นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ประเทศไทย เผยว่า"เป้าหมายหลักที่สำคัญของแบรนด์คนอร์คือ การส่งต่อที่สุดของรสชาติอาหารอันแสนอร่อยให้กับทุกมื้ออาหารและทุกครอบครัว เหมือนกับรสชาติอาหารที่ปรุงเองที่บ้านหรืออาหารฝีมือแม่ที่เราทุกคนต่างติดใจไม่เคยลืม แต่ด้วยไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้คนยุคใหม่กินข้าวที่บ้านกันน้อยลงและมองว่าการทำอาหารนั้นเป็นเรื่องยาก เราจึงได้สร้างสรรค์แคมเปญ "Flavour of Home: อาหารคือหลักฐานของความรัก" ขึ้นเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยได้หันมาใส่ใจและเห็นคุณค่าของการปรุงอาหารเองที่บ้าน พร้อมส่งต่อรสชาติอาหารแสนอร่อยที่เป็นหลักฐานของความรักของแม่สู่ลูกต่อไป
โดยคนอร์ได้สร้างสรรค์อีโมชันนัลวิดีโอ "เมื่อปิ่นโตออกเดินทาง" ขึ้นเพื่อถ่ายทอดแนวคิดของแคมเปญผ่านเรื่องราวของแม่ลูก 3 คู่ ที่แม้ต้องอยู่ไกลกัน แต่ความห่างไกลก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการแสดงออกความรักผ่านอาหารฝีมือแม่ โดยมีปิ่นโตเป็นสื่อกลางนำอาหารอร่อยและความรักของแม่ไปสู่ลูก ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาดด้วยยอดชมวิดีโอรวมกว่า 8 ล้านครั้ง ก่อให้เกิดกระแสในโซเชียลมีเดียที่ทุกคนต่างหวนระลึกถึงความทรงจำ ความรัก และความผูกพันของแม่และตนเอง และอยากจะกลับบ้านไปกินอาหารฝีมือแม่ที่อร่อยที่สุดในโลก รวมทั้งสร้างแรงบันดาลใจให้คุณแม่อยากเข้าครัวปรุงอาหารแสนอร่อยให้ทุกคนในครอบครัวอย่างต่อเนื่อง จนเกิดการแชร์วิดีโอต่ออีกมากมาย ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่สมาคมการตลาดมอบ รางวัลสุดยอดแคมเปญการตลาดแห่งปี MAT Award 2015 ประเภท Gold Award ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งรางวัลแห่งความสำเร็จและความภาคภูมิใจของแบรนด์คนอร์"
กุญแจสำคัญที่ทำให้แคมเปญ "Flavour of Home: อาหารคือหลักฐานของความรัก" ของแบรนด์คนอร์นั้นประสบความสำเร็จและมีความแตกต่างจากแคมเปญอื่นๆ ประกอบด้วย 2 ส่วนได้แก่ 1) การให้ความสำคัญกับการกำหนดวัตถุประสงค์ของแบรนด์ที่ชัดเจน ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของการสร้างสรรค์แคมเปญ ด้วยแนวคิดใน การส่งต่อที่สุดของรสชาติอาหารอันแสนอร่อยให้กับทุกมื้ออาหารและทุกครอบครัว เหมือนกับรสชาติอาหารที่ปรุงเองที่บ้าน ที่ต่อยอดมาจากอินไซต์ของกลุ่มเป้าหมายในเรื่องของรสชาติอาหารที่ปรุงเองที่บ้านอันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ ทั้งยังเชื่อมโยงเรื่องของความทรงจำ ความรักและความผูกพันของแม่และลูกที่ส่งต่อผ่านทางรสชาติอาหารฝีมือ และ 2) การสร้างความสมดุลระหว่างการสร้างอารมณ์ร่วมของผู้ชมไวรัลวิดีโอและสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ในฐานะของผู้เชี่ยวชาญด้านรสชาติอาหารให้แข็งแกร่ง ทำให้เหล่าคุณแม่เกิดแรงบันดาลใจและไว้วางใจในแบรนด์คนอร์ในฐานะผู้ช่วยในการปรุงอาหารแสนอร่อยให้กับทุกคนในครอบครัว ซึ่งส่งผลให้แบรนด์คนอร์มียอดขายเพิ่มขึ้นในช่วงแคมเปญดังกล่าวอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังสร้างกระแสการรับรู้ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยการใช้สัญลักษณ์ปิ่นโตผ่านช่องทางการรับรู้ต่างๆ ทั้งทางสื่อประชาสัมพันธ์ สื่อในร้านค้า สื่อ ณ จุดขาย และโปรโมชั่นต่างๆ รวมทั้งการต่อยอดแคมเปญไปยังแพลทฟอร์มอื่นๆ อาทิ แอพพลิเคชั่นไลน์ ด้วยการเชิญชวนให้กลุ่มเป้าหมายได้ปรุงอาหารที่บ้านด้วยตัวเองผ่านสูตรอาหารและเคล็ดลับความอร่อยต่างๆ ที่ทางคนอร์แนะนำ ทั้งยังจับมือกับกลุ่มปิ่นโตข้าวเพื่อส่งต่อหลักฐานของความรักผ่านการบริจาคข้าวออร์แกนิคให้เด็กๆ มูลนิธิชัยพฤกษ์ได้กินฟรีตลอดปี ซึ่งเงินบริจาคทั้งหมดมาจากรายได้การขายอาหารที่ทำจากผลิตภัณฑ์คนอร์ และการแชร์โพสต์ของคนไทยทั่วประเทศผ่านเฟซบุ๊กและไลน์ KnorrThailand
"แบรนด์คนอร์ ภูมิใจที่ได้มีส่วนสำคัญในการปลุกกระแสให้คนไทยเห็นความสำคัญของการปรุงอาหารเองที่บ้าน และส่งต่อรสชาติอาหารอันแสนอร่อยเหมือนกับรสอาหารฝีมือคุณแม่ที่เราทุกคนไม่เคยลืมผ่านแคมเปญ "Flavour of Home: อาหารคือหลักฐานของความรัก" ซึ่งในปีนี้ แบรนด์คนอร์ก็เตรียมสร้างสรรค์ดิจิตอลแคมเปญต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกคนมีความสุขกับรสชาติอาหารแสนอร่อยที่ปรุงเองได้ที่บ้าน เหมือนฝีมือของแม่" นางสุพัตรากล่าวทิ้งท้าย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit