ส่วนในปี 2559 บริษัทมีเป้าหมายเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเป็น 714,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15% จากปี 2558 โดยบริษัทมีนโยบายขยายฐานลูกค้ารายย่อย และมีแผนออกกองทุนใหม่ๆทั้งในและต่างประเทศ โดยคำนึงถึงความเหมาะสมเพื่อสร้างโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีให้กับลูกค้า ขณะเดียวกันบริษัทยังได้เริ่มบทบาทใหม่ ในเรื่อง PE Trust Manager และ PE Manager ซึ่งคาดว่าจะเป็นส่วนช่วยผลักดันให้ธุรกิจรายเล็กๆ ได้เติบโตในอุตสาหกรรมได้
นายวีระ วุฒิคงศิริกูล รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัวในระดับต่ำ และจะเผชิญกับความผันผวนจากการดำเนินนโยบายการเงินที่แตกต่างกันในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ รวมถึงความเสี่ยงจากความตกต่ำของราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์
แนวโน้มการลงทุนในตราสารทุน โอกาสการลงทุนจะอยู่ที่ตลาดหุ้นยุโรป และญีปุ่น ซึ่งเศรษฐกิจยังฟื้นตัวต่อเนื่อง นโยบายการเงินผ่อนคลาย อัตรากำไรเติบโตสูง และระดับราคาหุ้นอยู่ในระดับที่น่าสนใจกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ได้สะท้อนความความหวังต่อเศรษฐกิจไปพอสมควรแล้ว
ส่วนของตลาดเกิดใหม่ ในครึ่งปีแรกจะเผชิญความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลง ค่าเงินมีแนวโน้มอ่อนค่า การปรับลดลงอย่างมากของราคาหุ้น ทำให้เริ่มน่าสนใจลงทุน แต่ต้องจับจังหวะตลาด ซึ่งเรายังมองโอกาสการลงทุนในอินเดียที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตรากำไรอยู่ในระดับสูง ขณะที่จีน รอให้ตลาดมีเสถียรภาพ และต้องจับตาดูผลของการปฏิรูปเศรษฐกิจ สำหรับประเทศไทย ยังคาดหวังต่อแผนการลงทุนของภาครัฐ การเติบโตจากภาคการท่องเที่ยว และการฟื้นตัวของภาคการบริโภค โดยภาพรวมตลาดหุ้นคาดว่าจะแกว่งตัวในช่วง 1,150 – 1,480 จุด
ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ ยังมีปัจจัยบวกจากสภาพคล่องที่มีอยู่สูงมาก และคาดว่าดอกเบี้ยนโยบายจะคงในระดับต่ำไปถึงปลายปีเป็นอย่างน้อย ขณะที่คาดว่า FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป
กลยุทธ์การลงทุนหลักในปีนี้ บริษัทฯ คาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 3% - 6% โดยเน้นการกระจายการลงทุนเพื่อลดความผันผวน และเน้นการลงทุนในตราสารทุน รวมถึงสินทรัพย์ที่สร้างกระแสรายได้อื่นๆ เช่น กองทุนอสังหาริมทรัพย์ REITs/Infra fund