ดังนั้นหลังจากที่เคยนำเสนอถึงเรื่องประเภทของไฟล์เสียงต่างๆ ไปแล้วใน Thaiware Infographic ฉบับที่ 28 คราวนี้ทางไทยแวร์จึงได้ทำ Infographic ฉบับที่ 30 ขึ้นมาเพื่อให้เพื่อนๆ รู้จักกับระบบเสียงในการฟังเพลงกันมากขึ้นเกี่ยวกับรูปแบบการใช้งานของเครื่องเล่นเพลงแต่ละประเภท และระบบเสียงต่างๆ ของลำโพง รวมถึงหูฟังทั้ง 3 แบบ อย่าง Earbud, In-Ear และ Headphone ว่าแต่ละแบบนั้นจะมีคุณภาพของเสียงและการใช้งานที่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง พร้อมทั้งระบบของ DAC และ AMP ที่เป็นตัวแปรสำคัญของคุณภาพเสียงลองมาชมกันได้เลยรูปแบบการใช้งานของเครื่องเล่นเพลงแต่ละประเภทนั้นหลักๆ จะแบ่งออกเป็น 3 แบบ
เครื่องเล่นแบบพกพาที่มีขนาดเล็ก สามารถฟังเพลงต่างๆ ได้ทุกที่ทุกเวลาพกพาได้สะดวก โดยส่วนมากแล้วจะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ประเภทหูฟัง
เครื่องเล่นเสียงขนาดใหญ่ที่เป็นเครื่องเล่นสเตอริโอ ที่ให้คุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยม สามารถปรับแต่งรูปแบบของเสียงได้ และขับเสียงได้อย่างละเอียด
เครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วๆ ไปก็เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่หลายคนนิยม นำมาทำเป็นเครื่องเล่นเพลง ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยอุปกรณ์เสริมอย่าง Sound Card , DAC และ Amp เพื่อช่วยให้คุณภาพเสียงเพลงดีขึ้น
ในส่วนของระบบของอุปกรณ์หูฟังจะแบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ Earbud, In-Ear และ Headphone โดยที่แต่ละแบบนั้นจะมีรูปแบบการใช้งาน ราคา และคุณภาพของเสียงที่แตกต่างกัน ดังนี้Earbud ที่เป็นหูฟังขนาดเล็ก ราคาไม่แพง นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่จะมีเสียงรบกวนจากภายนอกเยอะที่สุด และมีคุณภาพเสียงอยู่ในระดับที่ไม่ค่อยดีนัก
In-Ear นั้น จะเป็นหูฟังขนาดเล็ก ที่สามารถตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ดี มีคุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยม และมีราคาที่สูงมากHeadphone เป็นหูฟังขนาดใหญ่ที่สามารถตัดเสียงรบกวนภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุด มีราคาค่อนข้างสูง แต่จะถูกกว่า In-Ear ในคุณภาพที่พอๆ กัน
นอกจากนี้แล้ว ตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อคุณภาพของเสียงนั้นจะมี DAC ที่เป็นตัวแปลงสัญญาณของเสียงในรูปแบบของดิจิตอลไปเป็น Analog และ AMP (Amplifier) ที่ทำหน้าที่เป็นตัวขยายเสียงเพิ่มระดับคุณภาพของเสียงให้ดียิ่งขึ้น
http://newsletter.thaiware.com/images/infographic/2016/issue30.jpg
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit