โฮบาร์ท (ประเทศไทย) ตอกย้ำศักยภาพเศรษฐกิจโดยรวมประเทศในแถบอินโดจีน ไทยมีศักยภาพความเป็นศูนย์กลางและมีมาตรฐานสูงสุดโดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องประกอบอาหาร และเทคโนโลยีใหม่ ด้านกรีน อินโนเวชั่น เน้นตัวแทนน้อยแต่เป็นมืออาชีพในบริการทั่วถึง ระบุเวียดนามน่าสนใจทำตลาดมากสุด ด้วยมี GDP 1 ใน 3 ของไทย ชี้สินค้าบริษัทมีความต่างเน้นคุณภาพมากกว่าหวังผลกำไร หวังรัฐอัดฉีดเม็ดเงินดึงกำลังซื้อฟื้นตัว
นายวิวัฒน์ วงศ์พิวัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป ประจำประเทศไทยและภาคพื้นอินโดจีน บริษัท โฮบาร์ท (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ CLMV มีแนวโน้มขยายตัวดีต่อเนื่อง มีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และเป็นแหล่งแรงงานที่มีค่าจ้างไม่สูงมากนัก จึงทำให้กลุ่มประเทศ CLMV เป็นทั้งแหล่งผลิตและตลาดใหม่ที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ถือว่าเป็นโอกาสและอุปสรรคเนื่องด้วยมี Foreign Direct Investment (FDI) มากขึ้นในประเทศไทย กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์และเวียดนาม (T+ CLMV) ที่ทำให้มีโครงการห้าดาวประมูลกันมากมาย จึงเป็นโอกาสของประเทศไทยที่มีศักยภาพ ความเป็นศูนย์กลางที่สุดและมีมาตรฐานสูงสุดในเครื่องประกอบอาหาร ที่น่าจะโดดเด่นที่สุดใน AEC แต่ก็มีบ้างที่บางโครงการอาจนำสินค้าเข้ามาเองใน CLMV แล้วทิ้งงานบริการให้ตัวแทนของโฮบาร์ท ดูแลอย่างจำกัดทรัพยากร อีกทั้งการเปิด AEC ทำให้การแข่งขันระหว่างตัวแทนจำหน่ายสูงขึ้นเนื่องจากทุกตัวแทนจำหน่ายสามารถไปแข่งขันได้ทุกที่ เนื่องจากเป็นประเทศ AEC เดียวกัน
อย่างไรก็ดี เพื่อตอบสนองการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นจากการเติบโตของตลาด T+CLMV ในปีนี้ โฮบาร์ท ประเทศไทย ยังคงยึดถือแนวทาง Sustainable Development เป็นหลัก คือ ไม่ต้องมีตัวแทนจำนวนมาก มีเพียงน้อยรายแต่มีศักยภาพในองค์กรธุรกิจที่สำคัญคือ ต้องมีความเป็นมืออาชีพในการบริการทั่วถึง ในทุกที่ ทุกเวลา โดยเฉพาะประเทศเวียดนามที่มีมูลค่า GDP ขนาดประมาณ 1 ใน 3 ของไทย รองลงมาได้แก่ เมียนมาร์ และ กัมพูชา ที่มีตลาดไฮเอนด์ห้าดาวที่มีศักยภาพโดยเฉพาะในเขตเมืองท่องเที่ยวที่มีการเปิดตัวของภัตตาคาร โรงแรม รีสอร์ท สปา และคาสิโน อย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งใน กรุงพนมเปญ และเสียมเรียบ อีกทั้ง ยังมี Food Chain ของไมเนอร์กรุ๊ปที่เข้ามาปักหลักทำตลาดและเปิดตัวร้านค้าอย่างจริงจังมาก่อนแล้วหลายปี ในขณะที่ตลาดเมียนมาร์หรือพม่านั้น เริ่มเกิดอย่างจริงจังเป็น Baby Boom ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยเพิ่งจะมีโรงแรมห้าดาว อย่างเช่น
NOVOTEL เพิ่งจะสร้างเสร็จใหม่ที่กรุงย่างกุ้ง และเคมปินสกี้ เนปิดอว์ ที่โดดเด่นในปีนี้เท่านั้นเอง ในขณะที่ตลาดมีความต้องการห้องพักมากมาย จน Developer ต้องนำเรือเดินสมุทรมาทำเป็นโรงแรมห้าดาวเพราะมูลค่าที่ดินนั้นแพงมหาศาล หรือแม้แต่ความต้องการของชนชั้นกลางในการบริโภคร้านอาหารนานาชาติที่ได้รับความนิยม เช่น โออิชิ ที่เปิดตัวไปแล้วหลายสาขา หรือแม้แต่เดอะ พิซซ่า ที่เพิ่งเปิดร้านในย่างกุ้งเร็วๆ นี้ ก็ขายไม่ทันจนมีลูกค้ามารอรับพิซซ่านำกลับบ้านจนล้นหลาม เพราะทางการไม่อนุญาตให้ขับขี่มอเตอร์ไซด์ในเขตกรุงย่างกุ้ง จึงไม่มีพิซซ่า เดลิเวอรี่ ส่งถึงบ้านเหมือนอย่างบ้านเรา ทั้งหมดนั้นเป็นลูกค้าส่วนหนึ่งของโฮบาร์ท และศักยภาพของตลาดใน CLMV ที่โฮบาร์ท ประเทศไทยได้ร่วมพัฒนากับผู้แทนจำหน่ายในสินค้าและบริการให้ยั่งยืนในตลาด AECนี้ต่อไป
นายวิวัฒน์ กล่าวและเพิ่มเติมว่า "สำหรับแนวทางการพัฒนาการตลาด T+CLMV ในปีนี้ โฮบาร์ทยังคงมุ่งเน้นปัจจัยความรู้ ความเข้าใจในสุขอนามัยของการประกอบอาหารด้วยเครื่องมือที่ได้มาตรฐานสากลเพื่อได้อาหารที่ปลอดภัย (Food Safety) จากสินค้าที่ตอบโจทย์ในธุรกิจอาหารที่ได้รับการยกย่องได้รางวัลนานาชาติมากมาย อีกทั้งมี Solution ที่โฮบาร์ทมีบุคลิกบอกถึงความคุ้มค่าต่อการลงทุนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเตรียมอาหารที่ทนทานเลื่องชื่อและได้มาตรฐาน NSF, เครื่องประกอบอาหารที่ได้ ENERGY STAR, เครื่องล้างจานอัจฉริยะที่ประหยัดน้ำ ไฟ และเคมีสูงสุดเป็นสุดยอด Green Technology รวมทั้งมีเทคโนโลยีการลดขยะอาหารที่ได้รับการยอมรับจากสมาพันธ์อาคารเขียวของสหรัฐอเมริกาจนมีหลายโครงการได้รับรองในระดับ LEED ซึ่งได้ผลเป็นการลดภาวะเรือนกระจก ลดโลกร้อนอีกด้วย โดยในปีนี้ โฮบาร์ทจะนำสินค้าในกลุ่ม SOMAT ซึ่งเป็นสินค้าในกลุ่ม กรีน อินโนเวชั่น ที่ช่วยแปรขยะอาหารให้เป็นผงธุลีใช้ปรับปรุงดิน(Soil Amendment) ได้เข้ามาเปิดตัว ครั้งแรกในเอเซียที่ประเทศไทยในงาน SETA 2016 ระหว่างวันที่ 23- 25 มีนาคมนี้ที่ไบเทค บางนา ด้วย
อย่างไรก็ตามแม้ว่าในปี 2558 ที่ผ่านมา สภาวะเศรษฐกิจในประเทศไทยจะชะลอตัว แต่ประเทศไทย โฮบาร์ท ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย รวมถึงยังสามารถพัฒนาความรู้ด้านเทคโนยีใหม่ๆ ให้กับกลุ่มผู้แทนจำหน่ายให้เข้าใจในตัวผลิตภัณพ์ต่างๆ ของโฮบาร์ทเพิ่มมากขึ้น อาทิ การจัดโปรแกรมพาผู้แทนจำหน่ายไปร่วมชมงานที่เยอรมนี ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ และเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ รองจากสหรัฐอเมริกา และยังมุ่งเน้นพัฒนาผู้แทนจำหน่ายหลักใน CLMV ด้วยระบบ Partnership ที่ต้องเพิ่มความแข็งแกร่งในงานบริการ โดยมีทีมงานเราเป็นพี่เลี้ยง ซึ่งคาดว่าน่าจะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่ง Food Services จะโตตามค่านิยมการบริโภคนอกบ้านของคนไทยในสังคมเมือง รวมทั้งการสนับสนุนการท่องเที่ยว ซึ่งในภาพรวมยังคงไม่กระทบมากนักเพราะภาครัฐและเอกชนยังลงทุน และมีนโยบายมาสนับสนุน การจับจ่ายให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง การขยายตัวจึงไม่ยากนัก ถ้าโฮบาร์ทสามารถขยายตัวในประเทศไทย โดยจะไปสู่ช่องทางใหม่ กับสินค้าใหม่ที่กำลังจะออกสู่ตลาดเร็วๆ นี้
"โฮบาร์ท เป็นแบรนด์ที่อยู่ในตลาดประเทศไทยมากกว่า 50 ปี โดยในช่วงต้นๆ เป็นการนำเข้าตรงจาก FDI ไม่ว่าเป็น โรงแรมห้าดาว, เชนอาหารจานด่วน QSR, ศูนย์จัดเลี้ยง,โรงงานอุตสาหกรรม ที่มาจากต่างประเทศมากมาย ในยุคที่ไทยเปิดประเทศ โฮบาร์ท จึงเป็นแบรนด์ที่รู้จักในกลุ่มลูกค้า HoReCa ในระดับไฮเอนด์ เพราะ เลื่องชื่อในความทนทาน บึกบึน พร้อมนวัตกรรมใหม่ๆ อยู่เสมอมา ตลอด 119 ปีตั้งแต่ประดิษฐ์ เครื่องผสมอาหาร เครื่องล้างจานเครื่องแรกของโลก ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันมีโฮบาร์ท ประเทศไทย ตั้งขึ้นเพื่อดูแลตัวแทนขายที่ได้รับการแต่งตั้ง ทั้งใน ประเทศไทย กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และ เวียดนาม (T+CLMV) ให้ครอบคลุมถึง การให้ความรู้ ความเข้าใจในสินค้านวัตรกรรมใหม่ๆ ของเครื่องประกอบอาหาร (Food Service Equipment) รวมทั้ง การบริการอะไหล่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดใน 3 ภูมิภาคที่ดูแลนี้" นายวิวัฒน์ กล่าวในที่สุด
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit