เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2559 ณ ศาลากลางจังหวัดพะเยา นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการจังหวัดพะเยา ได้เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือการขับเคลื่อนกองทุนสวัสดิการชุมชนจังหวัดพะเยา สู่กองทุนการออมแห่งชาติ โดยมีนางมุกดา อินต๊ะสาร ประธานเครือข่ายกองทุนสวัสดิการชุมชน จ.พะเยา นายสุรพงศ์ นิลพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และนายสมพร จิตเป็นธม เลขาธิการคณะกรรมการ กอช. ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือดังกล่าว เพื่อจัดทำโครงการส่งเสริมการออมเงินกับกองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช.
โดยอาศัยภาคีเครือข่ายกองทุนสวัสดิการชุมชนในพื้นที่จังหวัดพะเยา และบริการของ ธ.ก.ส. ในการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการสมัครสมาชิกและส่งเงินสะสม กอช.
นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ประธานในพิธี กล่าวถึงโครงการความร่วมมือในครั้งนี้ว่า พระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. 2554 เป็นกฎหมายเฉพาะที่นับเป็น 1 ในยุทธศาสตร์ชาติที่มีจุดมุ่งหมายสาคัญในการลดความเหลื่อมล้าในสังคม โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างหลักประกันให้ชีวิตยามชราของประชากรที่มีอาชีพอิสระ ซึ่งคนพะเยามากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมดกว่า 130,000 คน เป็นเกษตรกรและทำอาชีพประมงจึงเป็นผู้มีคุณสมบัติที่จะได้รับสิทธิประโยชน์จากมาตรการการออม กอช. ที่ภาครัฐจัดขึ้น ประกอบกับจังหวัดพะเยามีเครือข่ายสวัสดิการชุมชนที่เข้มแข็ง จึงเป็นความได้เปรียบที่กองทุนสวัสดิการ
ชุมชนในพื้นที่ของจังหวัด จะสามารถทำงานประสานความร่วมมือ 3 ฝ่ายในครั้งนี้ เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการออมทรัพย์ของสมาชิก ไปสู่การออมรูปแบบกองทุนการออมแห่งชาติ อย่างมีทิศทางและมุ่งสู่เป้าหมายร่วมกันในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตหลังเกษียณที่ดีกว่าให้กับชาวจังหวัดพะเยา และยังเป็นสังคมต้นแบบด้านการออมที่เข้มแข็งให้กับพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ ตามแนวนโยบาย 'มั่นคงมั่งคั่ง และยั่งยืน'ด้านนางมุกดา อินต๊ะสาร ประธานคณะทำงานเครือข่ายกองทุนสวัสดิการชุมชนหนึ่งในขบวนชุมชนของเครือข่ายสร้างบ้านแปงเมืองพะเยา และภาคีพัฒนาของภาคประชาสังคมและชุมชนท้องถิ่น กล่าวว่า โครงการนี้เกิดขึ้นมา เพื่อสานต่อการจัดสวัสดิการของชุมชนทั้งระบบ ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ทุกคนที่ขาดโอกาสในการออมที่มีการสมทบเช่นเดียวกับข้าราชการที่เวลาเกษียณจะมีบำนาญใช้ไปตลอดชีวิต โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการสานต่อความพยายามและความมุ่งมั่นของคนพะเยาที่ลุกขึ้นมาช่วยกัน เกื้อกูลดูแลกันให้มีการดำเนินการกองทุนสวัสดิการชุมชนทุกตาบล ทั้งชุมชน ท้องถิ่น ท้องที่ และภาคีในพื้นทีตำบล (อปท) ซึ่งการออมกับกอช.จะทำให้ชาวบ้านได้มีโอกาสมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเมื่อถึงเวลาแก่เฒ่า เท่ากับเป็นการลดภาวะการพึ่งพิงทางสังคมและลดภาระการดูแลของภาครัฐ เพิ่มความเข้มแข็งให้กับชุมชนมากยิ่งขึ้น โดยการเริ่มต้นในพื้นที่ 4 ตาบล ต.บ้านถ้า ต.ปิน ต.คือเวียง และต.หนองหล่ม ที่เป็นจุดเริ่มต้นกองทุนสวัสดิการชุมชนในพะเยา และจะเป็นการเริ่มต้น ดาเนินงานขับเคลื่อนของตาบลอื่นๆอีกรวมแล้ว 71 ตาบล ทำหน้าที่ร่วมกับคณะทำงานเครือข่ายสวัสดิการชุมชนจังหวัด ในการอำนวยความสะดวกในการสื่อสาร สร้างความเข้าใจการรับสมาชิก กอช. ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ของตนเอง โดยดำเนินการร่วมกับ ธ.ก.ส. ในการรับสมัครและรวมรวบเงินนำส่ง ซึ่งชาวบ้านจะได้รับความสะดวกมากขึ้น และสามารถเข้าถึงข้อมูลสิทธิประโยชน์ และข่าวสารการบริการของกองทุนการออมแห่งชาติได้อย่างทั่วถึง เข้าใจ และเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเพื่อจัดการชีวิตความเป็นอยู่ของตนเองได้
นายสุรพงศ์ นิลพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธ.ก.ส. เป็นธนาคารพัฒนาชนบทที่มั่นคง มีการจัดการที่ทันสมัยให้บริการทางการเงินครบวงจร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นพึ่งพาตนเองได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของ กอช. และกองทุนสวัสดิการชุมชน ที่จะสนับสนุนเกษตรกรและประชาชนทั่วไปให้ได้รับสวัสดิการจากภาครัฐส่งเสริมให้มีวินัยการออม และมีเงินใช้ยามชราปัจจุบัน ธ.ก.ส. ให้ความร่วมมือแก่ กอช. โดยเป็นช่องทางในการให้บริการทางการเงิน ตั้งแต่ขั้นตอนการรับสมัครสมาชิก การรับเงินสะสม และโอนเงินบำนาญเข้าบัญชีเงินฝากของสมาชิก ผ่าน ธ.ก.ส. สาขาต่างๆ ทั่วประเทศกว่า 1,300 สาขา โดยนับตั้งแต่ที่เริ่มดำเนินการรับสมัครสมาชิก กอช. ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2558 เป็นต้นมา มีลูกค้าของ ธ.ก.ส. ให้ความสนใจสมัครสมาชิก กอช. ผ่านธนาคารอยู่อย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักของธนาคาร และเป็นอาชีพอิสระที่มีสัดส่วนจานวนมากที่สุดอาชีพหนึ่ง
ดังนั้น ธ.ก.ส. จึงร่วมกับ กอช. จัดทำ "โครงการขับเคลื่อนกองทุนสวัสดิการชุมชนสู่กองทุนการออมแห่งชาติ" โดยให้กองทุนสวัสดิการชุมชนเป็นผู้ให้บริการรับสมัครสมาชิกและออมเงิน ผ่าน ธ.ก.ส. ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวถือเป็นเป็นก้าวแรกที่ทำให้เกษตรกรและประชาชน เข้าถึงการเป็นสมาชิก กอช. ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว เพื่อลดค่าใช้จ่ายของสมาชิกในชุมชน และนอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้แก่กองทุนสวัสดิการชุมชนอีกด้วย โดยในอนาคตจะมีการขยายโครงการไปสู่กองทุนสวัสดิการชุมชนในจังหวัดอื่นๆ ต่อไป
นายสมพร จิตเป็นธม เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ หรือกอช. เปิดเผยว่า ภารกิจการหาสมาชิก กอช. เป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างมาก ด้วย ณ ปัจจุบัน กอช. ยังเป็นหน่วยงานที่เริ่มเปิดดาเนินการได้ไม่นาน และยึดหลักแนวทางการบริหารงานเน้นความคุ้มค่าจึงทำให้ กอช. ยังไม่มีนโยบายการจัดตั้งสานักงานในต่างจังหวัดในระยะนี้ ขณะที่กลุ่มเป้าหมายผู้มีสิทธิเป็นสมาชิก กอช. มีจานวนถึง 25 ล้านคนทั่วประเทศ ดังนั้น แนวทางการอาศัยกลไกของภาครัฐและภาคีเครือข่ายภาคประชาชนเอง พร้อมด้วยศักยภาพของ ธ.ก.ส. ที่จะสามารถให้บริการแก่ประชาชนครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ จึงมีความเชื่อมั่นว่าการที่กองทุนสวัสดิการชุมชนร่วมเป็นหน่วยให้บริการและอานวยความสะดวกในการสมัครสมาชิกและส่งเงินสะสมผ่านช่องทางการบริการของ ธ.ก.ส. จะเป็นทิศทางการส่งเสริมการออมกับ กอช. แบบคาดหวังผลได้ในทุกมิติ ทั้งด้านการหาสมาชิก ด้านการสร้างการตระหนักรู้เรื่องการวางแผนการเงินและการออมเพื่อการชราภาพ และการประชาสัมพันธ์บทบาทภารกิจของ กอช. ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นด้วย
'การออมกับ กอช. จะทำให้ชาวบ้านได้มีโอกาสรับบำนาญตลอดชีวิต ซึ่งก่อนหน้านี้ยังไม่เคยมีกฎหมายใดที่เอื้อประโยชน์ในลักษณะนี้ให้กับผู้ที่เป็นแรงงานอิสระที่ไม่มีนายจ้าง จึงทำให้เราเห็นภาพกันอยู่บ่อยๆ ที่คนแก่ตัวมาแต่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ กลายเป็นภาระของลูกหลานและสังคม แต่ถ้าสมัครเป็นสมาชิก กอช. และมีการออมอย่างสม่าเสมอ ก็จะได้รับเงินสมทบจากรัฐบาลต่อเนื่องไป จนถึงมีโอกาสได้รับบานาญตลอดชีวิต ไม่ต้องเกิดเหตุสลดเงินหมดก่อนตาย จนไม่รู้จะใช้ชีวิตอยู่ต่ออย่างไร เหมือนที่เห็นกันอยู่ในสังคมทุกวันนี้'นายสมพรกล่าวเสริม
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลการสมัครสมาชิก กอช. และข้อมูลสิทธิประโยชน์
สาหรับสมาชิกได้ที่ กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) โทร. 02-017-0789 กด 0 วันจันทร์-ศุกร์ 08.30 – 17.30 น. และที่ www.nsf.or.th และ facebook/กองทุนการออมแห่งชาติ
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit