ดร.ภูษณ ปรีย์มาโนช ประธานกรรมการ บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ IEC เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้นำทางธุรกิจด้านพลังงานทดแทน ที่มีผลงานที่ผ่านมามากมายทั้ง โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าพลังงานขยะ และโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล อีกทั้งยังดำเนินการทางด้านการสื่อสาร และสารสนเทศมาอย่างต่อเนื่องอย่างยาวนาน และที่ผ่านมาบริษัทฯ ร่วมลงทุนในโรงงานไฟฟ้าพลังงานขยะของบริษัทฯ ดำเนินงานโครงการผลิตไฟฟ้าชื่อ บริษัท จีเดค จำกัด โดยสร้างโรงงานกำจัดขยะชุมชนและแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้า กำลังการขายกระแสไฟฟ้าปัจจุบันอยู่ที่ 4.3 เมกกะวัตต์ ซึ่งบริษัทฯคาดว่าจะเพิ่มกำลังได้เป็น 5.8เมกกะวัตต์ภายในสิ้นเดือนมกราคมนี้ โดยบริษัทฯ เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานขยะแห่งแรกที่ใช้เทคโนโลยี Ash- Melting Gasification ซึ่งเป็นเทคโนโลยีชั้นสูงจากประเทศฟินแลนด์ และสหราชอาณาจักร
ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและกำลังการผลิตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องดังกล่าว จึงทำให้โรงไฟฟ้าพลังงานขยะของ IEC เป็นที่สนใจของสถาบันการลงทุนต่างๆ จากการพิจารณาอย่างดี IEC จึงได้เลือก บริษัท ยูนานวอเตอร์ อินเวสเมนต์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ร่วมทุนทั้งนี้ได้ลงนามกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันที่ 7มกราคม 2559 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ บริษัท ยูนานวอเตอร์ อินเวสเมนต์ จำกัด (มหาชน) ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงโดยมีผู้ถือหุ้นหลักที่เป็นรัฐวิสาหกิจของจีนสองแห่งคือ Yunnan Metropolitan Construction Investment และ Beijing Origin Water และเพื่อเป็นการรุกธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานขยะในประเทศไทย ในเดือนพฤศจิกายน 2558 บริษัท ยูนานวอเติอร์ อินเวสเมนต์ ได้ประกาศเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าขยะแห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ต ในสัดส่วนทั้งหมดซึ่งมีมูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท หรือคิดเป็น 70 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
ปัจจุบัน IEC มีโครงการที่รับรู้รายได้แล้ว 7 โครงการ อันได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แม่ทา 1,2 จ.ลำพูน มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 2.638 MW โดยโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐโดยได้รับส่วนเพิ่มค่าไฟฟ้า (Adder) มูลค่า 6.50 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 10 ปี และมีอายุโครงการ 25 ปี โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แม่มาลัย จ.เชียงใหม่ มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 2.379 MW มีกำลังไฟฟ้ารับซื้อ 1.92 MW โครงการฯ ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐโดยได้รับส่วนเพิ่มค่าไฟฟ้า (Adder) มูลค่า 8 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 10 ปี และมีอายุโครงการ 25 ปี และ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แม่ระมาด จ.ตาก มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 6.3 MW มีกำลังไฟฟ้ารับซื้อ 5.25 MW โครงการฯ ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐโดยได้รับส่วนเพิ่มค่าไฟฟ้า (Adder) มูลค่า 6.50 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 10 ปี และมีอายุโครงการ 25 ปี
และโครงการ ไออีซี กรีน เอ็นเนอร์ยี่ ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านระบบการจัดการขยะส่วนหน้าประกอบด้วย การบดย่อยขยะด้วยเครื่อง Shredder ระบบสายพานลำเลียงขยะ การลดความชื้นขยะด้วย Rotary Dryer นอกจากนั้น ยังได้พัฒนาระบบการจัดการขยะอย่างครบวงจรเพิ่มได้แก่ น้ำหมักชีวภาพ ซึ่งผลิตน้ำหมักชีวภาพจากขยะอินทรีย์ (EM) ให้ได้น้ำหมักชีวภาพสมรรถนะสูงโดยระบบสามารถผลิตหัวเชื้อน้ำหมักชีวภาพ เพื่อเป็นวัตถุดิบตั้งต้นให้แก่ชุดผลิตน้ำหมักซึ่งจะทำงานอย่างต่อเนื่องและมีผลผลิตเป็นน้ำหมักชีวภาพปริมาตร 2,000 ลิตร ทุก 15 วัน
นอกจากนี้ยังมี โครงการโรงไฟฟ้าขยะจีเดค ซึ่งได้ร่วมทุนกับ EGCO ในการดำเนินงานโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานขยะ กำลังการผลิตติดตั้ง 6.7 MW หาดใหญ่ จ.สงขลา และโครงการโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส จ.กำแพงเพชร บ่อก๊าซชีวภาพในทางการผลิต "หัวอาหาร (feed stock)" โดยใช้กากน้ำตาลเป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการผลิตและนำจุลินทรีย์มาย่อยสลาย โดยสามารถผลิตก๊าซชีวภาพจากบ่อหมักได้ถึง 60,000 ลูกบาศก์เมตร (Cubic meter) ต่อวัน ซึ่งเพียงพอการผลิตกระแสไฟฟ้าได้ถึง 6 MW ต่อชั่วโมง และ โครงการไบโอแก๊ส สุพรรณบุรี โรงไฟฟ้าไบโอแก๊สจากน้ำเสีย (Vinasse) ซึ่งเป็นผลผลิตพลอยได้จากการผลิตเอทานอลมีขนาดกำลังการผลิต10.6 MW โครงการ เอทานอล ระยอง ผลิตเอทานอลในนาม บริษัท ไออีซี บิซิเนส พาร์ทเนอร์ส จำกัดโดยมีกำลังการผลิตวันละ 170,000 ลิตร
โรงไฟฟ้าชีวมวลจังหวัดสระแก้ว 1 มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 9.9 MW โครงการผลิตเม็ดพลาสติกจากพลาสติกปนเปื้อน จ.ระยอง ขนาดกำลังผลิตวันละไม่น้อยกว่า 120 ตัน เพื่อการส่งออก โครงการผลิตเม็ดพลาสติกจากพลาสติกปนเปื้อน หาดใหญ่ ขนาดกำลังผลิตวันละไม่น้อยกว่า 60 ตัน
ดร.ภูษณ กล่าวต่ออีกไปว่า นอกจากนั้นยังมีอีก 4 โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการที่จะสามารถรับรู้รายได้ในปี 2559 นี้ อาทิเช่น โครงการโรงไฟฟ้าโอแก๊ส จ.กำแพงเพชร ด้วยกำลังการผลิตขนาด 5.25 MW และโครงการโรงไฟฟ้าโอแก๊ส จ.สุพรรณบุรี ด้วยกำลังการผลิตขนาด 10.6 MW โรงไฟฟ้าชีวมวลจังหวัดสระแก้ว แห่งที่ 2 มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 8 MW (สัญญา 7 ปีกับ PEA) และ โครงการผลิตเม็ดพลาสติกจากพลาสติกปนเปื้อนเพื่อการส่งออก ที่หาดใหญ่ ขนาดกำลังผลิตวันละไม่น้อยกว่า 60 ตัน ซึ่งถ้าประเมินมูลค่ากิจการจากปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental) ดังกล่าวพบว่าในปัจจุบันบริษัทฯ มีมูลค่ากิจการมากกว่า 7,000 ล้านบาท
"ปี 2559 IEC มุ่งสู่ความเป็นเลิศด้านพลังงานทดแทนโดยบริษัทฯจะลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าชีวภาพที่จังหวัดสุพรรณบุรี กาญจนบุรี และกำแพงเพชร โครงการโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โครงการขยะเชื้อเพลิงจากบ่อขยะในหลายจังหวัด เช่น จังหวัดชลบุรี พัทลุง สงขลา โดยการร่วมทุนของบริษัท ยูนานวอเตอร์ อินเวสเมนต์ จำกัด (มหาชน) นั้น ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่าจะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของบริษัทฯ ลดภาระการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และคาดว่าในปี 2559 บริษัทฯ จะมีรายได้ประมาณ 1,700 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตจากนี้ไป 5 ปีข้างหน้าไม่ต่ำกว่า 20-25% ต่อปี โดยคาดการณ์ในปี 2560 จะมีรายได้ประมาณ 2,210 ล้านบาท ในปี 2561 มีรายได้ประมาณ 2,542 ล้านบาท ปี 2562 มีรายได้ประมาณ 3,051 ล้านบาท และในปี 2563 มีรายได้ประมาณ 3,661 ล้านบาท" ดร.ภูษณ กล่าวสรุปในตอนท้าย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit