แม่เด็กเดินหน้าร้องของความเป็นธรรมเหตุ!!หมอวินิฉัยโรคพลาดหวิดทำลูกพิการ
"เมื่อประมาณเกือบอาทิตย์ที่ผ่านมาลูกชายน้องฟร้อนไม่สบายเจ็บจมูก เลือดซึมออกมาตลอด ก็พาไปหาหมอที่โรงพยาบาลย่านเพชรเกษมแห่งหนึ่ง ตอนไปก็ดึกแล้วก็ไม่เจอหมอเฉพาะทาง ก็เจอหมอเวรก็ไปเล่าอาการให้หมอฝั่งว่าอาการลูกไม่รู้เป็นอะไรมีเจ็บจมูกข้างขวาและมีเลือดซึมออกมาตลอด หมอก็ทำการตรวจให้แล้วก็บอกว่าไม่เป็นจะมีอะไรเลย มีแต่ขี้หมูก ตอนนั้นเราก็รู้สึกแปลกใจว่าไม่มีอะไรได้อย่างไรเพราะขนานเรายังเห็นเลยว่าในรูจมูกลูกมีเลือดที่แห้งอยู่เลย แล้วก็บอกให้ไปเจาะเลือดพอผลออกมาเกล็ดเลือดไม่ได้ต่ำไม่น่าจะเป็นอะไร หมอสันนิฐานว่าน่าจะเป็นฝีในจมูก เดียวหมอจะสั่งยาให้ไป 2 ขวดพร้อมกับให้น้ำเกลือไปล้างจมูก แล้วก็เขียนใบนัดให้เพื่อจะมาหาหมอทางด้านกุมารเวชโดยเฉพาะ วันรุ่นขึ้นก็พาน้องฟร้อนมาหาหมอตามใบนัดก็เข้าไปเล่าอาการต่างๆให้หมอฟัง จากนั้นหมอก็เอาไฟฉายส่องเข้าไปก็ยังยืนยันว่าไม่พบอะไรเหมือนเดิม และก็สันนิฐานว่าน่าจะเป็นฝีเหมือนกัน แต่ก็บอกว่าถ้าเกิดมีเลือดออกข้างซ้ายและข้างขวาค่อยกลับมาใหม่เพราะอาจจะไม่ใช่เป็นฝีก็ได้ "
"หลังจากที่ไปหาหมอแล้ว 2 ครั้งก็กลับไปดูอาการที่บ้านได้ประมาณเกือบอาทิตย์ก็รู้สึกว่าลูกไม่ดีขึ้นเลยยังคงมีเลือดออกมาจากจมูกเหมือนเดิม ก็เลยคุยกับแฟนว่าไม่ไหวแล้วอาการลูกไม่ดีขึ้น ก็คุยกันว่าจะไม่กลับไปโรงพยาบาลเดิมแล้วแต่จะไปโรงพยาบาลใหม่เป็นโรงพยาบาลเด็กโดยตรง ไปถึงก็เล่าอาการให้หมอสั่งหมอก็ส่องดูแล้วก็บอกว่าจะการส่องไม่เห็นอะไรที่ผิดปกตินะ แต่จะส่งน้องไปเอ็กซ์เรย์ เมื่อเอ็กซ์เรย์เสร็จหมอก็เรียกเข้าไปคุยว่าคุณแม่เจอถ่านนาฬิกาที่เป็นก้อนเหล็กอยู่ในโพรงจมูกของน้อง จากนั้นหมอก็ส่งไปห้องผ่าตัดเพื่อเอาก้อนถ่านออก ซึ่งมันค่อนข้างที่จะเอาออกยากมากเพราะว่าตอนนี้มันเข้าไปลึกและมันติดกับกระดูก แต่ก็เอาออกมาจนได้และหมอเขาก็เรียกให้เราไปดูว่าหลังจากที่เอาก้อนถ่านออกมาแล้วโพรงจมูกลูกเป็นอย่างไร ซึ่งตอนที่เราเห็นก็แทบจะไม่อยากดูเลยเพราะโพรงจมูกมันเริ่มเน่า กระดูกเริ่มดำแล้ว หมอก็บอกว่าถ้ามาช้ากว่านี้จมูกน้องจะเน่าและกัดเข้าไปจะทำให้ลูกพูดอู้อี้เหมือนกับเด็กพิการไปเลย เราก็ถามว่ามันร้ายแรงมากมัยหมอก็บอกว่าเหมือนกับการถูกน้ำกรดสาดหน้าตอนนี้ในโพรงจมูกน้องก็คล้ายๆแบบนั้นเลย"
นางสุธาทิพย์ กล่าวเพิ่มว่า "ตอนนี้เรื่องของการรักษาก็คงต้องรักษาอีกเป็นเดือน ส่วนเรื่องการเข้าไปคุยกับทางโรงพยาบาลเดิมนั้นตอนนี้ยังไม่ได้มีโอกาสเข้าไปคุยแต่ตั้งใจว่าจะให้ทางโรงพยาบาลออกมารับผิดชอบ อยากให้ทางโรงพยาบาลออกมารับผิดชอบเรื่องของการวินิฉัยอาการพร้อมทั้งกิริยามารยาทในเรื่องของการพูด เรื่องของฟ้องร้องทางโรงพยาบาลนั้นตอนนี้ก็ยังไม่ได้คุยกอะไรกันคงจะต้องกลับไปคุยกันอีกที ซึ่งความจริงแล้วเราก็ไม่รู้ว่าจะฟ้องร้องอย่างไรบ้าง เพียงแค่ตอนนั้นแค่ลงเฟชบุ๊คไปแล้วก็กลายเป็นเรื่องขึ้นมา ในส่วนของเฟชบุ๊คที่ลงไปก็มีคนให้กำลังใจเยอะมาก กับเรื่องค่าใช้จ่ายนั้นตอนนั้นก็ออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมดเราก็ไม่ใช้เป็นคนมีเงินมากอะไร"
"กับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ก็อยากที่จะให้เป็นอุทาหรณ์ให้กับครอบครัวอื่นด้วย และอยากที่จะฝากถึงหมอว่าช่วยตรวจให้ละเอียดมากกว่านี้เพราะถ้าการตรวจละเอียดก็จะทำให้ไม่เกิดปัญหาตามมาที่หลังเหมือนกับกรณ๊ของลูกเรา ถ้าเกิดไม่ย้ายโรงพยาบาลลูกเราอาจจะพิการไปเลยก็ได้"
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit