ตามที่กรมศุลกากรได้มุ่งเน้นนโยบายสำคัญในการเร่งรัดปราบปรามสินค้าลักลอบและหลีกเลี่ยงอากร ของต้องห้ามและต้องกำกัด เพื่อความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษี ปกป้องสังคม และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร จึงได้สั่งการให้นายจำเริญ โพธิยอด รองอธิบดี รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี นายวรวุฒิ วิบูลย์ศิริชัย ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและปราบปราม และนายนิมิตร แสงอำไพ ผู้อำนวยการส่วนสืบสวนปราบปราม 2 เข้มงวดเป็นพิเศษในการสกัดกั้นป้องกันและปราบปราม
ต่อมาเมื่อเวลา 12.45 น. ของวันพฤหัสบดี ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2559 นายนิมิตร แสงอำไพ ผู้อำนวยการส่วนสืบสวนปราบปราม 2 สามารถจับกุมเรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำ คือ เรือโชคนฤพนธ์ สัญชาติไทย ขนาดความยาว 24 เมตร ความกว้าง 4 เมตร มีนายสำรวย รสชื่น เป็นผู้ควบคุมเรือ และลูกเรืออีกจำนวน 2 คน และเรือโชคธนะชัย สัญชาติไทย ขนาดความยาว 24 เมตร ความกว้าง 4 เมตร มีนายสมชาย แหวนมณี เป็น
ผู้ควบคุมเรือ และลูกเรืออีกจำนวน 3 คน โดยเรือทั้ง 2 ลำ บรรทุกน้ำมันดีเซลลักลอบหนีศุลกากร จำนวน 80,000 ลิตร และ 100,000 ลิตร ตามลำดับ รวมทั้งสิ้น 18๐,๐๐๐ ลิตร มูลค่าประมาณ 3,6๐๐,๐๐๐ บาท มูลค่าของกลางรวมมูลค่าเรือทั้งสิ้น 10 ล้านบาท จุดจับกุมบริเวณ Latitude 11.36.350N Longitude 102.04.238E ห่างจากเกาะกูดไปทางทิศตะวันตก 22 ไมล์ทะเล ซึ่งอยู่ในเขตทะเลต่อเนื่องแห่งราชอาณาจักรไทย
เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมายศุลกากรฐานลักลอบนำสินค้าน้ำมันดีเซล หรือรับซื้อ หรือรับไว้ด้วยประการใด ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่เสียภาษี ของต้องห้าม ต้องกำกัด หรือของที่ไม่ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง อันเป็นความผิดตาม ตามมาตรา ๒๗, ๒๗ทวิ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.๒๔๖๙ ประกอบกับมาตรา ๑๖, ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ๙) พ.ศ.๒๔๘๒ จึงได้ยึดน้ำมันดีเซลและเรือประมงดัดแปลงบรรทุกน้ำมันเป็นของกลาง พร้อมจับกุมตัวผู้ต้องหาซึ่งเป็นลูกเรือทั้ง 5 คน นำส่งกรมศุลกากรเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit