"เชนการ์ด ได้เข้าสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยง ด้วยความเชี่ยวชาญในด้านเคมีภัณฑ์ของบริษัทมาตั้งแต่ปี 2539 และด้วยวิสัยทัศน์ที่เล็งเห็นถึงแนวโน้มการเติบโตในอุตสาหกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากพฤติกรรมของคนในปัจจุบันนี้หันมานิยมเลี้ยงสุนัขเป็นเสมือนหนึ่งสมาชิกในครอบครัว เป็นเพื่อนคู่กาย ส่งผลให้ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงเติบโตอย่างเป็นล่ำเป็นสันต่อเนื่องทุกปี แถมยังมีสินค้าและบริการที่เกี่ยวเนื่องตามมาอีกมากมาย โดยมูลค่าการเติบโตของสินค้าและบริการตลาดสัตว์เลี้ยงในประเทศไทย มีอัตราการเจริญเติบโต 30% โดยมีธุรกิจเกี่ยวกับอาหารสัตว์ 10,000 ล้านบาท ธุรกิจด้านบริการ 7,000 ล้านบาท และ ผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยง เช่น แชมพูสุนัข เสื้อผ้า ของเล่นและของใช้ 5,000 ล้านบาท และยังคงคาดการณ์ว่า ตลาดสัตว์เลี้ยงจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งพฤติกรรมของคนเลี้ยงสัตว์ก็เปลี่ยนไป มีการใส่ใจเรื่องสุขอนามัยและจิตใจของสัตว์เลี้ยงมากยิ่งขึ้น
"ผลิตภัณฑ์ เชนการ์ด ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมตั้งแต่ลูกสุนัข ไปจนถึงสุนัขโต และใช้ได้ดีทั้งกับสุนัขตั้งแต่พันธุ์เล็กถึงพันธุ์ใหญ่ เพื่อให้ผู้รักสุนัขสามารถเลือกใช้ได้ตามปัญหาของสุนัข โดยแบ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ป้องกันและกำจัดเห็บหมัดและกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและขนของสุนัข ประกอบด้วยแชมพูที่ขายดีที่สุดของเชนการ์ด, แป้งโรยตัว, และกลุ่มสเปรย์สำหรับสุนัขล่าสุดเชนการ์ดได้พัฒนาสูตรใหม่แชมพูที่สกัดจากพืชธรรมชาติ "เชนการ์ด เฮอร์เบิล เอ็กซ์พีเรียนซ์" ที่มี 3 สูตรได้แก่ สูตรผิวแพ้ง่าย สูตรอ่อนโยนสำหรับลูกสุนัข และสูตรบำรุงขนเป็นพิเศษ
ชูกลยุทธ์ Music Marketing ปล่อยบิ๊กแคมเปญ ทั้ง Offline และ Online โดยมีพี่ปุ๊-อัญชลี เป็น Brand Presenterเชนการ์ด เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์แชมพูสุนัขระดับ Mainstream ที่ช่วยดูแลสุนัขอย่างดีเหมือนดูแลคนในครอบครัวคุณด้วยผลิตภัณฑ์กำจัดเห็บหมัดที่มีประสิทธิภาพสูง และทำความสะอาดขนและผิวหนังอย่างอ่อนโยน ทั้งยังป้องกันเห็บหมัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้สุนัขสบายตัว เจ้าของสบายใจ นับเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการสร้างแบรนด์ให้เกิดการจดจำและรับรู้อย่างกว้างขวาง
จากกระแสและพฤติกรรมผู้บริโภคที่รักและเอาใจใส่สุนัขที่เป็นเสมือนหนึ่งสมาชิกในครอบครัว พร้อมทั้งการเติบโตในตลาดผลิตภัณฑ์สุนัขอย่างโดดเด่น เชอร์วู้ด เคมิคอล จึงได้ชู Music Marketing เป็น กลยุทธ์บุกตลาดผลิตภัณฑ์สุนัขของปี 2559 นี้ ทำบิ๊กแคมเปญภายใต้แนวคิด "รักไม่เคยน้อยลง" โดยเป็นแคมเปญชุดใหญ่ ประกอบด้วยแคมเปญทั้ง Below the line และ Above the line เน้นกิจกรรมทั้งบน Offline และ Online ครบสูตรเป็นครั้งแรก ประกอบด้วยการมี Brand Presenter ที่มีภาพลักษณ์เป็นคนรักสุนัขอย่างแท้จริง และเป็นตัวแทนของเพลงรัก โดยผู้ที่เหมาะสมที่สุด คือ พี่ปุ๊ – อัญชลี จงคดีกิจ
สำหรับการจัดสร้างภาพยนตร์โฆษณา และความพิถีพิถันในการคัดเลือกพรีเซนเตอร์ ว่า "บริษัทเจาะจงเลือก พี่ปุ๊ อัญชลี จงคดีกิจ มาเป็นพรีเซนเตอร์ ในภาพยนตร์โฆษณาชุด "รักไม่เคยน้อยลง" ซึ่งสร้างสรรค์ภายใต้แนวคิดที่ว่า ความผูกพันและความเข้าใจที่ลึกซึ้งที่มีให้แก่กันและกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะทะเลาะ จะโกรธ จะสุข จะทุกข์ ความรัก ความภักดี ก็ไม่มีเปลี่ยนแปลง จึงเป็นที่มาของแคมเปญ "รักไม่เคยน้อยลง" ประกอบกับ พี่ปุ๊ อัญชลี จงคดีกิจ เป็นคนรักสุนัข สามารถเป็นตัวแทนสื่อความหมายของความรักของสุนัขและเจ้าของ ผ่านบทเพลง "รักไม่เคยน้อยลง" ได้อย่างลึกซึ้งกินใจ โดยภาพยนตร์โฆษณาชุด "รักไม่เคยน้อยลง" นี้มีความยาว 30 วินาที และ 15 วินาที จะเริ่มทำการออกอากาศในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป
โดยเพลง "รักไม่เคยน้อยลง" ทางบริษัทเชอร์วู้ดฯ ตั้งใจแต่งและผลิตเพลงนี้ ให้เป็นเพลงของทุกๆ คน เพื่อเป็นสื่อของความรัก ความเข้าใจ ให้ทุกคนได้มีเพลงเพราะๆ ไปใช้ในการแสดงออกถึงความรักในโอกาสต่างๆ ที่เหมาะสม โดยไม่คิดค่าลิขสิทธิ์ ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดไปใช้ได้ฟรีได้ที่ www.sherwoodshop.com/chaingard
สำหรับสินค้าแบรนด์ เชนการ์ด นี้ จับกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นคนรักสุนัข เลี้ยงสุนัขเองที่บ้าน เป็นผู้เลือกซื้อแชมพูเอง และชอบการอาบน้ำให้สุนัขด้วยตัวเอง ตลอดจนร้านที่ให้บริการดูแลสุนัขทั้งนี้ สินค้าแบรนด์ เชนการ์ด ได้ทำการวางจำหน่ายผ่านช่องทาง ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำและโมเดิร์น เทรด อาทิ 7-11, ท็อปส์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต, เอ็ม เอ็ม เมก้ามาร์เก็ต, วิลล่ามาร์เก็ต, ฟู้ดแลนด์, โฮมเฟรชมาร์ท, กูร์เมต์มาร์เก็ต, เทสโก้โลตัส, บิ๊กซี, ตั้งฮั่วเส็ง, แม็คโคร, ซีเจเอ็กซ์เพรส เป็นต้น โดยตั้งเป้าเติบโต 30% ในปี 2559 โดยพร้อมกันนี้ได้มีการจัดทำกิจกรรมขบวนเชนการ์ดตามตลาดนัดที่มีกลุ่มเป้าหมายอยู่ อาทิ ตลาดนัดสวนจตุจักรและตลาดนัดสนามหลวง 2 เป็นต้น
เชอร์วู้ดฯ มั่นใจในคุณภาพและจุดเด่นของสินค้าแบรนด์เชนการ์ด ที่ได้รับความเชื่อถือ ไว้วางใจจากผู้รักสุนัขมาโดยตลอด และมั่นใจถึงแนวโน้มการเติบโตของตลาด ซึ่งยืนยันได้จากข้อมูลของสมาคมผู้ค้าเวชภัณฑ์สัตว์ในประเทศไทยระบุว่า ประเทศไทยมีแมวและสุนัขรวมกันประมาณ 9 ล้านตัว คิดเป็นสัดส่วน สุนัข 65 % แมว 19 % และสัตว์เลี้ยงอื่นๆ 16 % จึงเป็นตลาดที่น่าเข้ามาจับจองอย่างยิ่ง โดยแนวโน้มของธุรกิจด้านสัตว์เลี้ยงนี้ยังคงเติบโตต่อเนื่อง และจะมีสีสัน ความเข้มข้น ความหลากหลายสินค้าและบริการมากขึ้น" นายประวิทย์ กล่าวปิดท้าย
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit