Kaidee แถลงทิศทางปี 59 พร้อมรุกหนักตลาดซื้อ-ขายของมือสองออนไลน์ คาดหวังผู้ขายเพิ่มขึ้น 100%

28 Mar 2016
Kaidee (ขายดี) พื้นที่ซื้อ-ขายสินค้ามือสองออนไลน์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อคนไทย เพราะเราเชื่อว่าการซื้อขายของมือสองจะทำให้ชีวิตคนไทยดีขึ้น เผยมีผู้ขายที่เข้ามาประกาศขายสินค้าในระบบเติบโตขึ้นมากถึง 1 ล้านยูนิคเซลเลอร์ (Unique Seller) ในปีที่ผ่านมา คาดหวังปี 2559 นี้ยอดผู้ขายจะเติบโตขึ้นอีก 100% พร้อมกระตุ้นตลาดขายของมือสองเพื่ออัดฉีดเศรษฐกิจให้มีเงินหมุนเวียนมากขึ้น
Kaidee แถลงทิศทางปี 59 พร้อมรุกหนักตลาดซื้อ-ขายของมือสองออนไลน์ คาดหวังผู้ขายเพิ่มขึ้น 100%

นายทิวา ยอร์ค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร/เฮดโค้ช Kaidee เผยถึงผลการดำเนินงานปี 2558 ที่ผ่านมาว่า "ผลงานของปีที่ผ่านมา เรารู้สึกพอใจเป็นอย่างมากเพราะเป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้ ทำให้เห็นว่าคนไทยเห็นความสำคัญและหันมาให้ความสนใจในการขายของมือสองเพิ่มมากขึ้น โดยมียอดผู้ขายรายใหม่เพิ่มขึ้นถึง 1 ล้านยูนิคเซลเลอร์ มีสินค้าที่ประกาศขายมากถึง 8.6 ล้านประกาศ เฉลี่ยแล้วในทุกๆ 4 วินาทีจะมีผู้ใช้งานเข้ามาโพสต์ประกาศใหม่ 1 ประกาศในระบบ ส่วนของการใช้งานก็คึกคักขึ้นมาก โดยแต่ละวันมีผู้เข้ามาเยี่ยมชมตลาด 650,000 ยูนิควิสิทเตอร์ (Unique Visitor) และมีการเยี่ยมชมมากถึง 40 ล้านเพจวิวต่อวัน ส่วนยอดการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Kaidee ไปใช้งานก็เพิ่มขึ้นถึง 92%"

"นอกจากนั้นแล้ว จากการฟังเสียงและความคิดเห็นของผู้ใช้งาน ทาง Kaidee ก็ได้เปิดให้บริการพิเศษ "เลื่อนประกาศ" เป็นบริการแรกนำร่องที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมาเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถขายสินค้าได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น โดยมีช่องทางการชำระเงินผ่านเอสเอ็มเอส (SMS) หรือจะชำระผ่านไข่ Kaidee Egg (ขายดี เอ้ก) ที่ผู้ใช้งานสามารถใช้บัตรเครดิต/บัตรเดบิตจ่ายเงินเพื่อซื้อบนระบบของเราได้เลย และในปีนี้เราก็วางแผนที่จะเพิ่มช่องทางการจ่ายเงินให้สามารถซื้อผ่านแอปฯ Kaidee ได้เลยทั้งระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) และไอโอเอส (iOS) เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อไข่ Kaidee Egg ได้สะดวกมากขึ้น" นายทิวา กล่าวต่อ

นายทิวา กล่าวย้ำว่า "และที่ทำให้ Kaidee เป็นแหล่งซื้อ-ขายของมือสองออนไลน์ที่มุ่งมั่นพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งก็คือ เรามีฝ่ายบริการลูกค้าที่พร้อมดูแล ตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้งาน และรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้งานตลอด 7 วัน เพื่อที่จะให้ผู้ใช้งานของเราได้ซื้อ-ขายอย่างสบายใจมากที่สุด"

จากผลงานวิจัยที่เราให้บริษัท ทีเอ็นเอส รีเสิร์ช อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ทำการสำรวจสิ่งของเหลือใช้ในบ้านคนไทย พบของสภาพดีที่ยังสามารถใช้งานได้ แต่กลับถูกทิ้งไว้ในบ้านโดยไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์ คิดเป็นมูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาทจากผลการสำรวจพบว่า ทุกครัวเรือนมีของเหลือใช้ที่ยังอยู่ในสภาพดีและสามารถใช้งานได้ เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้าและเครื่องประดับ ยานพาหนะและสินค้ายานยนต์ เครื่องใช้ในบ้าน และของสะสมต่าง ๆ เป็นต้น ทั้งนี้สามารถแบ่งกลุ่มสิ่งของที่ทำการสำรวจออกเป็น 5 กลุ่ม โดยมีการพิจารณามูลค่าโดยเฉลี่ยจากสภาพสิ่งของและอายุการใช้งาน ประกอบด้วย

1. กลุ่มอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ กล้องถ่ายรูป เครื่องเสียง และเครื่องเล่นวิดีโอ

2. กลุ่มแฟชั่น เช่น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ

3. ยานพาหนะและอุปกรณ์ตกแต่ง

4. เครื่องครัวและเครื่องใช้ภายในบ้าน เฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน

5.ของสะสม-ศิลปะและบันเทิง เช่น เครื่องดนตรี ซีดี/ดีวีดี จักรยาน หนังสือ นิตยสาร อุปกรณ์กีฬา

ทั้งนี้ เมื่อนำมูลค่าของสิ่งของที่กลุ่มตัวอย่างไม่ได้ใช้แล้วแต่ยังอยู่ในสภาพดีและสามารถใช้งานได้ทั้งหมดมารวมกัน สามารถจำแนกมูลค่าได้ดังนี้ โทรศัพท์มือถือมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท เครื่องเสียงและเครื่องเล่นวีดิทัศน์ 263.2 ล้านบาท เครื่องครัว 202.6 ล้านบาท เครื่องใช้ในบ้าน 268.5 ล้านบาท เฟอร์นิเจอร์ 127.2 ล้านบาท กระเป๋า 114.8 ล้านบาท รองเท้า 205.6 ล้านบาท เสื้อผ้า 285.9 ล้านบาท ซีดี/วีซีดี/ดีวีดี 26.6 ล้านบาท หนังสือและนิตยสาร 58.5 ล้านบาท เป็นต้น

โดยจากการสำรวจพบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เลือกจะนำของที่ไม่ใช้แล้วไปบริจาคหรือทิ้งมากกว่าจะนำไปขาย โดยมีความตั้งใจที่จะขายอยู่เพียง 40% เท่านั้น ซึ่งสินค้าที่กลุ่มตัวอย่างรู้สึกสะดวกในการขายออนไลน์ ได้แก่ กลุ่มอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (66%) รองลงมาคือกลุ่มสินค้าแฟชั่น (53%) และยานพาหนะและของตกแต่ง (29%) ตามลำดับ โดยหากแบ่งย่อยโดยระบุตัวสินค้าพบว่า มากที่สุดคือโทรศัพท์มือถือ (53%) เสื้อผ้า (47%) คอมพิวเตอร์/แล็บท็อป/แท็บเล็ต (39%) และ รองเท้า (32%)

ในปี 2559 นี้ การซื้อ-ขายผ่านช่องทางออนไลน์จะเติบโตและคึกคักมากยิ่งกว่าที่ผ่านมา เพราะการเติบโตของอินเทอร์เน็ตที่มากขึ้นทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงช่องทางการซื้อ-ขายได้ง่ายขึ้น ทาง Kaidee ยังจะมุ่งเน้นในการชักชวนให้คนไทยหันมาให้ความสนใจและลองขายของที่ไม่ได้ใช้ให้มากขึ้น ผ่านช่องทางการตลาดต่างๆ ที่สามารถเข้าถึงคนไทยได้มากที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุด เนื่องจากการซื้อ-ขายของที่ไม่ได้ใช้งานเป็นการกระตุ้นให้มีการไหลเวียนของเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจได้อีกช่องทางหนึ่ง และคาดว่าในปีนี้เราจะมียอดการเติบโตของผู้ขายอีก 100% จากปีที่ผ่านมา

นายทิวา กล่าวปิดท้ายว่า "ทีม Kaidee ยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาแพลตฟอร์มของเราให้ดีมากขึ้นไปอีก เพื่อให้คนไทยสามารถซื้อ-ขายของมือสองได้ง่ายและสะดวกสบายมากที่สุด นอกจากนั้นแล้ว เรายังมองหาพันธมิตรอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะได้ปลุกคนไทยให้เห็นถึงความสำคัญของการนำของที่ไม่ได้ใช้งานมาส่งต่อ เพราะของที่คุณไม่ได้ใช้นั้นยังเป็นที่ต้องการของคนอีกหลายๆ คน"

HTML::image(
ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit