นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ห่วงใยสถานการณ์ไฟป่าในหลายพื้นที่ จึงได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติการดับไฟป่าและแก้ไขปัญหาอย่างเต็มกำลัง ซึ่งขณะนี้เกิดสถานการณ์ไฟป่า ใน 3 จังหวัดภาคใต้และภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดนราธิวาส รวม 8 จุด ในพื้นที่ 4 อำเภอ 6 ตำบล 8 หมู่บ้าน ดังนี้ อำเภอสุไหงโก – ลก เกิดไฟป่าในตำบลปาเสมัส จำนวน 2 จุด แยกเป็น บ้านซรายอ พื้นที่ป่าเสม็ดและสวนยางพาราได้รับความเสียประมาณ 800 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าพรุโต๊ะแดงหรือป่าพรุสิรินธร 200 ไร่ และบ้านลูโบ๊ะซามา พื้นที่ชายขอบป่าพรุได้รับความเสียหายประมาณ 50 ไร่ อำเภอสุไหงปาดี จำนวน 3 จุด แยกเป็น ตำบลปะลุรู จำนวน 2 จุด พื้นที่ป่าสงวนสงวนแห่งชาติบางนราแปลงที่ 2 และพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายประมาณ 650 ไร่ และตำบลสุไหงปาดี จำนวน 1 จุด พื้นที่ป่าและพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายประมาณ 150 ไร่ อำเภอบาเจาะ จำนวน 1 จุด ในตำบลบาเระใต้ พื้นที่ป่าพรุและสวนปาล์มได้รับความเสียหาย ประมาณ 100 ไร่ อำเภอยี่งอ จำนวน 2 จุด แยกเป็น ตำบลลุโบะบือชา พื้นที่ได้รับความเสียหาย 3 ไร่ และตำบลตะปอเยาะ พื้นที่ป่าเสม็ดและสวนปาล์มได้รับความเสียหายประมาณ 250 ไร่ จังหวัดชุมพร เกิดไฟป่าบนยอดเขาทะลุ บริเวณรอยต่อ 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลเขาทะลุ ตำบลเขาค่าย และตำบลนาสัก พื้นที่ได้รับความเสียหายประมาณ 100 ไร่ จังหวัดเชียงใหม่ เกิดไฟไหม้ป่าบริเวณใกล้วัดพระธาตุดอยคำ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ พื้นที่ได้รับความเสียหายประมาณ 3 ไร่ ห้องน้ำ 1 ห้อง และกุฏิพระ 1 หลัง ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนธิกำลังเจ้าหน้าที่และเครื่องมืออุปกรณ์ออกปฏิบัติการดับไฟป่าทั้งภาคพื้นดินและทางอากาศ โดยภาคพื้นดินได้ระดมรถดับเพลิง รถบรรทุกน้ำ รถส่งน้ำระยะไกล รถดับไฟป่า ฉีดน้ำควบคุมไฟอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจุดที่ยังมีไฟลุกลาม พร้อมนำรถแบ็คโฮ รถตักหน้าขุดหลัง และรถแทร็กเตอร์จัดทำแนวกันไฟควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัด อีกทั้งเปิดเส้นทางและปรับพื้นที่ให้โล่งเตียน เพื่อให้รถบรรทุกน้ำสามารถเข้าถึงจุดเกิดไฟป่า รวมถึงดำเนินการขุดพื้นที่เป็นจุดๆ แบบขนมครก เพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำในการดับไฟ ส่วนทางอากาศ ได้ประสานสำนักฝนหลวงและการบินเกษตรออกปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่เกิดไฟป่าอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศและหน้าดิน ซึ่งจะทำให้ไฟที่ลุกไหม้ใต้ดินมอดดับลง รวมถึงประสานเฮลิคอปเตอร์จากกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืชขึ้นโปรยน้ำและสารเคมีดับไฟป่า อีกทั้งประสานสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแจกจ่ายหน้ากากอนามัยและให้คำแนะนำการปฏิบัติตนแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาหมอกควัน อย่างไรก็ตาม ในจุดที่สามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว ได้ประสานให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงขอความร่วมมือประชาชนงดเว้นการจุดไฟในพื้นที่ป่า เพื่อป้องกันมิให้ไฟเกิดการปะทุซ้ำ 0-2243-0674 0-2243-2200 www.disaster.go.th
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit