บทสัมภาษณ์ “กฤษดา สุโกศล แคลปป์” (น้อย วงพรู) พลิกบทบาทมาร้องเพลงลูกทุ่งจีบสาว ในภาพยนตร์เลิฟสตอรี่เรื่อง “ลูกทุ่งซิกเนเจอร์”

22 Jan 2016
บทบาท-คาแรคเตอร์
บทสัมภาษณ์ “กฤษดา สุโกศล แคลปป์” (น้อย วงพรู) พลิกบทบาทมาร้องเพลงลูกทุ่งจีบสาว ในภาพยนตร์เลิฟสตอรี่เรื่อง “ลูกทุ่งซิกเนเจอร์”

เรื่องนี้ผมรับบทที่ชื่อว่า "บอย" นะฮะ เป็น CEO ของบริษัทหนึ่งนะฮะ คาแรคเตอร์ก็จะเป็นคนที่มีความรับผิดชอบที่ค่อนข้างสูงเหมือนกัน แล้วก็ค่อนข้างเครียด เพราะว่ามีปัญหาที่บริษัท แล้วทุกครั้งที่เขาเครียดหรือกลุ้มใจนี่ เขาก็มักจะไปหลบอยู่ในห้องน้ำเงียบๆ คนเดียว แล้วก็พอดีวันหนึ่ง เขาก็ได้ยินเสียงแม่บ้านทำความสะอาดของบริษัทร้องเพลง พอได้ยินเสียงนั้นปั๊บ เขาก็เหมือนกับความเครียดทุกสิ่งทุกอย่างก็หายไป เพราะเขาไม่เคยได้ยินเสียงร้องที่แบบลึกเหลือเกินและเพราะเหลือเกิน จนเขาต้องรู้ให้ได้ว่าแม่บ้านคนนี้คือใครครับ

เพลงนี้คือเพลง "เรารอเขาลืม"

ครับ เป็นเพลงที่ทางโปรดิวเซอร์ส่งมาให้น้อยฟัง ให้น้อยช่วยท่องเนื้อเพลงลูกทุ่งนี้ให้หน่อยนะฮะ เพลงนี้ชื่อว่า "เรารอเขาลืม" ซึ่งปกติน้อยก็ไม่ได้ชินกับการร้องเพลงลูกทุ่งเท่าไหร่อยู่นัก แต่ว่าพอได้ยินก็เริ่มอินไปกับเพลง แล้วก็เริ่มหัดร้องนะฮะ หัดร้องในสไตล์น้อยนะครับ แต่เผอิญในหนังนี่เราเป็นคนที่ร้องไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่อยู่แล้ว ผมก็เลยต้องพยายาม ผมก็มีเพื่อนบางคนที่ร้องไม่ได้จริงๆ เสียงแย่จริงๆ ผมก็พยายามก๊อปเพื่อนนี่ละฮะ (หัวเราะ) ช่วงซีนนั้นผมก็เลยพยายามร้องแบบเหมือนเสียงเพี้ยนนะฮะ แล้วก็อาจจะทำตัวเขินหน่อย อาจจะประมาณนั้น แต่ว่าผมก็ตกใจจริงๆ นะฮะ เพราะว่าช่วงที่ถ่ายทำมันก็หลายเดือนมาแล้วนะฮะ แล้วก็วันหนึ่งประมาณ 6-7 เดือนผ่านมานี่ ผมก็นั่งดูโทรทัศน์ที่บ้าน แล้วอยู่ดีๆ ก็เห็นไข่มุกร้องเพลงนี้ออดิชั่นใน The Voice ผมก็เฮ้ย...แล้วก็ร้องเพลงนี้ด้วยนะ นางเอกของเรา เดี๋ยวนี้น่าจะมีชื่อเสียงมากกว่าเราแล้วด้วยซ้ำ ก็ดีใจสำหรับเขานะฮะ เพราะเสียงเขาเพราะมาก

ตัวละครผูกพันกับเพลงนี้ยังไงบ้าง

ในคาแรคเตอร์ของบอยนี่ก็ค่อนข้างเป็นคนที่เหงานะฮะ แล้วก็คล้ายๆ กับหลายคนที่เวลาทำงานก็ทำให้ดีที่สุด แต่ว่าสิ่งที่เขารักจริงๆ เนี่ย เขายังค้นหาอยู่ มันอาจจะไม่ใช่งาน มันอาจจะเป็นอย่างอื่น เขากำลังค้นหา อาจจะเป็นใครคนหนึ่งก็ได้ฮะ เหมือนเขาเป็นคนที่มีความรักเยอะเหลือเกินในตัวเขา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเอามันไปไว้ที่ไหน หรือจะเอามันไปให้ใคร ซึ่งความรู้สึกนี้ค่อนข้างสะท้อนกับบทเพลงนี้ในระดับหนึ่ง ในความเหงาการรอความรัก พอเราได้ยินบทเพลงนี้ เนื้อหาเพลงนี้ แล้วก็ได้ยินเสียงนี้ด้วยนะฮะ มันก็เริ่มทำให้เราคล้ายๆ กับเหมือนเจอแล้วสิ่งที่เรารัก แล้วเราต้องไปรู้จักกับคนๆ นี้หรือว่าต้องไปรู้จักกับความรู้สึกนี้ที่มันเกิดขึ้นให้ได้นะฮะ ซึ่งผมก็จำได้สมัยก่อนที่เราเจอกับภรรยาครั้งแรก พอผมเจอเขาปั๊บ เหมือน Love at First Sight แบบผมรู้ว่าเธอต้องเป็นของผม (หัวเราะ) รู้สึกมันเป็นความรู้สึกที่เห็นแก่ตัวจริงๆ นะ แต่ She is Mine ผมไม่แคร์แล้ว แม้ว่าเธออาจจะมีแฟนแล้วผมไม่รู้ ผมไม่แคร์แล้ว ผมเจอแล้วอ่ะ แล้วผมต้องทำให้เธอรักผมให้ได้ ต้องรู้จักกันให้ได้ฮะ รักนี้ต้องเกิดฮะ ความรู้สึกในคาแรคเตอร์มันก็เป็นประมาณนี้ก็ได้ฮะ

การร่วมงานกับน้องไข่มุก

ผมรู้สึกว่าแม้แต่เสียงของเธอ แล้วก็หน้าตาของเธอจะมีความค่อนข้างบริสุทธิ์ทีเดียวฮะ แต่เธอก็เป็นคนที่มั่นใจนะ และผมพูดตามตรงผมก็เขินนิดหน่อยนะ เพราะว่าผมอายุมากกว่าไข่มุกค่อนข้างเยอะเหมือนกันฮะ (หัวเราะ) เลยก็เขินเหมือนกันตอนที่แบบบางฉากที่ต้องมองสายตาเธอ ต้องจับมือเธอนิดหน่อย แต่ว่าผมก็หวังว่าคนที่ชมภาพยนตร์ยังจะพอยอมรับความรู้สึกระหว่างเราสองคนได้นะฮะ ระหว่างความรู้สึกของผมในเสียงเพลงของเธอฮะ

ความรักของเรื่องนี้เป็นยังไง..

ความรักนี้มันคล้ายๆ เป็น Discovery เหมือนกับบางทีเราลืมไปแล้วว่า ความรู้สึกนั้นมันเป็นยังไง มันทำให้เรากลับไปเป็นเหมือนกับช่วงเรียนมัธยมที่ทุกอย่างมันยัง Fresh และค่อนข้างบริสุทธิ์ลึกซึ้ง แล้วมันก็จริงเหลือเกิน เหมือนกับ Return to Innocence สำหรับน้อยนะฮะ

ความผูกหันของเพลงลูกทุ่งกับคนไทย

มันก็ไม่มีเสียงเพลงอะไรที่เป็นไทยอย่างแท้จริงเท่าเพลงลูกทุ่งอยู่แล้วฮะ เพราะว่าแม้แต่ผมเองที่ร้องเพลงอัลเทอร์ ป๊อปร็อก ผมก็ได้อิทธิพลมาจากทางเมืองนอกอยู่แล้วนะฮะ แต่นี่มันเป็นเสียงเพลงที่บริสุทธิ์จริงๆ ของความเป็นไทยฮะ แล้วผมว่ามันจริงที่สุดด้วย และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเสียงเพลงแล้วก็เสียงของคนร้องฮะ มันมีความเป็น Original จริงๆ ฮะ

พูดตรงๆ แล้วน้อยก็ไม่ได้เติบโตมากับเพลงลูกทุ่งนะฮะ แล้วก็ไม่ได้ฟังมากมายถึงขนาดนั้นนะฮะ แต่ว่ายังพอคุ้นเคยหน่อยฮะ แต่ว่าน้อยก็เคยพยายามร้องมาก่อนนะฮะ แต่ว่าไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ (หัวเราะ)

เบื้องหลังความสนุกในการถ่ายทำ

ก็สำหรับหนังภาพยนตร์เรื่องนี้นะฮะ สำหรับผม ผมก็ต้องขอบคุณพี่ปรัชนะฮะที่ชวนผมมาเล่นเรื่องนี้ หลายคนก็ทราบอยู่แล้ว ส่วนมากผมจะเล่นหนังไปทางดราม่าหน่อย บางคนบอกหนังโรคจิตอะไรอย่างนี้ หนังแรงๆ อินเนอร์ (หัวเราะ) ซึ่งมีฉากหนึ่งที่ถ่ายกันนะฮะ ฉากที่ผมกำลังเครียดอยู่ในห้องน้ำ ฉากเครียดก็มาละ ผมก็ทำหน้าเครียดแบบแรงๆ มาก พี่ปรัชก็บอกว่าน้อยๆ คัทๆๆ น้อย นี่ไม่ใช่หนังโรคจิตนะน้อย นี่เป็นหนัง Feel Good ไม่ต้องเครียดมากก็ได้ ผมก็เออๆ ใช่ๆ โทษทีครับพี่

เสน่ห์ความน่าสนใจของเรื่องนี้

ผมดีใจที่มีโอกาสได้เล่นหนัง Feel Good ในอีกรูปแบบหนึ่ง มันเป็นหนังที่มีความ Positive และ Inspiration มากๆ ครับ ผมว่ามันค่อนข้างจะมีทุกสิ่งทุกอย่างครบวงจรนะ ไม่ว่าจะเป็นเสียงเพลง นักแสดงที่หลากหลายเหลือเกิน แต่ละคนก็มีคนละสไตล์ที่เวลาผสมผสานกันมันน่าสนใจดี มัน Mix & Match แล้วทำให้เกิดอะไรใหม่ๆ สำหรับภาพยนตร์ไทยในบ้านเรา เรื่องนี้มันมีหลายสไตล์ในเรื่องเดียวกัน แล้วมันก็มีความหมายของความรักค่อนข้างเยอะแยะทีเดียว ผมว่าทุกคนก็น่าจะ Connect ได้ครับ

HTML::image( HTML::image( HTML::image(