นู สกิน ประเทศไทย ฉลองครบรอบ 20 ปี ประกาศความสำเร็จเติบโต 10% พร้อมรุกกลยุทธ์ออนไลน์มาร์เก็ตติ้งครองแชมป์ผู้นำตลาดชะลอวัย
นางวิภาดา ตั้งปกรณ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2559 นี้ นู สกิน ประเทศไทย เพิ่งฉลองความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่กับการก้าวเข้าสู่ปีที่ 20 พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจให้สอดคล้องกับแนวนโยบายของ นู สกิน ทั่วโลก เพื่อให้เป้าหมายเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยบริษัทได้เปลี่ยนสโลแกน (Tagline) จาก The Different. Demonstrated. ความแตกต่างที่พิสูจน์ได้ เป็น "Discover The Best You ค้นพบคุณค่าที่ดีที่สุดของคุณ" เพื่อตอกย้ำพันธกิจของ นู สกิน ในการเป็นองค์กรที่มุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้คนให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยบริษัทฯ จะยังคงบุกตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่มต่อต้านความชราซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงและมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนกระตุ้นการเพิ่มปริมาณการบริโภคสินค้าให้มีการบริโภค พร้อมทั้งกระตุ้นการสร้างยอดสมาชิกใหม่ผ่านกิจกรรมการตลาด อาทิ การจัดอบรมสัมมนา นู สกิน เอ็กซ์โป และโปรแกรมอินเซ็นทีฟทริปที่ยังคงเป็นปัจจัยหลักในการสร้างรายได้ให้กับบริษัท
"ตลอด 20 ปี นู สกิน ประเทศไทย ได้สร้างปรากฏการณ์ความสำเร็จมากมายผ่านสินค้าระดับนวัตกรรมและศักยภาพของบุคลากรในองค์กร ซึ่งเป็นเครื่องการันตีมาตรฐานการเป็นบริษัทขายตรงชั้นนำที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค ด้วยการเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คนที่เข้ามาสู่ธุรกิจ นู สกิน มากกว่า 7 แสนคน ซึ่งที่ผ่านมา นู สกิน มีการจ่ายเงินปันผลให้ผู้แทนจำหน่ายไปแล้วกว่า 8,000 ล้านบาท รวมถึงการสร้างเศรษฐีเงินล้าน**มากกว่า 900 บัญชีรายชื่อ ตลอดจนให้ความสำคัญกับการตอบแทนสังคมตลอดระยะเวลาที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยผ่านโครงการพลังแห่งความดี (Force For Good) ด้วยเงินบริจาคกว่า 30 ล้านบาท และช่วยเหลือผู้ป่วยเด็กโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดร่วมกับมูลนิธิสนับสนุนการผ่านตัดหัวใจเด็ก โรงพยาบาลราชวิถี ไปแล้วกว่า 6,500 ราย" นางวิภาดากล่าว
สำหรับในปีที่ผ่านมา นู สกิน ประเทศไทย มีการเติบโตเป็นที่น่าพอใจทั้งในส่วนของรายได้และยอดสมาชิกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มียอดนักธุรกิจสูงขึ้น 20% และผู้บริหารทำเนียบเงินล้านเพิ่มขึ้น 20% โดยมีสัดส่วนยอดขายแบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว 60% ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 40% โดยในจำนวนนี้ เป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มเอจล็อค 70% และกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นๆ ประมาณ 30% และมีสัดส่วนยอดขายแบ่งตามกลุ่มลูกค้าเป็นยอดขายในกรุงเทพฯ 55% และต่างจังหวัด 45% นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มเป้าหมายที่เพิ่มเข้ามาสู่ธุรกิจ นู สกิน เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 15% เป็นผลมาจากการใช้สื่อออนไลน์ในการทำตลาดทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุดและง่ายขึ้น ส่งผลให้ นู สกิน ประเทศไทย สามารถปิดยอดขายและมีอัตราการเติบโตตามเป้าหมายอยู่ที่ 10% เมื่อเทียบกับในปีที่ผ่านมา
นาง วิภาดา กล่าวเสริมว่า ปัจจัยความสำเร็จในครั้งนี้มาจากการพรีเซลล์ผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มเสริมอาหาร "วาย-สแปน"(Y-SPAN) นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเอ็กซ์โป ที่จัดต่อเนื่องมาแล้ว 3 ปี ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคและช่วยกระตุ้นยอดขายได้เป็นอย่างดี ประกอบกับการสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้กับนักธุรกิจ นู สกิน ผ่านโปรแกรม Incentive trip ทริปท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นการขยายองค์กรและการจัดสัมมนาสร้างแรงบันดาลใจให้สมาชิกขับเคลื่อนธุรกิจก้าวสู่ความสำเร็จตามเป้าหมาย
"ในปี 2559 นี้ นู สกิน เตรียมเดินหน้าการสื่อสารบนช่องทางออนไลน์แบบเต็มรูปแบบ โดยมุ่งเน้นการทำ Content Marketing ในโซเชียลมีเดีย อาทิ Facebook, YouTube, Instagram, Line และเว็บไซต์ของ นู สกิน ตลอดจนการพัฒนาแอพพลิเคชั่นและเครื่องมือต่างๆ ในการให้บริการออนไลน์ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจและการเพิ่มขึ้นของสมาชิกโดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ (New Generation) เนื่องจากในปีที่ผ่านมาบริษัทประสบความสำเร็จอย่างมากจากการปรับกลยุทธ์ทำการตลาดผ่านสื่อออนไลน์ ส่งผลให้ยอดขายจากช่องทางดังกล่าวเติบโตคิดเป็นสัดส่วน 40% ของยอดขายรวม"
"นอกจากนี้ ในโอกาสที่ นู สกิน ประเทศไทยฉลองครบรอบ 20 ปี บริษัทยังคงแสดงจุดยืนการเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ต่อต้านความเสื่อมชรา มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ระดับนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ บริษัท เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้เทคโนโลยีเอจล็อค จำนวน 2 รายการ ได้แก่ "วาย-สแปน" (Y-Span) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารช่วยเสริมสร้างการทำงานของกลุ่มยีนในร่างกาย ตอบสนองประสิทธิภาพด้านการปรับความสมดุลเพื่อสร้างความสมบูรณ์ของร่างกาย และ "เอจล็อค มี" (ageLOC ME) ผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิวเฉพาะบุคคล ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติวงการการบำรุงผิว ในการตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รายบุคคล ด้วยแอพพลิเคชั่นสุดล้ำที่คิดค้นสูตรบำรุงผิวได้มากกว่า 2,000 สูตร ภายใต้เทคโนโลยีเอจล็อค ที่ครอบคลุมทุกสัญญาณความชรา พร้อมเครื่องมือจ่ายครีมแบบอัจฉริยะเพื่อให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคนโดยเฉพาะ ซึ่งมั่นใจว่าเมื่อมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วจะได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคและสามารถสร้างยอดขายให้กับบริษัทเหมือนที่ผ่านมา โดยในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าการเติบโตทั้งปีไว้ที่ 10%" นางวิภาดา กล่าวสรุป
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit