ย ไอ้เพื่อนๆแฟนฉันอะไรพวกนี้มันเป็นยังไง มันแยกย้ายกันไปทำโน่นทำนี่อะไร พี่ก็ถามแจ๊ค ไอ้พวกนี้ถ้ากลับมารวมตัวเล่นหนังด้วยกันได้ไหม? แจ๊คบอกเดี๋ยวไปถาม ปรากฏว่าทุกคนรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้มาเจอกัน แล้วการเห็นพวกมันกลับมารวมตัวในหนังก็เออ น่ารักดี เอามาพาไปผจญภัยเหมือนเป็นแก๊งไอติมผจญภัยผีที่ญี่ปุ่นน่ะ เราก็จะได้แก๊งนี้มาเพิ่มในส่วนของความสนุกสนานที่จะเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากกลุ่มเพื่อนไปจนถึงการที่ต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ต่างๆในออสการ์ลอดจ์บนความน่ากลัวที่ดำเนินไปในเรื่องราวของบุปผา แล้วทุกคนแฮปปี้ที่จะมาอยู่ เป็นส่วนหนึ่งของบุปผาอาริกาโตะ พี่เอามารวมกันแล้วจำลองชีวิตจริงของแต่ละคน ตอนแรกเริ่มจากไอ้แน็ก เพราะการที่พี่เลือกคาแรคเตอร์ของพระเอกให้พี่เบสออนทรูคาแรคเตอร์ เบสออนชีวิตจริงมา แน็กทำอะไรได้บ้าง พี่ถาม ผมเล่นดนตรี มันก็เอาดนตรีมาโชว์ใหญ่ แจ๊คนี่พี่รู้แล้วมันอยากเป็นผู้กำกับ พี่ก็เลยเซ็ทเรื่องจากคาแรคเตอร์จริงของไอ้แน็กที่ชอบเล่นดนตรี แล้วมันก็เล่นเพลงเพราะ แต่งเองเหรอ เรียนดนตรีเหรอ เปล่าพี่ ผมเรียนรู้เอง เฮ้ยมันส์ พี่ชอบแบบนี้ คือมันสดมาก ไม่มีใครเคยเห็น ไม่มีใครคิดว่าแน็กเล่นดนตรีได้ ไม่มีใครคิดว่าจะร้องเพลงเพราะ แต่อันนี้เป็นสิ่งที่มันควรจะอยู่ในหนัง แล้วแจ็คพี่คิดต่อ ให้เป็นผู้กำกับ MV แล้วมันก็ชวนเพื่อนแก๊งทั้งหมดมาช่วยเพื่อนทำ MV. ที่ญี่ปุ่นกัน ก็จะมีไอ้หยก ไอ้หยกตัวที่ใส่แว่น ไอ้หน้าที่ไม่มีอารมณ์ ตอนนี้มันสูงมาก ถือบูมทำเสียง ไอ้เก็ท ไอ้ตัวเล็กๆเป็นอาร์ตไดในกอง ไอ้อ๋องที่เซอร์ๆ ตอนนี้มันเซอร์มากผมยาวเลย ไอ้เด็กที่ร้องโว้วๆเยเย้เป็นตากล้องออกแนวเป็นศิลปินเลยแหละ เหลือไอ้ออฟที่แต่ก่อนอ้วนมาก เดี๋ยวนี้มันผอม ออฟนี่เล่นเป็นคนจัดการกองถ่าย คนหาโลเคชั่น ทำไมไปเลือกบ้านผีสิงที่อะไรพวกนี้ ซึ่งมู้ดของผู้ชายเหมือนการรียูเนี่ยนเล็กๆ การกลับมาเจอกัน แล้วก็คุยเรื่องเก่ากันแล้วมาช่วยเหลือกันอะไรอย่างนี้ พี่มองว่า เออมันน่ารักดี เป็นพาร์ตหนังเพื่อนแบบร่วมหัวจมท้าย แล้ววันหนึ่งก็มาเจอกัน แล้วก็ทำงานด้วยกัน โดนผีหลอก"
"ยุทธเลิศ สิปปภาค" Director's Note
"บุปผาอาริกาโตะ"
"บุปผาราตรีมันเป็นเหมือนปรากฎการณ์บางอย่างซึ่งมันมาจากคาแรคเตอร์ วิถีหรือความประหลาดของมันมากกว่า มีคนเคยบอกว่ามันเป็นหนังที่มีคาแรคเตอร์ และทุกคนชอบ
เสน่ห์อย่างหนึ่งของบุปผาที่ได้รับรู้เสมอคือว่ามันยังเป็นหนังที่อยู่ในใจคนเสมอ มักจะถูกพูดถึงเสมอๆ มันเหมือนว่า "บุปผาราตรี" กับ "ยุทธเลิศ" จะกลายเป็นของสิ่งเดียวกัน ซึ่งจริงๆพี่ทำ "มือปืนโลกพระจัน" พี่ทำ "กุมภาพันธ์" ก่อนที่จะทำ "บุปผาราตรี"อีก แต่ถ้าพูดถึงความสำเร็จในแง่การทำอะไรที่มีเอกลักษณ์ สามารถทำให้คนจดจำแล้ว พี่ว่าโอเค"บุปผาราตรี"มันสำเร็จในแง่นั้น คือมันเป็นหนังที่จริงๆแล้วรสชาติการดูหนังแบบนี้เป็นอะไรที่คนไทยคุ้นเคยอยู่แล้วนะว่ามันเป็นทั้งตลก น่ากลัว และทั้งดราม่าอยู่ด้วยกัน แต่สิ่งหนึ่งที่พี่ได้ฟีดแบ็คมาจากคนดูหนังต่างประเทศ คาแรคเตอร์ของหนังที่มันทั้งตลกทั้งน่ากลัว แล้วอยู่ด้วยกันได้ มันเป็นอะไรที่ยากที่จะชงให้มันพอดี แต่ "บุปผาราตรี" มันหลุดออกมาอยู่ตรงนั้นได้ เป็นหนังซึ่งสามารถรวมกันอยู่ตรงนั้นได้ แล้วไอ้คาแรคเตอร์ที่แบบว่าไม่รู้จะฮาไม่รู้จะกลัวในเวลาเดียวกัน ไอ้ตรงนั้นมากกว่า พี่ว่ามันคือความสำเร็จในการสร้างคาแรคเตอร์หนังผีของพี่นะ มันจะมีทั้งตลกโรแมนติก น่ากลัว เสียดสี กัดจิกสังคม สะท้อนสังคม สะท้อนโน่นนี่นั่นไปเรื่อย ขณะเดียวกันก็ได้18+ตลอด
สำหรับ "บุปผาอาริกาโตะ" มันคือบุปผาภาคใหม่ มันไม่ใช่บุปผาภาคต่อ จะเป็นอะไรที่ใหม่ไปเลย มันก็จะเป็นคาแรคเตอร์ใหม่ จะเป็นหนังที่คนดูก็คาดเดาไม่ถูก ซึ่งพี่คิดว่าตรงนั้นมันคืออารมณ์ใหม่ๆของการดูหนังมากกว่า คืออารมณ์ใหม่ๆ ของบุปผาที่เราจะได้ดูกัน"
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit