เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ที่ผ่านมา ประเทศในอาเซียน 10 ประเทศได้รวมตัวกันเป็น "ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน" หรือ เออีซี ที่มีประชากรรวมถึง 600 ล้านคน และผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) มูลค่า 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ที่กลายมาเป็นตลาดเดียวระดับภูมิภาครองรับการไหลเวียนของสินค้า บริการ การลงทุน แรงงานฝีมือ และเงินทุนหมุนเวียนต่างๆ ได้อย่างเสรีและเป็นแหล่งดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลก
ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศไทยใหญ่เป็นอันดับสองในอาเซียนรองจากอินโดนิเซีย แต่ก็เป็นเรื่องน่าห่วงที่คนไทยจำนวนไม่น้อยเลยที่ไม่เข้าใจโอกาสและความท้าทายที่มากับเออีซี สำหรับประเทศไทยแล้ว นอกจากขนาดเศรษฐกิจ ภูมิศาสตร์ที่ตั้งของประเทศยังเป็นศูนย์กลางเส้นทางเศรษฐกิจสายเอเซียนตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor) ที่ครอบคลุมเวียตนามถึงเมียนมาร์ เป็นความได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์การค้า หนุนให้มีสถานภาพเป็นสมาชิกหลักของเออีซีได้เลยทีเดียว หากแรงงานมีความรู้และเท่าทันที่จะปรับตัวรับโอกาสอย่างเหมาะสม
ความหมายต่อธุรกิจ
สภาพตลาดของเออีซี คือ ตลาดเดียวและมีฐานการผลิตร่วมกันระดับภูมิภาค ที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบ และสิทธิประโยชน์จากค่าใช้จ่ายการผลิตที่ต่ำลง อย่างไรก็ตาม จะมีอัตราการแข่งขันสูงขึ้น ธุรกิจที่ไม่สามารถชิงความได้เปรียบของสถานการณ์ก็จะล้าหลัง ต้องนั่งมองคู่แข่งที่รู้จักประยุกต์ใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีกับธุรกิจรักษาฐานการเติบโตธุรกิจแซงหน้าไป
ตัวอย่าง ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์จากไทย-เยอรมันที่มีมูลค่าการลงทุน 1.2 พันล้านบาทเพื่อพัฒนาโรงงานขนาดสองหมื่นตารางเมตร ติดตั้งหุ่นยนต์ช่วยงาน เพื่อให้รับกับการสร้างโอกาสจากตลาดเกิดใหม่ที่เป็นผลจากความร่วมมือระดับภูมิภาคอาเซียน การลงทุนกับหุ่นยนต์ใช้งานไม่เพียงแต่เป็นองค์ประกอบหลักของกลยุทธ์การเติบโตธุรกิจเท่านั้น แต่เป็นการยกความสามารถในการผลิตและศักยภาพของแรงงาน หุ่นยนต์สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุด ดังนั้นจึงรองรับปริมาณความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้ แม้ในรูปแบบการผลิต High Mix Low Volume คือ เน้นสินค้าในเชิงคุณภาพความหลากหลายมากกว่าปริมาณก็ตาม
ในสภาวการณ์เช่นนี้ เจ้าของธุรกิจต้องก้าวให้ทันพัฒนาการใหม่ๆ ในประเทศ และภูมิภาค เพื่อก้าวผ่านการแข่งขันธุรกิจที่ดุเดือดนี้ไปให้ได้ เออีซีจะกลายเป็นสนามแข่งที่ทุกธุรกิจ ทุกบริษัทจะลงแข่งอย่างเท่าเทียม และสร้างโอกาสการขยายตัวและนวัตกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโอกาสสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (SMEs) ที่เมื่อแข่งกับบริษัทขนาดใหญ่แล้วมักมีสายป่านทางการเงินต่ำกว่ามากความหมายต่อบุคคล
มีรายงานการสำรวจว่าเออีซีจะสามารถสร้างตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นได้ถึง 14 ล้านตำแหน่งภายในปี พ.ศ. 2586 หมายความว่าจะมีโอกาสในการเติบโตมากขึ้นแม้ในอุณหภูมิการแข่งขันสูงเช่นนี้ เน้นการอัพเกรดทักษะฝีมืออย่างต่อเนื่อง สำหรับประเทศไทย ประเด็นสำคัญคือการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษที่ภาครัฐได้พยายามหาทางในการปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น
ส่วนของการเขียนโปรแกรมหุ่นยนต์ หรือการเข้าการฝึกอบรมหรือเรียนรู้การแก้ปัญหาขั้นต้นเกี่ยวกับหุ่นยนต์ที่จำเป็นนั้น ความรู้เบื้องต้นทางภาษาอังกฤษถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยลดการเสียเวลาได้ แต่ก็ยังดีที่ว่า หุ่นยนต์ที่ทำงานร่วมกับมนุษย์ได้ ในยุคปัจจุบัน มีความคล่องตัวและเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานมาก ผู้ปฏิบัติงานสามารถเรียนรู้การใช้งานได้โดยง่าย ลดปัญหาจากความไม่เข้าใจภาษาลงได้ ยิ่งไปกว่านั้น การที่มนุษย์และหุ่นยนต์สามารถทำงานอยู่ข้างกันในที่จำกัดได้เป็นประจำทุกวัน ช่วยบ่มเพาะความคุ้นเคยและความเชือมั่นต่อการใช้หุ่นยนต์ และยังยกระดับความสามารถของแรงงานขององค์กรได้อีกด้วย
วิทยาการด้านหุ่นยนต์คือกุญแจหลัก
ประเทศไทยเป็นแหล่งตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่ และเป็นผู้เล่นแถวหน้าในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ของภูมิภาคนี้ ซึ่งจัดเป็นองค์ประกอบหลักสองประการที่ดึงดูดนักลงทุนเข้ามาในประเทศ และการมีฐานแรงงานที่มีความคล่องตัว มีประสบการณ์และศักยภาพในการทำงานด้วยเทคโนโลยีทันสมัย เช่น หุ่นยนต์ที่สามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้ ก็จะถือเป็นองค์ประกอบที่สาม เออีซีได้เปิดเวทีการทดลองตลาดเชิงกลยุทธ์และการขยายธุรกิจ แต่ที่สำคัญที่สุดของการยกระดับทักษะศักยภาพก็ยังอยู่ในมือขององค์กรธุรกิจและพนักงานนั่นเอง
สำหรับผู้ผลิตวงการยานยนต์ที่ใช้หุ่นยนต์ที่ทำงานร่วมกับมนุษย์ในสายการผลิตนั้นจะได้รับประโยชน์สองต่อ ต่อที่หนึ่ง บริษัทมีความยืดหยุ่นคล่องตัวในกระบวนการผลิตเนื่องจากผลกระทบจากหุ่นยนต์มีเพียงน้อยนิด และต่อที่สอง สร้างโอกาสให้แก่พนักงานในการเติบโตด้วยความรู้และความเชี่ยวชาญ
ดังที่ได้กล่าวไปแล้วเมื่อตอนต้น ประเทศไทยมีศักยภาพพร้อมที่จะเล่นบทบาทตัวเชื่อมสำคัญของเออีซี ดังนั้น ผู้ที่เป็นเจ้าของธุรกิจจะต้องจดจำไว้เสมอว่าตนมีความรับผิดชอบในการชี้นำ พัฒนาพนักงานกลุ่มแรงงานของตน ด้วยการวางนโยบายธุรกิจระยะยาวที่นำเอาเทคโนโลยีมาเป็นตัวเสริม เช่น หุ่นยนต์ที่สามารถร่วมกับมนุษย์ได้นั้น จะเป็นปัจจัยสำคัญที่กลายมาเป็นตัวดึงดูดแรงงงานฝีมือ รวมทั้งนักลงทุน
เกี่ยวกับยูนิเวอร์แซล โรบอทส์
ยูนิเวอร์แซล โรบอทส์เป็นผลแห่งความสำเร็จในการวิจัยค้นคว้าด้านหุ่นยนต์อย่างหนักหน่วงติดต่อกันหลายปี ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของบริษัทประกอบด้วย หุ่นยนต์ทำงานร่วมกับมนุษย์ UR3 UR5 และ UR10 หุ่นยนต์แขนกลเหล่านี้ตั้งชื่อรุ่นตามน้ำหนักที่รับในหน่วยกิโลกรัม
ตั้งแต่ UR ตัวแรกก้าวเข้าสู่ตลาดเมื่อเดือนธันวาคมปี พ.ศ. 2551 บริษัทก็ได้เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง และสามารถทำตลาดได้ในประเทศต่างๆ มากกว่า 50 ประเทศทั่วโลกที่ให้ความสนใจในการนำหุ่นยนต์มาใช้งาน ระยะเวลาในการคืนทุนโดยเฉลี่ยสำหรับหุ่นยนต์ UR นี้เพียง 195 วันเท่านั้นถือเป็นอัตราที่เร็วที่สุดในอุตสาหกรรม บริษัทยูนิเวอร์แซล โรบอทส์มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองโอเดนส์ ประเทศเดนมาร์ก พร้อมด้วยงานพัฒนาวิจัยและผลิต เป้าหมายการจำหน่ายทั่วโลกอยู่ที่ การเติบโตยอดรายได้เท่าตัวทุกปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 ถึง พ.ศ. 2560 สนใจเยี่ยมชมเว็บไซต์ ได้ที่ www.universal-robots.com
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit