นายวีระ กล่าวต่อว่า ภายในการจัดงาน วธ. ได้รวบรวมมรดกวัฒนธรรมและธรรมชาติ ศาสนาและศิลปะ สื่อ และงานสร้างสรรค์และออกแบบมาจัดแสดงและจำหน่าย อาทิ งานฝีมือ หัตถกรรม ผ้าไทย อาหารไทย ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การแพทย์แผนไทย ศิลปะการแสดง ดนตรีนาฏศิลป์ ทัศนศิลป์ พุทธศิลป์ สังฆภัณฑ์ ภาพยนตร์ มัลติมีเดีย วีดีทัศน์ เกม การกระจายเสียง การพิมพ์ การออกแบบ สถาปัตยกรรม แฟชั่นและการโฆษณา โดยแบ่งพื้นที่เป็น 3 ส่วน ได้แก่ เวทีกลาง สำหรับการแสดงศิลปวัฒนธรรม พื้นที่การค้าขายสินค้าทางวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมวัฒนธรรม สำหรับแสดงและจัดจำหน่ายสินค้าทางวัฒนธรรม และพื้นที่วัฒนธรรมชวนชิม สำหรับจำหน่ายสินค้าและเครื่องดื่มของดีบ้านฉัน โด่งดังทั่วโลก การประมูลภาพเขียนจากศิลปินแห่งชาติ ศิลปินร่วมสมัย รวมถึงศิลปินอิสระ การประกวดออกแบบแฟชั่น เดินแบบผ้าไทย แฟชั่นโชว์
เบื้องต้นได้เปิดให้ผู้ผลิตและผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม อาหารปรุงสด และเครื่องดื่ม ลงทะเบียนเพื่อจำหน่ายสินค้าภายในงานซึ่งขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนแล้วไม่ต่ำกว่า 300 ราย ที่สำคัญ วธ. ได้มีแนวคิดในการนำผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมมาจัดแสดงให้ครอบคลุมทั้งด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม โดยแบ่งการจัดงานเป็น 4 สัปดาห์ ได้แก่ สัปดาห์ที่ 1 (2-7 ก.พ.) วันตรุษจีน มั่งมี ศรีสุข สัปดาห์ที่ 2 (8-14ก.พ.) ตลาดสร้างรัก สัปดาห์ที่ 3 (15-21 ก.พ.) สินค้าสร้างสุข และสัปดาห์ที่ 4 (22-26 ก.พ.) วันมาฆบูชา ทั้งนี้ การจัดงานดังกล่าวจะเป็นการสนับสนุน ส่งเสริม และพัฒนาผิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม เพื่อนำทุนทางวัฒนธรรมมาเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ อันจะนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจให้แก่ประชาชนไปสู่กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน