สารพัดคำถามภายหลังการประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ชาวพิษณุโลกแต่งกายด้วยชุดผ้าไทยพื้นเมืองในวันพฤหัสบดี และผ้าไทยประจำถิ่นคือผ้าทอลายดอกปีบในวันศุกร์ เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในโครงการ "รณรงค์ อนุรักษ์ การแต่งกายผ้าไทยผ้าถิ่นจังหวัดพิษณุโลก ประจำปี พ.ศ.๒๕๕๙ จัดโดยสถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพิษณุโลก สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดพิษณุโลก สภาวัฒนธรรมจังหวัดพิษณุโลก สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
วันนี้จึงขอนำเรื่องราวของดอกปีบมาเล่าสู่กันฟัง
จุดเริ่มต้นจากกล้าไม้ปีบพระราชทาน
ย้อนหลังไปเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๓๗ ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกได้รับพระราชทาน "กล้าไม้ปีบ" จากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในวันรณรงค์โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ ปีที่ ๕๐ ซึ่งแต่ละจังหวัดจะได้รับกล้าไม้แต่ละชนิดแตกต่างกันออกไป
จากนั้น ไม้ปีบจึงถือเป็นไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัดพิษณุโลก และชาวพิษณุโลกก็ได้เห็นต้นปีบ รู้จักดอกปีบจากการรณรงค์ให้มีการปลูกต้นปีบทั่วเมือง ดอกปีบบนผืนผ้า
จากการสัมภาษณ์คุณวรรณา ไกรสิทธิพงศ์ รองประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรี จังหวัดพิษณุโลก เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๕ เล่าว่า "หน่วยงานราชการต่าง ๆ ต้องการให้มีผ้าทอประจำจังหวัด ดังนั้นในการประกวดผ้าทอ ซึ่งทางจังหวัดจัดขึ้นอยู่เป็นประจำ จึงมีการรณรงค์ให้ทอผ้าลวดลายประจำจังหวัดส่งเข้าประกวด ผลปรากฏว่า ผ้ามัดหมี่ลายดอกปีบมีความงดงามอ่อนช้อย จึงได้รับรางวัลชนะเลิศ" และในตอนนั้น ป้าเทา นันทแพทย์ ประธานกลุ่มทอผ้าบ้านม่วงหอม อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก เจ้าของผ้ามัดหมี่ลายดอกปีบ เป็นผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการประกวดผ้าพื้นเมืองพิษณุโลก ประเภทผ้ามัดหมี่ ในงานวันสตรีสากล วันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๔๓ โดยป้าเทาให้สัมภาษณ์ไว้ว่า "ใช้เวลาทอหลายเดือน โดยมีอาจารย์จากโรงเรียนม่วงหอมเป็นผู้ออกแบบลายให้ หลังจากได้รับรางวัลชนะเลิศก็ได้รับคำสั่งจากวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี พุทธชินราชให้ทอผ้าลายดอกปีบสีม่วง จำนวน ๕๐๐ เมตร และก็มีผู้สั่งทอเรื่อยมา"จากนั้นกลุ่มทอผ้าบ้านม่วงหอมได้มีการพัฒนารูปแบบของดอกปีบอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งเป็นลวดลายดอกปีบขนาดเล็กพร้อมก้านใบที่ได้รับความนิยมในยุคนั้น พร้อมการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น หมอน กระเป๋า
นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของผ้าทอลายดอกปีบ ผ้าทอประจำจังหวัดพิษณุโลก โดยส่วนใหญ่จะเป็นดอกสีขาว พื้นสีม่วง ซึ่งเป็นสีประจำจังหวัดพิษณุโลก นอกจากนี้ก็อาจจะมีสีอื่น ๆ ตามสีประจำของแต่ละหน่วยงาน กลุ่มทอผ้าแต่ละกลุ่มต่างก็คิดสร้างสรรค์พัฒนาลวดลายดอกปีบ เช่น มี ๒ ชั้น ๓ ชั้น บางผืนก็มีถึง ๕ ชั้น หลากหลายสีสัน ตามความต้องการของตลาด ซึ่งมีความนิยมเป็นระยะ ๆ ไม่แน่นอน เป็นไปตามนโยบายการอนุรักษ์ รณรงค์ของจังหวัดทอผ้าลายดอกปีบถวายสมเด็จพระราชินี
เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๖ มหาวิทยาลัยนเรศวรมีดำริที่จะทอผ้าขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสมหามงคลเจริญพระชนมพรรษา ๗๒ พรรษา ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๔๗
ขณะนั้นพิพิธภัณฑ์ผ้า ซึ่งปัจจุบันเป็นหนึ่งในเส้นทางการเรียนรู้มหาวิทยาลัยนเรศวร ในการกำกับดูแลของสถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน ได้ดำเนินการสั่งทอผ้าฝ้ายมัดหมี่สอดดิ้นลายดอกปีบ โดยเลือกใช้สีฟ้า ซึ่งเป็นสีประจำวันเฉลิมพระชนมพรรษา มีความยาว ๗๓ เมตร สอดแทรกคำว่ามหาวิทยาลัยนเรศวรทุกระยะ ๕ เมตร โดยเป็นฝีมือของป้าเทา นันทะแพทย์ ประธานกลุ่มทอผ้าบ้านม่วงหอมผ้าทอดอกปีบต้นแบบและดอกปีบกาสะลองในงานวิจัย
เส้นทางของผ้าทอลายดอกปีบยังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อปี ๒๕๕๗ สถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน ได้รับมอบหมายจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพิษณุโลกให้ทอผ้าต้นแบบลายดอกปีบ โดยนางสาวอนงค์ วงศ์สุวรรณ์ ช่างทอผ้าของสถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน เริ่มกระบวนการกวักเส้นด้าย เดินเส้นยืน กรอเส้นพุ่ง สืบหูก จนทอเป็นผืนผ้า
ปัจจุบันสถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน ได้จัดทำโครงการวิจัยเรื่อง การออกแบบลวดลายผ้าทอเอกลักษณ์จังหวัดพิษณุโลก เพื่อออกแบบลวดลายใหม่ จำนวน ๖ ลาย ทั้งนี้ ๑ ใน ๖ ลาย คือ ลายดอกปีบกาสะลอง โดยนายวชิรพงษ์ วงศ์ประสิทธิ์ นักวิชาการช่างศิลป์เป็นผู้ออกแบบ ด้วยการทอ ๒ เทคนิคคือ ดอกปีบกาสะลองแบบมัดหมี่ โดยกลุ่มทอผ้าบ้านหนองหญ้าปล้อง อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก และดอกปีบกาสะลองแบบขิด โดยนางสาวอนงค์ วงศ์สุวรรณ์ ขั้นตอนการวิจัยอยู่ระหว่างการสำรวจความพึงพอใจ ซึ่งเมื่อได้ลวดลายตามความนิยมแล้ว จะนำเสนอกลุ่มทอผ้า หน่วยงานต่าง ๆ ตลอดจนผู้สนใจเพื่อนำไปประยุกต์ พัฒนา ต่อยอดต่อไป
วันนี้ดอกปีบจึงยังคงคุณค่าในฐานะพันธุ์ไม้มงคลพระราชทาน และลวดลายอันงดงามบนผืนผ้า เอกลักษณ์ประจำจังหวัดพิษณุโลก
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit