บอกได้ล้วนๆเลยครับว่าพรหมลิขิตเลย คนสองคนจากสถานที่ที่ต่างกันมาเจอกัน ได้คุยกันและถูกคอกันจนได้มาร่วมงานด้วยกัน ผมไม่ได้ไปเคสและพี่ผู้กำกับก็ไม่ได้ประกาศรับสมัครนักแสดงแต่เราบังเอิญได้มาเจอกันเพราะพี่เขาเห็นผมจากรูปถ่ายจากเมื่อตอนที่ผมยังอยู่ในวงการแล้วพี่เขาก็อยากรู้จักเลยติดต่อมา พอได้เจอกันตัวจริง พูดคุยกันก็เริ่มถูกคอกัน อาจจะเป็นเพราะผมมีนิสัยคล้ายตัวละครที่พี่เขากำลังจะเขียนอยู่ พี่เขาเลยเลือกผมให้มาร่วมงานด้วยกันหลังจากเดอะสตาร์ เส้นทางชีวิตเป็นอย่างไร ช่วยเล่าให้เราฟังหน่อย?
ตอนที่ผมประกวดเดอะสตาร์ ตอนนั้นอายุได้ 15 ปี อยู่ม.3 กำลังจะขึ้นม.4 พอหลังการประกวดก็ขึ้นม.4 ช่วงนั้นผมๆม่ค่อยได้รับงานเลย หายไปจากวงการเลยก็ว่าได้ เพราะตอนนั้นเป็นช่วงเตรียมสอบ แต่ตอนนี้ผมก็ได้เข้าเรียนในคณะที่ชอบแล้วถึงแม้ว่าการเรียนจะยากมากกว่าเดิมแต่ผมก็คิดว่าเราก็โตขึ้นมากแล้วถ้าเราแบ่งเวลาดีๆก็น่าจะทำสิ่งที่เราชอบทั้งสองอย่างไปพร้อมๆกันได้บวกกับช่วงเวลานั้นได้มาเจอกับพี่แบงค์พอดีก็เลยได้มาร่วมงานกันในหนังเรื่อง The Promise นี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกหรือไม่ แล้วรู้สึกอย่างไรที่ได้มารับบทนำในภาพยนตร์เรื่องนี้ ?
ถ้าถามว่าเป็นภาพยนต์เรื่องแรกที่เคยเล่นไหมก็คงตอบได้ว่าไม่ใช่ เพราะตอนเด็กๆเคยได้ร่วมเล่นเป็นตัวประกอบวิ่งตัดหน้ากล้องออกฉายให้เห็นประมาณ 0.3วินาที ฮ่าๆๆ แต่ถ้าจะนับว่าเป็นเรื่องแรกที่มีบทบาทจริงๆล่ะก็ใช่เลยครับ The Promise คือภาพยนต์เรื่องแรกของผมเลยครับ ผมเคยฝันไว้ตั้งแต่เด็กแล้วว่าครั้งนึงในชีวิตอยากจะแสดงภาพยนต์ดูสักเรื่อง อยากเล่นเรื่องที่เป็นแนวรักใสๆในวัยรุ่นแล้วเรื่องนี้ก็ตรงตามที่เคยฝันไว้พอดีเลยบอกได้เลยว่าดีใจมากๆเลยครับความประทับใจที่มีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ รวมถึง ผู้กำกับด้วย?
ตอนแรกที่ได้เห็นเนื้อเรื่องเต็มๆนี่คือผมตกใจมาก ผมแอบคิดในใจเลยว่าตายแล้ววว เล่นเรื่องนี้ไปต้องโดนคนดูว่าแน่ๆเลยว่าทำไมพระเอกถึงเป็นคนแบบนี้ ทำแบบนี้กับนางเอกได้ยังไง ยิ่งพอถึงฉากจบนี่แบบว่าเล่นเอาน้ำตาไหลกันเลยทีเดียว คือเป็นหนังที่กระชากใจคนดูได้สุดๆไปเลยคับ แต่ว่าผู้กำกับเขาเป็นคนที่มีความคิดที่เปิดกว้าง เขาชอบถามความคิดเห็นของคนในกอง พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆคน ว่าตรงนี้โอเคไหม มีอะไรอยากจให้แก้ไข แนะนำอะไรก็บอกเขาได้เลย พี่แบงค์จะรับฟังความคิดเห็นจากทุกคนแล้วนำมาปรับปรุงเรื่องราวให้มีอรรถรสมากยิ่งขึ้นจนตอนนี้ผมบอกได้เลยว่าผมชอบเรื่องนี้มากครับ ช่วยเล่าคาแรคเตอร์ของพระเอกในเรื่อง / คิดว่ามีส่วนไหนตรงกับเราบ้าง แค่ไหนอย่างไร?
พระเอกนะครับ นิสัยพระเอกนี่เหมือนผมแทบทุกอย่างเลยคับ ต่างกันอย่างเดียวคือพระเอกขยันแต่ผมไม่เลย พระเอกว่าปุ๊บต้องอ่านหนังสือแต่ผมนี่ว่างคือนอนอย่างเดียวเลย ฮ่าๆๆ ส่วนนิสัยที่เหลือนี่บอกได้เลยว่าเหมือนมาก ผมกับนัตเป็นคนไม่ค่อยสนใจสิ่งต่างๆรอบตัว จะสนใจเฉพาะในสิ่งที่เราชอบหรือเราอยากรู้จริงๆ เป็นคนที่เก็บกด มีอะไรไม่ค่อยพูดออกมา ชอบการอยู่คนเดียว ไม่ค่อยสุงสิงกับใครเท่าไหร่ แต่ที่เด็ดๆจริงๆคือ ผมกับนัตเป็นคนที่ขี้ลืมมาก จำคนไม่ค่อยได้ บางครั้งเจอหน้ากัน อ้ะ จำหน้าได้ว่าคุ้นๆแต่นึกชื่อไม่ออก หรือนึกออกแต่ชื่อแต่หน้าตาเป็นยังไงไม่รู้ และเด็ดกว่านั้นคือเป็นพวกซื่อบื่อครับ ฮ่าๆๆ เพื่อนๆก็ชอบว่าอยู่ว่านี่ไม่รู้จริงๆหรือว่าแกล้งไม่รู้กันแน่ (ขอบอกเลยครับว่า ไม่รู้จริงๆครับ ไม่ได้แกล้ง ฮ่าๆๆ)ส่วนตัวเคยสัญญาอะไรกับใครหรือไม่ สัญญาเรื่องอะไร เล่าให้ฟังหน่อย?
ก็มีนะครับ ส่วนใหญ่จะสัญญากับคุณแม่คุณพ่อเป็นหลัก ตอนเด็กๆผมดื้อและซนมาก ชอบสร้างเรื่องให้พวกท่านต้องปวดหัวบ่อยๆ ก็เวลาขอโทษก็จะสัญญากับท่านว่าจะไม่ทำอีกแล้วแต่ด้วยความเป็นเด็กซนที่ขี้ลืมเลยชอบทำผิดแบบเดิมบ่อยๆ แต่พอโตขึ้นมาความซนที่มีก็ลดลงไปบ้าง(รึเปล่า? ไม่แน่ใจ ฮ่าๆๆ) ก็มีทำผิดบ้างแต่ก็น้อยลงทำให้ช่วงโตๆมานี่ไม่ค่อยได้สัญญาอะไรเท่าไหร่ จะมีก็แต่แบบสัญญากับน้องรหัสว่าจะพาไปเลี้ยงข้าว สัญญากับเพื่อนๆว่าวันหยุดนี้จะไปทานข้าวกันครบทีมกับนางเอก อากิโกะ เจอกันครั้งแรกหรือไม่ / ช่วยเล่าบรรยากาศการถ่ายทำ / พูดถึงนางเอกหน่อยว่าเป็นอย่างไร?
ก็กับพี่อากิโกะก็ถือว่าเป็นการเจอกันครั้งแรกนะครับ ตอนนั้นเจอกันตอน workshop พี่เขาเก่งมาก ตอนผู้กำกับขอให้เขาแสดงบทต่างๆให้ดูเขาก็แสดงได้สมจริงมาก ผมเห็นทีไรเป็นต้องเกร็งทุกที แต่พี่เขาเป็นคนน่ารักจะคอยให้กำลังใจและคอยให้คำแนะนำผมเสมอ แต่ที่สุดยอดจริงๆก็คือในวันแรกที่ถ่ายเราก็เจอบทหนักคือเจอฉากโรแมนติกกันเลย แบบว่าตอนนั้นยังไม่ค่อยได้คุยกัน เจอกันใหม่ๆ ผมเกร็งมากก ไม่คิดว่าจะต้องมาเล่นอะไรแบบนี้ในวันแรก ยังไม่ทันเตรียมใจเลย แต่พี่เขาเป็นมืออาชีพมาก พยายามชวนผมคุยทำความสนิทกับผมเพื่อให้ผมรู้สึกผ่อนคลายและหายเกร็ง พี่เขาน่ารักมากๆครับ นี่ถ้าเรียนอยู่ที่เดียวกันนี่ผมคงจีบไปนานแล้ว ฮ่าๆๆ (ล้อเล่นนะครับ)พูดคนละภาษา มีอุปสรรคแค่ไหน อย่างไร?
ในภาพยนต์จะเห็นว่าเราคุยกันคนละภาษาและนัตก็ฟังภาษาญี่ปุ่นไม่รู้เรื่องเวลาจะคุยกันนี่ต้องมีท่าทางมาช่วยบ้าง แต่ในความเป็นจริงผมเป็นคนชอบดูการ์ตูนญี่ปุ่นมากก ติดแบบสุดๆเลย ทำให้ผมฟังภาษญี่ปุ่นออกบ้างเป็นบางคำ เวลาพี่เขาพูดเราก็พอๆจะเดาได้ว่าเขาพูดอะไรแต่ตามบทต้องทำเป็นไม่รู้เรื่อง บางครั้งก็ต้องกลั้นหัวเราะไว้ตอนที่พี่อากิโกะกับพี่ยูกิคุยกัน ถามว่าเป็นอุปสรรคไหม ตอบได้เลยคับว่าถ้าฟังไม่ออกจะดีกว่านะ ฮ่าๆๆฉากประทับใจ และฉากที่คิดว่ายากที่สุด / ฉากแนะนำที่อยากให้ดู?
ฉากที่ผมประทับใจก็คือฉากที่เล่นยากที่สุดและเป็นฉากที่อยากให้คนดูมากที่สุดก็คือฉากบอกรักครับ ฉากนนี้เราถ่ายกันบนเขา เป็นที่ๆสวยมากๆ และฉากนี้ก็เป็นฉากสุดยอดของความยากเพราะจะต้องมรดารบอกรักกันรวมทั้งในวันนั้นก็เป็นวันแรกที่ผมได้ร่วมงานกับพี่อากิโกะ บอกได้เลยครับว่ากดดันมากๆเลย แถมฉากแบบนี้ยังมีคุณแม่มายืนกูอยู่ข้างหน้าเลย เกร็งกันเต็มที่เลยครับงานนี้ แต่พอถ่ายจบแล้วพี่เขาเปิดให้ดูภาพรวมก็เห็นได้เลยว่าฉากนี้เป็นฉากที่สวยมาก มีทั้งความสุข ความซึ้งและความเศร้า ครบทุกรสชาติของควา มรักเลยทีเดียว ผมเลยชอบฉากนี้มากและหวังว่าทุกคนที่ได้ดูคงจะชอบเหมือนกัน แต่ขอร้องนะครับ ดูฉากนี้แล้วอย่าเพิ่งเกลียดพระเอกกันนะคับ ดูให้จบก่อนแล้วค่อยว่ากัน ฮ่าๆๆ"คำสัญญา" ในนิยามของคุณ?
คำสัญญาสำหรับผมหมายถึงการให้สัจจะวาจาที่เราจะต้องพยายามทุกทางที่จะรักษาคำพูดนั้นไว้ให้ได้ การผิดสัญญาจะทำให้คำพูดของเรานั้นดูไม่มีค่าและไม่น่าเชื่อถือ ต้องคิดให้ดีๆก่อนที่จะสัญญากับใคร (โดยเฉพาะกับสาวๆนี่ อย่าไปสัญญาพร่ำเพื่อเด็ดขาดเลย ผู้หญิงจำทีนี่ฝังลึกมากเลย ผู้ชายที่ขี้ลืมไม่ควรทำเด็ดขาดเลย)ถ้าแฟนๆ ดูแล้วอิน อยากให้เป็นแฟนกันจริงๆ เป็นไปได้หรือไม่?
เรื่องนี้ผมว่าต้องถามพี่อากิโกะดีกว่าครับว่าจะรับได้ไหมที่มีแฟนเป็นเด็กติงต๊องแบบผม ถ้าเป็นแฟนกันจริงพี่เขาคงปวดหัวตายแน่นอนเลยคับ ฮ่าๆๆปัจจุบันมีผลงานอะไรบ้าง / แฟนๆสามารถติดตามผลงานน้องได้จากช่องทางไหนบ้าง?
ในปัจจุบันนะครับก็มีภาพยนตร์เรื่องเด็ดน่าดูชื่อ The Promise...คิดถึงครึ่งชีวิต ที่กำลังจะเข้าฉายในวันที่ 26 พฤษภาคม2559 นี้ แล้วก็ยังมี single เพลงใหม่ 2 เพลงที่ใช้ประกอบภาพยนต์นี้ด้วยคือ เพลงกลับมาได้ไหม และเพลงเพียงคิดถึง""ช่วยบอก 9 เหตุผลที่ควรดูหนังเรื่องนี้" ตอบโดย ไอซ์-ณัฐพัชร์ ธนนนทร์กิติยศ
1)เรื่องนี้พระเอกหล่อมากครับบอกตรงๆเลยครับ ฮ่าๆๆ ล้อเล่นนะครับ ความจริงคือเรื่องนี้ทุกคนหน้าตาดีหมดเลยครับทั้งตัวนักแสดงและทีมงาน บอกเลยว่าเราคัดสรรคกันมาอย่างเต็มที่เลย
2) เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เหมาะสำหรับผู้ชายหลายๆคนที่ขี้ลืม ชอบไปสัญญาไว้แล้วลืมบ่อยๆ ถ้ามาดูเรื่องนี้จะทำให้คุณเห็นคุณค่าของคำสัญญามากขึ้น ยิ่งถ้ามาดูเป็นคู่รักกันด้วยแล้วผมขอบอกฝ่ายหญิงได้เลยว่าฝ่ายชายจะรักคุณมากขึ้นอย่างแน่นอนเลย
3)เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้กำกับของเราลงมือคิดลงมือทำในทุกๆส่วนด้วยตัวเองทั้งหมดเพราะเป็นเรื่องที่เขาฝันไว้ว่าอยากจะทำมานานแล้ว ใครที่สนใจอยากจะรู้ตัวตนของผู้กำกับคนนี้ผมแนะนำเลยครับ มาดูเรื่องนี้แล้วจะรู้เลยว่าพี่เขาเป็นคนยังไง หึๆๆ
4)เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราทำงานกันได้แบบใช้งานกันเกินคุ้มมาก พี่ๆทุกคนช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่และทุกคนทำงานด้วยใจ ผมเชื่อว่าถ้าคนที่มาดูเรื่องนี้มองดีๆก็จะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของคนในกองถ่าย
5)ทุกๆคนได้ช่วยกันคิดในรายละเอียดของแต่ละฉากว่าควรจะเพิ่ม ลด หรือแก้ไขตรงไหนบ้าง ทำให้เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่รวบรวมความต้องการของคนดูไว้มาก ใครไปดูก็จะได้ข้อคิดและความประทับใจกลับมาแน่นอน
6)เรื่องนี้ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสำหรับคู่ที่กำลังจะรักกันแต่ไม่รู้จะพูดยังไงให้อีกฝ่ายได้รับรู้ บอเพียงแค่ชวนกันไปดู ออกจากโรงมาพวกคุณไม่ต้องพูดว่ารักแต่แค่มองตากันก็จะรู้สึกได้ถึงความรักนั้นเลยครับ
7)เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีการแฝงข้อคิดอยู่มาก ให้ที่ชอบคิดตามก็จะได้ข้อคิดเยอะมาก แต่ถ้าใครไม่ชอบคิดก็จะได้ความสนุกและคราบน้ำตากลับไปแน่นอน
8)เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของผม อยากให้ทุกคนช่วยมาเป็นกำลังใจให้กับผมกับพี่ๆนักแสดงและทีมงานทุกๆคนด้วยนะคับ
9)เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ถ่ายทอดวัฒนธรรมไทยให้ชาวต่างชาติและคนไทยได้เห็นได้รู้จัก ช่วยเปิดมุมมองให้กับคนที่ไม่เห็นคุณค่าในสิ่งต่างๆรอบตัวให้ได้เห็น
หมายเหตุ ขอบคุณภาพจากเพจ The Promise คิดถึงครึ่งชีวิต แฟนๆ สามารถติดตามเรื่องราวและตัวอย่างของหนังและกิจกรรมสนุกๆ ผ่านหน้าเพจได้ตลอด
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit