"มันเป็นเรื่องของอารมณ์แบบดูแลริ้วรอยบนใบหน้านะครับ ก็เลยหาผู้เชี่ยวชาญเราจะได้รู้ถึงความปลอดภัยในการทำ วัยเราเนี่ยถ้าไม่ทำตอนนี้จะไปทำตอนไหน ก็ 59 ย่าง 60 ก็โอเคเวลาเล่นละคร เวลาร้องเพลงคนก็บอกว่ายังดูหนุ่มอยู่(ยิ้ม) เราก็มีความสุขใช่ไหม แต่ถ้าเขาบอกว่าทำไมไม่เหมือนเมื่อก่อนเลย เมื่อ 20 ปีก่อน มันก็เรื่องธรรมดาเป็นเรื่องของวันเวลามันผ่านไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องไปแข่งกับเด็กๆ แล้วอีกอย่างหนึ่งบางคนเขาก็บอกเราทำกระแสเรื่องจะทำเพลงด้วยอะไรรึป่าว จริงๆ แล้วจะบอกตรงๆ ว่าถ้าหน้าหล่อแล้วเพลงมันไม่ดียังไงมันก็ไม่ดัง(ยิ้ม) แต่ว่าโอเคเราทำอะไรออกไปให้สื่อให้มวลชนเขาดู เราก็ควรดูแลตัวเอง เดี๋ยวนี้การดูแลตัวเองแม้แต่ผู้หญิงเอง ผู้ชายเขาจะดูแลเหมือนกันหมด เพียงแต่ว่าจะมีคนออกมาพูดคุยมาบอกกล่าวกันรึป่าว อย่างผมเองเนี่ยไหนๆ จะบอกแล้วก็บอกซะทีเดียวเลย วันหลังจะได้ไม่ต้อง เอ๊ะคุณทำรึป่าว มันรู้สึกแบบจะได้ไม่ต้องถาม ให้เห็น ก่อนทำเราก็ได้ศึกษาพอสมควร" ทำไมถึงตัดสินใจทำ เพราะอะไร ?
"ตั้งใจครับ ตั้งใจเมื่อตอนอายุ 50 คิดว่าวันหนึ่งริ้วรอยเราต้องมาแน่ เคยแสดงละคร เคยทำงานเหนื่อยแบบไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย มันทรุดโทรมลงไปมากแล้วเราเห็นริ้วรอยของอนาคต(ยิ้ม) สงสัยว่าวันหนึ่งมันต้องเป็นอย่างนี้ บางทีมันอดหลับอดนอนมาก แล้วบางทีเราไม่สบายมันจะบ่งบอกถึงอายุเรา เราคิดว่าวันหนึ่งนวัฒกรรม เทคโนโลยีต่างๆ ของแพทย์เนี่ย น่าจะมีอะไรดีๆ ที่จะเสริมสร้างความต้องการของเรา" ศึกษาผลดี ผลเสีย มาเป็นอย่างดีแล้ว ?
"มีผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเขาก็เอาก่อนทำ หลังทำมาให้เราดู ซึ่งเราไม่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปบนใบหน้าของเรา จมูกไม่ดืทำ คางไม่ได้ทำ ส่วนที่ทำก็จะเป็นส่วนที่หย่อนคล้อยย้อย รอยตีนกาที่หน้าผาก ก็อาจจะลบตรงนั้ลงไป ทำให้ผิวหน้ากระชับขึ้น" เรียกว่าขึ้นเขียงผ่าเลยได้ไหม ?
"(หัวเราะ)จะเรียกอย่างนั้นผมก็ว่าได้นะ(หัวเราะ) แต่พอเราฟังดูแล้วมันเหมือนหมู(หัวเราะ) แต่ก็โอเคมีผู้เชี่ยวชาญ เขาเรียกโครงการเฟส ออฟ บาย ดร.เซปิง ซึ่งผมได้ดูทีเดล ดูโปรไฟล์ต่างๆ แล้วก้โอเคครับ มั่นใจ เพราะว่าคนไข้ของท่าน ดร. ก็มีเยอะที่จะทำตรงนี้ เลยคิดว่ามันก็ไม่แปลกสำหรับวัยอย่างผม ผมอาจจะเป็นคนเริ่มต้นของคนวัยรุ่นผมเนี่ยที่กล้าเดินเข้ามาทำ ถ้าว่ามันต้องใช้สตางค์ไหมมันก็ต้องใช้ มันก็มีหลายเคส ไม่ใช่ว่าฉันจะทำได้ยังไงมันแพง มันมีหลายเคสลองปรึกษาผู้เชี่ยลชาญดู ปรึกษาหมอดูว่าจะทำตรงนี้มันเท่าไหร่ยังไง แต่ที่แน่นอนที่สุดอย่างน้อยผมก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่อยากให้ทุกคนต้องไปเสียตังก์ต่างประเทศ แพทย์ไทยของเรามีความสามารถ แล้วก็มีดาราต่างประเทศที่ไม่สามารถจะออกนามได้ มีเซเล็บต่างๆ ที่มีชื่อเสียงมาทำกันเยอะ" พรุ่งนี้(12 กพ)จะไปทำแล้ว ทำจุดไหนบ้าง ?
"รวมทั้งหมด 38 จุด ผมบอกไม่ได้เลย เพราะผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ" เน้นบนใบหน้าเป็นหลัก ?
"คือต้องเห็นความเหมาะสมกับตัวเอง สมัยนี้มันทำได้ทุกอย่าง สมมุติว่าเรากรามใหญ่เขาก็สามารถทำให้กรามเล็กได้ โหนกแก้มใหญ่ก็สามารถทำให้ยุบได้ แต่ว่าของผมนี่คือโครงสร้างมันไม่ได้เปลี่ยน แต่ไปกระชับเรื่องของริ้วรอยเท่านั้นเองครับ" ทำให้ดูเด็กลง ?
"สดใสขึ้นดีกว่านะ(ยิ้ม) เด็กก็คงไม่ได้ออกมากิ๊กแต่ว่าให้มันเหมาะสม ลดลงไปสัก 20 ปี หรือ 15 ปี นี่ก็โอเคแฮปปี้แล้ว" เตรียมความพร้อมยังไง ?
"ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเลย เพียงแต่ว่าเมื่อไหร่จะถึงพรุ่งนี้(ยิ้ม) ปกติแล้วถ้าเราจะต้องรองเพลงวันแรกของชีวิต หรือเล่นละครวันแรกของตัวเราเองเนี่ย อาจจะตื่นเต้น แต่อันนี้ไม่ได้รู้สึกว่าตื่นเต้นเลยสบายๆ โอเคพรุ่งนี้อาจจะดูแลร่างกายให้ดี พักผ่อนให้ร่างกายให้สมบูรณ์" พรุ่งนี้เข้าห้องผ่าตัดกี่โมง ?
"เตรียมพร้อมประมาณ 14.00 น. ถ้าเข้าห้องผ่าตัดจริงๆ ก็น่าจะเริ่มประมาณ 16.00 น." เตรียมใจไว้บ้างไหม ผลอาจจะดี หรือไม่ดี
"ไม่ซีเรียสเลย มั่นใจ แล้วก็บังเอิญว่าตัวเองไม่ได้เป็นเบาหวาน แล้วสุขภาพร่างกายตัวเองก็เชคอัพอยู่ทุกๆ 6 เดือน" ครอบครัวว่าไงบ้าง ?
"ยิ้มแย้มแจ่มใส เมื่อเช้าเจอกันเฮฮาน่าดูเลย โอ้ยพ่อผมรับโทรศัพท์ไม่ไหว เพื่อนโทรมา(ยิ้ม) บางทีลูกยังไม่รู้ แต่ตอนนี้รู่แล้ว ไปงานด้วยกันมา เม้าท์กันน่าดูเลย คือทุกคนก็อยากจะดู อยากจะเห็นว่ามันออกมาแล้วจะเป็นยังไง ลูกเราก็สนใจด้วยเพราะว่าวันหนึ่งเขาก็จะต้องวิ่งมาถึงเรา มันไม่ต่างกันแน่ แล้วจริงๆ ผมก็ไม่คิดว่ามันจะมีข่าวมากมายขนาดนี้" ครอบครัวไปด้วยไหมพรุ่งนี้ ?
"ได้แค่ส่งหน้าห้อง(ยิ้ม)"
ติดตามบทสัมภาษณ์เต็มๆ ได้ในรายการ "จุดเดือด" ได้ทาง "ช่อง 2" บันเทิงมาเต็ม (หมายเลข 38) ทุกวันจันทร์-อาทิตย์เวลา 9.30/16.00/19.30 น. และติดตามความเคลื่อนไหวทั้งหมดได้ที่ www.facebook.com/thaich2
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit