ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ กล่าวว่า โครงการฟู้ดอินโนโพลิส เป็นหนึ่งในซุปเปอร์คลัสเตอร์ที่รัฐบาลกำลังขับเคลื่อนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งในเฟสแรก ณ วันนี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ได้จัดเตรียมพื้นที่กว่า 20,000 ตารางเมตร ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี ซึ่งล้อมรอบหน่วยวิจัยและมหาวิทยาลัยด้วย พร้อมกับโครงสร้างพื้นฐานสนับสนุนนวัตกรรมสำหรับเอกชน อีกทั้งยังได้ระบุสาขาเป้าหมายแล้ว อาทิ อาหารฟังก์ชั่นและสุขภาพ อาหารคุณภาพที่มีมูลค่าเพิ่ม การสนับสนุนธุรกิจสำหรับนวัตกรรมอาหาร เป็นต้น รวมถึงการเตรียมสิทธิประโยชน์เมื่อเข้าร่วมโครงการ เช่น การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล และยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้เชี่ยวชาญชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ
ที่ประชุมรู้สึกพอใจกับความคืบหน้าของโครงการ และได้ให้ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ อาทิ รูปแบบความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน โครงสร้างการบริหารจัดการ เกณฑ์การพิจารณาและขั้นตอนการขอรับสิทธิประโยชน์ กลยุทธ์การดึงบริษัททำวิจัยต่างประเทศเข้ามาในฟู้ดอินโนโพลิสเพื่อเป็นแม่เหล็กให้เอกชนรายอื่นเข้ามาร่วมทำวิจัยและนวัตกรรมมากขึ้น ฯลฯ รวมถึงแนวทางการขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการผลักดันให้ฟู้ดอินโนโพลิสเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารของภูมิภาคอย่างแท้จริง โดยโครงการฟู้ดอินโนโพลิสจะเป็นพื้นที่พิเศษที่ปลดล็อคข้อจำกัดการเข้าถึงสิทธิประโยชน์และมาตรการอำนวยความสะดวกของภาครัฐให้สนับสนุนการวิจัย พัฒนาและนวัตกรรมของภาคเอกชน
"ที่ประชุมได้เห็นร่วมกันว่า จะจัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาจากภาคเอกชน เพื่อมาพิจารณาโมเดลธุรกิจที่เหมาะสม และให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯโดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ทำงานร่วมกับสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) อย่างใกล้ชิด รวมถึงเร่งจัดทำแผนการสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับผู้ที่มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการฟู้ดอินโนโพลิส ให้แล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้" รมว.วิทยาศาสตร์ กล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit