หลังจากเปิดงานคณะวิจัยจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นำโดย ดร.เณศรา สุขพาณิช ได้อภิปรายว่าในปัจจุบันที่มาตรการทางด้านภาษีได้เริ่มหมดไปจากข้อตกลงร่วมกันระหว่างประเทศที่กำหนดให้ไม่ให้มีการเก็บภาษีนำเข้า แต่ทว่าแต่ละประเทศกลับมีมาตรการในการกีดกันสินค้าจากต่างประเทศซึ่งไม่ใช่ภาษีหรือ NTMs ซึ่งมาตรการเหล่านี้ได้ส่งผลต่อสินค้าต่างๆ อาทิเช่น ข้าว ผลไม้ ปศุสัตว์ และประมง ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของประเทศไทย ทั้งนี้ประเทศต่างๆ จะมีข้อกำหนดที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยส่วนมากจะอ้างอิงถึงความปลอดภัยด้านอาหารและความกังวลเรื่องโรคติดต่อ ก่อให้เกิดต้นทุนที่เพิ่มขึ้นหากเอกชนต้องการส่งออกสินค้าไปยังประเทศนั้นๆ นอกจากนี้ประเทศไทยกลับไม่ได้ใช้มาตรการทั้งหมด ที่กล่าวมาล้วนทำให้สินค้าของประเทศไทยได้รับโรคติดต่อจากต่างประเทศ จึงทำให้สินค้าจากประเทศไทยส่งออกไปยังประเทศอื่นได้ยาก มีเพียงสินค้าจำพวกประมงเท่านั้นที่ไม่ค่อยประสบกับปัญหาดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามสินค้าประมงกลับพบกับข้อกำหนดแปลกๆ ที่กล่าวได้ว่าไม่สมเหตุสมผล
นางสาวลัดดาวัลย์ ศัลยกะลิน นักวิชาการพาณิชย์ชำนาญการ กรมการค้าต่างประเทศได้อภิปรายถึงแนวทางในการรับมือกับมาตรการการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีหรือ NTMs โดยเรียกวิธีการนี้ว่า 4 ต. คือ 1. ติดตามมาตรการการกีดกันที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา 2. เติมเต็มความต้องการของประเทศคู่ค้า 3. เตรียมพร้อมรองรับความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา 4. ต่อยอดมาตรฐานให้สูงขึ้นตลอดเวลา เพื่อสามารถรองรับความเปลี่ยนแปลงของมาตรการการกีดกันที่เกิดขึ้นตลอดเวลาได้ นอกจากนี้และรัฐบาลยังจำเป็น ที่จะต้องให้การสนับสนุนทั้งข้อมูลและการประชาสัมพันธ์แก่ต่างประเทศให้สินค้าของประเทศไทยเป็นที่ยอมรับ
รศ.สมพร อิศวิลานนท์ นักวิชาการอาวุโส สถาบันคลังสมองของชาติได้อภิปรายว่าการพัฒนาคุณภาพสินค้าจะเป็นกุญแจสำคัญในการก้าวข้ามมาตรการกีดกันของต่างประเทศ โดยเชื่อว่าทุกฝ่ายทั้งเอกชน หน่วยธุรกิจ รัฐบาลและสังคมจะต้องร่วมมือกันในการพัฒนาคุณภาพสินค้า อีกทั้งยังกล่าวถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยโดยยกตัวอย่างจากมหาวิทยาลัยต่างประเทศที่ได้ทำการวิจัยและนำความรู้ที่ได้ไปช่วยพัฒนาคุณภาพสินค้าให้แก่ชุมชน
ดร.เณศรา สุขพาณิช ได้อภิปรายว่าเอกชนจำเป็นที่จะต้องสร้างมาตรฐานของตัวเองให้สูงขึ้น สร้างเครือข่ายเพื่อความรวดเร็วในการทำงาน ศึกษาตลาดทำให้สามารถผลิตสินค้าได้ตรงต่อความต้องการ และเพิ่มความปลอดภัยในอาหารเพื่อเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยของอาหารที่ผลิตภายในประเทศ