ทีเส็บ ชูโครงการ ART ปี 2 ส่งเสริมงานแสดงสินค้าเป็นเวทีเชื่อมการค้าอาเซียนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พร้อมดันประเทศไทยสู่ “ชาติการค้า”

31 Mar 2016
สนองนโยบายประชารัฐ เสริมความเข้มแข็งอุตสาหกรรมแสดงสินค้านานาชาติ สร้างโอกาสการแข่งขันและเพิ่มมูลค่าการค้า
ทีเส็บ ชูโครงการ ART ปี 2 ส่งเสริมงานแสดงสินค้าเป็นเวทีเชื่อมการค้าอาเซียนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พร้อมดันประเทศไทยสู่ “ชาติการค้า”

ทีเส็บ เปิดตัวโครงการ ASEAN Rising Trade Show (ART) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ส่งเสริมงานแสดงสินค้านานาชาติให้เป็นเวทีเชื่อมการค้าอาเซียน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจพร้อมผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น "ชาติการค้า" (Trading Nation) ตามยุทธศาสตร์รัฐบาล เน้นนโยบายประชารัฐ บูรณาการความร่วมมือภาครัฐและเอกชน เสริมสร้างความเข้มแข็ง สร้างโอกาสทางการแข่งขันและเพิ่มมูลค่าทางการค้าในระดับอาเซียน ยกระดับสู่เวทีการค้าโลกในอนาคต

นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการสายงานกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ ทีเส็บ เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมงานแสดงสินค้านานาชาติถือเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เป็นเวทีเชื่อมการค้าและการลงทุนในระดับอนุภาคและภูมิภาคอาเซียน ช่วยส่งเสริมให้เกิดห่วงโซ่มูลค่า (Global Value Chain) ทั้งด้านการค้าและการลงทุนต่ออุตสาหกรรมหลักของประเทศ สร้างโอกาสให้ผู้ผลิต ผู้ซื้อ และผู้ขายที่มีศักยภาพของอาเซียนได้มาพบกัน โดยเฉพาะ 5 อุตสาหกรรมพื้นฐานตามแนวโน้มการเติบโตของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ พลังงาน อาหารและสินค้าเกษตร สุขภาพ และโครงสร้างพื้นฐาน การเติบโตของอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้านานาชาติที่มั่นคงและยั่งยืน จะเป็นการช่วยผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นชาติการค้า (Trading Nation) ตามยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนประเทศของรัฐบาล

"โครงการ ASEAN Rising Trade Show (ART) ภายใต้แนวคิด Think Big, Go Beyond ที่ได้ดำเนินงานต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ถือเป็นโครงการที่ช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติอาเซียน ซึ่งเกิดขึ้นภายใต้กลยุทธ์การยกระดับงานแสดงสินค้านานาชาติ และการสนับสนุนด้านการเงินเพื่อดำเนินงานด้านการตลาด โดยทีเส็บได้พัฒนาเครือข่ายความร่วมมือในอุตสาหกรรมการแสดงสินค้า ตามแนวทางนโยบายประชารัฐของรัฐบาล โดยในปี พ.ศ. 2559 ทีเส็บได้ขยายความร่วมมือและการสนับสนุนไปยังหน่วยงานภาครัฐทั้ง 5 อุตสาหกรรม เพื่อสร้างความเข้มแข็ง และโอกาสทางการแข่งขันในระดับภูมิภาค ส่วนภาคเอกชนได้ขยายความร่วมมือและให้การสนับสนุนภาคเอกชน หน่วยงาน และสมาคมในอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ มุ่งเน้นการรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชน กำหนดทิศทางการตลาดและการสนับสนุนให้ตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรมและภาคเอกชนมากที่สุด"ด้าน นางจารุวรรณ สุวรรณศาสน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการแสดงสินค้านานาชาติ ทีเส็บ กล่าวถึงผลสำเร็จของโครงการ ASEAN Rising Trade Show ในปี พ.ศ. 2558 ว่า มีงานแสดงสินค้านานาชาติภายใต้การสนับสนุนของโครงการฯ รวม 12 งาน โดยจำนวนนักเดินทางธุรกิจต่างชาติที่เดินทางมาร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติทั้งหมดเติบโตร้อยละ 31.90 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า ในขณะที่ตัวเลขนักเดินทางธุรกิจต่างชาติจากกลุ่มประเทศอาเซียน มีการเติบโตมากกว่าอัตราการเติบโตปกติร้อยละ 45.30 ก่อให้เกิดการขยายความร่วมมือและเชื่อมโยงธุรกิจให้แก่งานที่ได้รับการสนับสนุนไปยังสมาคมการค้าหลักๆ ในอาเซียนเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่งานแสดงสินค้าในระยะยาว

"เนื่องจากงานแสดงสินค้านานาชาติถือเป็นด่านแรกในการเปิดประตูการค้าและการลงทุนในภูมิภาค ทำให้ผู้ผลิต ผู้ซื้อ และผู้ขายในแต่ละอุตสาหกรรมมาพบกัน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมสุขภาพ ที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งและเป็นส่วนหนึ่งของโร้ดแมพสู่การรวมตัวของเศรษฐกิจอาเซียน งานแสดงสินค้านานาชาติจะทำให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเหล่านี้ได้พบปะ เจรจาธุรกิจ ขยายความร่วมมือ และถ่ายโอนความรู้ นำไปสู่การค้าและการลงทุนในที่สุด ขณะเดียวกันยังคาดการณ์การเติบโตต่อเนื่องตามเป้าหมายของแผนแม่บทปีพ.ศ. 2560 – 2564 ว่านักเดินทางธุรกิจในอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติจะเติบโตขึ้นเฉลี่ย 10% และรายได้เติบโตเฉลี่ย 14%"

สำหรับโครงการ ASEAN Rising Trade Show (ART) ปีที่ 2 นี้ ทีเส็บสนับสนุนการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติ เป็นจำนวนรวม 9 งานภายใต้ 4 อุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ พลังงาน อาหารและสินค้าเกษตร สุขภาพและความงาม ซึ่งทีเส็บ สมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) และสมาคมการแสดงสินค้าโลก หรือ UFI ได้กำหนดเกณฑ์การคัดเลือกให้มีความเข้มข้นมากขึ้น โดยนอกจากจะต้องเป็นงานแสดงสินค้าที่มีแนวคิดด้านการตลาดเชิงสร้างสรรค์แล้ว ยังจะต้องส่งเสริมธุรกิจอย่างยั่งยืน มีศักยภาพในการดึงผู้ประกอบการจากประเทศสมาชิกอาเซียนมาร่วมงานได้ ทั้งนี้กิจกรรมการตลาดที่ผู้จัดงานนำเสนอภายใต้โครงการ ASEAN Rising Trade Show จะต้องไม่ทับซ้อนกับแผนงานการตลาดภายใต้การสนับสนุนปกติ และมี KPI ที่สามารถวัดผลได้ชัดเจนเพื่อติดตามผลหลังจบงาน เป็นต้น

ทั้งนี้ งานแสดงสินค้านานาชาติที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ ASEAN Rising Trade Show ในปี 2016 ประกอบด้วยงาน Food & Hotel Thailand 2016 และงาน SIMA ASEAN Thailand 2016 ภายใต้อุตสาหกรรมอาหารและการเกษตร, งาน GRTE 2016 (Global Rubber, Latex & Tire Expo 2016), งาน Automotive Manufacturing 2016 และงาน Assembly and Automation Technology 2016 ภายใต้อุตสาหกรรมยานยนตร์, งาน ASEAN Sustainable Energy Week 2016 และงาน 3W Expo 2016 ภายใต้อุตสาหกรรมพลังงาน, งาน Thailand Lab International 2016 และงาน Beyond Beauty ASEAN Bangkok 2016 ภายใต้อุตสาหกรรมสุขภาพ

คาดการณ์ผลสำเร็จของโครงการ ASEAN Rising Trade Show ตลอดระยะเวลา 3 ปี (2558 – 2560) จะสร้างอัตราการเติบโตของจำนวนนักธุรกิจในอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติจากกลุ่มประเทศอาเซียนเฉลี่ยร้อยละ 30 ต่อปี โดยโครงการ ART ได้วางกรอบระยะเวลาการดำเนินการไว้ 3 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับวาระของการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หลังจาก ครบ 3 ปีแล้ว ทีเส็บยังคงจะริเริ่มโครงการใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับภาวะและแนวโน้มของอุตสาหกรรมการแสดงสินค้าในช่วงหลังจากปี 2560 ต่อไป"ทีเส็บเชื่อมั่นว่าโครงการ ASEAN Rising Trade Show จะช่วยทำให้งานแสดงสินค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมพลังงาน อุตสาหกรรมอาหารและสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมสุขภาพ และอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐาน สามารถพัฒนาศักยภาพได้อย่างเต็มที่ในการก้าวสู่การเป็นงานในระดับภูมิภาคอาเซียน และสามารถสร้างคุณค่าให้กับผู้จัดงานแสดงสินค้า รวมถึงขยายไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมทั้งห้า ตลอดจนขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้บรรลุเป้าหมายในการเป็นศูนย์กลางการแสดงสินค้าของภูมิภาคโดยทีเส็บตั้งเป้าหมายสำหรับปี 2559 ว่าจะสามารถต้อนรับผู้เข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ 191,000 คน และสร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทย 15,650 ล้านบาท"นางศุภวรรณ กล่าวโดยสรุป

HTML::image(