เปิดตัว “เก้า สุภัสสรา” เป็น “บุปผาคนใหม่” ในบทบาทที่เรียกร้อง “สัญาชาตญาณทางด้านการแสดง”อย่างสูงสุด

02 Mar 2016
คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า"ความใหม่"แรกที่จะทำให้คนดูรู้สึกได้กับโปรเจกต์หนังผีโรแมนติกสยองขำที่อยู่ในใจคนดูมาตลอด13ปีไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพียงแค่เรื่องราว หรือบท หรือโลเกชั่น กลับกันแต่นี่คือความรู้สึกแรกที่ทุกคนจะรู้สึกได้นอกเหนือจากชื่อ "บุปผาอาริกาโตะ" นั่นคือการเปิดตัวนักแสดงที่จะมารับหน้าที่ถ่ายทอดคาแรคเตอร์สุดคลาสสิคอย่าง "บุปผาราตรี" ที่สร้างชื่อโดยเฉพาะอย่างยิ่งได้สร้างความสวย ความหลอน ให้กับคาแรคเตอร์ผีสาวได้อย่างติดตาและอยู่ในความทรงจำไปแล้วว่า "บุปผา" ต้องเป็น"พลอย เฌอมาลย์" แล้วใครกันที่จะสด มีพลังทางด้านการแสดง มีเสน่ห์ที่จะดึงดูดสายตา และกล้าพอที่จะมาเป็นบุปผาคนใหม่ และพร้อมที่จะร่วมถ่ายทอดเรื่องราวใหม่ๆของ "บุปผา" ท่ามกลางบรรยากาศของเหตุการณ์ที่แตกต่างจากบุปผาราตรีที่ทุกคนเคยสัมผัสโดยสิ้นเชิงที่แน่นอนว่าต้องอาศัยความสามารถทางด้านการแสดงที่ทั้งยากและเต็มไปด้วยความท้าทาย ในที่สุด เก้า สุภัสสรา ธนชาติ นักแสดงสาวที่โด่งดังและประสบความสำเร็จจากซีรี่ส์ "ฮอร์โมนวัยว้าวุ่น" และภาพยนตร์สยองขวัญอย่าง "ฝากไว้ในกายเธอ" ก็ถูกเลือกให้มารับบทเป็น "บุปผาคนใหม่"
เปิดตัว “เก้า สุภัสสรา” เป็น “บุปผาคนใหม่” ในบทบาทที่เรียกร้อง “สัญาชาตญาณทางด้านการแสดง”อย่างสูงสุด

"คือพี่ว่าบุปผาราตรีนี่ มันก็เป็นคาแรคเตอร์ที่เหมือนคนจะจำได้ สิ่งที่มันยากที่สุดคือ การจะหาบุปผาราตรีคนใหม่ แล้วแน่นอนถ้าเราจะทำใหม่ เราจะต้องหานักแสดงคนใหม่ เพราะว่าพลอย-เฌอมาลย์ เขาสวมบทเป็นบุปผาราตรีไปได้แบบ100% คือนักแสดงที่จะมารับบทบุปผาราตรี ก็จะต้องกลัวการแสดงของตัวเองเลยว่าจะไปถึงตรงนั้นได้มั้ย เพราะเขาทำไว้ดีอยู่แล้ว แต่พี่มองอย่างนี้ การที่ใครที่จะกล้ารับบทบุปผาจะไม่ธรรมดา คือไม่กลัว การที่เขากล้ารับ แสดงว่าเขาไม่กลัว คิดว่าตรงนี้มันจะเป็นมิติที่อยู่ในตัวเขาโดยอัตโนมัติ พี่ไม่รู้นะ แต่คิดเลยว่าใครกล้ารับบทบุปผา พี่ถือว่ามันผ่านในเรื่องของความกล้าในเรื่องแบบนั้นไปแล้ว

แล้วการแสดงที่พลอยแสดง พลอยเป็นนักแสดงที่(พี่ต้อมดีดนิ้ว) รู้อยู่แล้วว่ามันติดนิ้ว แล้วคนที่จะมา มันอดเปรียบเทียบไม่ได้ พี่เข้าใจเลย คือต้องบอกอย่างนี้พี่ไม่เลือกนักแสดงจากการ casting แต่พี่เลือกนักแสดงจากการตัดสินใจรับบทบุปผา ถ้านักแสดงที่เก่งมันมีสองทาง หนึ่ง เฮ้ย กูไม่เสี่ยง มันจะมองแบบไม่คุ้มกับท้าทาย เฮ้ย ตรงนี้ที่พี่มองคือเก้าเขาตัดสินใจ แล้วพี่ก็เชื่อว่าเป็นการตัดสินใจที่ลำบากพอสมควรในการรับเรื่องนี้ แต่สัญชาตญาณสุดท้ายเขาตัดสินใจรับ พี่คิดว่าการแสดงของเก้าอาจจะมาจาก pattern ปกติ ซึ่งเขาถามพี่มาว่ามีแอคติ้งโค้ชหรือเปล่าบังเอิญกองถ่ายพี่ไม่มีแอคติ้งโค้ช เพราะพี่บอกว่าการแสดง นักแสดงต้องช่วยตัวเองนะ หนังพี่ พี่ไม่ใช่คนกำกับเก่งนะ ที่มันได้รางวัลนี่คือมันเล่นเอง มันเก่งของมันนะ พี่แค่ไกด์ พี่แค่ขุดแค่นั้นเอง ซึ่งพี่ไม่ได้ expectมากจากเก้า แต่ ณ เวลาสั้นๆช่วงmomentสั้นๆที่เขาเรียนรู้ในการทำงานแบบ improvise พี่ว่าเขาปรับตัวได้เร็ว แล้วเขาประคองมันอยู่ และเชื่อว่าเขาเก็บเสน่ห์ในความเป็นบุปผาราตรีไว้กับเขาได้ แต่ว่าโดยตัวเขา ตัวเขามันเหมาะ กับสายตาที่ถ่ายทอดออกมา กับความรู้สึกของเขามันไปเกินครึ่งแล้วไง ที่เหลือมันอยู่ที่การแสดงอีกนิดหน่อย ที่มันอาจจะเซอร์ไพรส์คนดูก็ได้ สิ่งที่พี่ชอบในตัวเขาคือพี่สนใจตาเขา คือเขาเป็นคนที่อาจจะคิดเยอะหรือคิดอะไรสักอย่างเสมอ เวลาพูดคุยเวลาอะไรอย่างนี้ มันไม่เหมือนเป็นการแสดงชั้นเดียว นักแสดงชั้นเดียวคืออ่านแล้วเห็นหมดเลยว่าในตาคิดอะไร แต่พี่ชอบนักแสดงที่เราไม่รู้ว่าคิดอะไร ซึ่งเหมือนพลอย-เฌอมาลย์ แล้วเราจะไม่มีทางรู้ว่าอีนี่ มึงดีมึงร้าย มึงนิ่งๆแล้วมึงยิ้มให้กูนี่ มันเป็นคาแรคเตอร์ที่มันมีบางอย่างซ่อนอยู่ ซึ่งเก้าเขามี พี่ว่าถ้าเก้ามีแบบนี้ พี่ก็โอเค มันน่าลอง แต่การเลือกเก้ามาก็คือว่าหนึ่งเขาเหมาะกับบท แล้วเขาเป็นผู้หญิงที่มีsex appeal เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ดึงดูดคนค่อนข้างเยอะ จากอะไร จากสายตา มันเหมาะที่จะเป็นบุปผาคนใหม่ ซึ่งไม่มี casting ถ้าเขาตกลงพี่ก็โอเค ซึ่งก็ไปกันเลย"

นำไปสู่อีกรูปแบบของพัฒนาการทางด้านการแสดงที่คนดูจะได้สัมผัสจากตัวเก้าในการถ่ายทอดบทบาททางการแสดงที่เต็มไปด้วยมิติที่หลากหลายในความเป็นตัวบุปผาที่ทั้งซับซ้อนและยากจะคาดเดาที่พูดได้ว่าจะต้องใช้เสน่ห์ในตัวเอง และสัญชาตญาณทางด้านการแสดงสูงซึ่งแตกต่างจากบทบาททางด้านการแสดงที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิงจึงกล่าวได้ว่าเป็นการทำงานที่เปิดมุมมองใหม่ๆในการทำงานของเก้าสุภัสสราเลยทีเดียว

"ด้วยความที่พี่ใช้วิธีการแบบนี้ ซึ่งมันน่าจะใหม่สำหรับเก้า ใหม่มาก คำว่าใหม่ของพี่มันคือความยากของเขา มันคือความแตกต่างจากวิถีที่เขาเป็นมา แล้วพอวิถีนี้ พี่ไม่ไกด์ พี่ไม่ได้ช่วยอะไรมาก เพราะพี่บอกแล้วว่า คุณเป็นนักแสดง หน้าที่ของคุณคือโชว์ว่าคุณมีกั๊กมีกึ๋นมีความสามารถอะไรบ้าง ถ้าไม่มีคุณก็ต้องมี คือถ้าไม่เก่ง คุณต้องเก่ง เพราะถ้าไม่เก่ง คุณควบคุมไม่อยู่ คุณโดนเขาด่าแน่ๆ คุณโดนเปรียบเทียบแน่ๆ มันไม่ใช่วิธีการกำกับการแสดงมันเป็นการพูดคุยให้เขาเข้าไปถึงสมาธิ เข้าไปถึงสิ่งที่เขาต้องตัดสินใจ คือดึงอารมณ์ตัวนั้น มันจะถูกเค้นออกมาผ่านการแสดง ยกตัวอย่างจะมีอยู่ฉากหนึ่งในภาพยนตร์คือฉากร้องไห้มันดูเหมือนจะเป็นฉากที่ธรรมดา คือคุณเค้นน้ำตาได้ นักแสดงที่เค้นน้ำตาได้ส่วนใหญ่ มันจะมีวิธี นึกออกไหม แต่การเค้นน้ำตาของคนที่น้ำตาไม่ได้ไหลออกมาจากความเสียใจจากการที่ใครตาย ไม่ใช่คนรักเสียชีวิต น้ำตามันจะออกมาได้เฉยๆนี่ พี่ไม่รู้เขาคิดอะไร แต่โจทย์ของพี่ก็คือว่าคุณอยู่ในภาวะที่กลัวที่สุด แล้วพี่ต้องการน้ำตา แล้วพี่ก็ถ่ายเลย พี่รอได้(หัวเราะ) คือก่อนหน้านั้นพี่กดดันอีกแบบหนึ่งนะ เก้าไม่ได้เป็นนักแสดงที่เล่นเก่ง ที่พี่เลือกเพราะว่า เก้าไม่ได้เล่นเก่งนะ แต่เก้าเหมาะ พี่บอกเก้าเสมอ เก้าเหมาะ เก้าเป็นคาแรคเตอร์ที่มีอยู่ แต่จะลองก็ได้ ให้ฉากนี้ ฉากที่ได้เป็นซีนที่น่ากลัว เจอปะทะกับผีตัวข้างหน้า แต่พี่ต้องการกลัวจนน้ำตาตก กลัวจนน้ำตามันไหลออกมา พี่ไม่เคยเป็นนักแสดงและพี่ก็ว่าพี่ทำไม่ได้ แต่ถ้าเก้าทำได้ก็ปล่อยมา ต้องไปถามเก้าเขา เขามีวิธีคิดอะไรระหว่างนั้น พี่ถึงบอกว่านี่คือวิธีเปิดโอกาส ซึ่งมันเป็นซีนสั้นๆนะปรากฎว่าเทคเดียวผ่าน พี่ว่าพี่ได้ละ พี่ลอง เก้าอีกที อีกทีไหวเปล่าได้ค่ะ อีกที ได้ค่ะ"

HTML::image( HTML::image(